˹����ѡ ����͡Ẻ �����¹Ẻ ����ͧ�����¹Ẻ ��鹷����㹡����¹Ẻ �����¹�Ҿ㹧ҹ��¹Ẻ �ѭ�ѡɳ�����㹡����¹Ẻ ��鹷����㹧ҹ��¹Ẻ �ҵðҹ���㹧ҹ��¹Ẻ �ٻ�ʴ��������¢ͧ��鹷�������㹧ҹ��ԧ
��������С����ҹ�ͧ��� �ҡ�ٻ �繡����¹�Ҿ����Ե� ����Ҿ�ͧ�Ե� ��觨������� ��觷��ᵡ��ҧ㹡����¹Ẻ��������Ѵਹ ��� ����˹� �ҧ �ͧ��� ��鹹�鹨Ъ����������ҹẺ���� ��ЪѴਹ ����ᵡ��ҧ ����觻���������˹ҵ���ѡɳС����ҹ㹡����¹Ẻ
��Ѻ�˹�ҡ����¹Ẻ 2.มาตราฐานในการเขียนแบบ 2.1 กระดาษเขียนแบบ 2.2 เส้นต่าง ๆ ที่ใช้ในงานเขียนแบบ 2.3 การเขียนตัวอักษร 2. มาตรฐานในการเขียนแบบ การเขียนแบบจัดเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญช่างเทคนิคเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับงานด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ช่างเทคนิคที่เขียนแบบจะถ่ายทอดความคิด และการสเกตซ์ของวิศวกรสถาปนิกมาเป็นรายละเอียดในงานเขียนแบบ และการระบุรายการในงานเขียนแบบเพื่อให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้สั่งงานกับผู้ปฏิบัติงาน จึงมีการกำหนดมาตรฐานในงานเขียนแบบขึ้น ความหมายของมาตรฐาน มาตรฐาน หมายถึง ข้อกำหนดหรือข้อตกลงกันระหว่างผู้ผลิต และผู้ใช้เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกันเกี่ยวกับขนาดรูปร่าง น้ำหนัก และส่วนผสมของวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำการผลิตขึ้นจากแหล่งผลิตต่าง ๆ ให้มีคุณสมบัติและคุณภาพเหมือนกันสามารถนำมาใช้สับเปลี่ยนทดแทนกันได้ 2.1 กระดาษเขียนแบบ กระดาษเขียนแบบมีหลายขนาด ผู้เขียนสามารถเลือกใช้ขนาดของกระดาษเขียนแบบให้เหมาะสมกับขนาดของแบบที่ต้องการ ขนาดของกระดาษเขียนแบบในระบบ
SI unit หรือระบบเมตริก ขนาดของกระดาษ A0 จะมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีพื้นที่ 1 ตารางเมตร มีความกว้าง : ความยาว คือ ภาพที่ 2.1 แสดงวิธีการคำนวณหาขนาดของกระดาษ A0 กระดาษเขียนแบบ A0 ถ้านำไปแบ่งครึ่งออกไปเรื่อย ๆ กระดาษจะเล็กลงครึ่งหนึ่ง จากกระดาษมาตรฐาน A0 จะเปลี่ยนเป็นขนาด A1, A2, A3 และ A4 ตามลำดับ โปรดสังเกตกระดาษ A1 จะมีพื้นที่น้อยกว่ากระดาษ A0 จำนวน 1 เท่า และกระดาษ A2 จะมีพื้นที่น้อยกว่ากระดาษ A1 จำนวน 1 เท่า เป็นสัดส่วนลงไปเรื่อย ๆ ดังแสดงในภาพที่ 2.2 ภาพที่ 2.2 แสดงสัดส่วนของกระดาษเขียนแบบตามมาตรฐาน ระบบเมตริกซึ่งมีอัตราส่วนความกว้าง : ความยาว คือ เปรียบเทียบขนาดของกระดาษเขียนแบบระบบเมตริกและระบบอังกฤษ 2.2 การติดกระดาษ ในการติดกระดาษจะต้องติดกระดาษลงบนกระดาษเขียนแบบให้สนิท โดยใช้เทปกาว ควรวางตำแหน่งของกระดาษเขียนแบบให้ใกล้กับขอบซ้ายมือของกระดานเขียนแบบ เพื่อให้เกิดระยะผิดพลาดจากการเขียนแบบน้อยที่สุด ภาพที่ 2.3 การติดกระดาษเขียนแบบ 2.3 ตารางรายการ เป็นตารางบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของแบบ เช่น ชื่อของแบบงาน ชื่อผู้เขียนแบบ มาตราส่วนชื่อบริษัทหรือสถานศึกษา วัน/เดือน/ปี ที่เขียนแบบและหมายเลขแบบ เป็นต้น ตารางรายการนี้ถ้าใช้กระดาษเขียนแบบขนาด A4 สามารถแสดงไว้ด้านล่างตลอดความยาวของกระดาษ แต่ถ้าใช้กระดาษ A3 ซึ่งมีความยาวมาก อาจเขียนไว้บริเวณมุมขวามือของกระดาษได้ ดังแสดงในภาพที่ 2.4 ภาพที่ 2.4 แสดงลักษณะและขนาดของตารางรายการของแบบ ภาพที่ 2.5 แสดงลักษณะและขนาดของตารางรายการของแบบของกระดาษขนาด A3 3. เส้น เส้นร่างแบบใช้เพื่อร่างแบบงานโดยเขียนอย่างเบาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเขียนอีกหรือเป็นการเข้าใจผิดกันเส้นอื่น ๆ ในการเขียนแบบ โดยทั่ว ๆ ไปชนิดของเส้นในงานวิศวกรรมมีอยู่หลายชนิด ดังตารางแสดงชนิดของเส้น ชื่อของเส้นและลักษณะการใช้งาน
ภาพที่ 2.6 ลักษณะของเส้นในการใช้งานเขียนแบบ 3.1.1 แสดงชนิดของเส้นการใช้งานและตัวอย่างการใช้งาน 4. การเขียนตัวอักษรและตัวเลข ข้อมูลในการเขียนแบบซึ่งไม่สามารถแสดงเป็นรูปทรงโดยเส้นอาจแสดงโดยกำหนดขนาดเป็นตัวเลข ตัวอักษร ซึ่งจะให้รายละเอียดในแบบงานได้อย่างครบถ้วนและมีความหมายที่สมบูรณ์ การเขียนตัวเลขและตัวอักษรเขียนได้หลาย ๆ วิธี การเขียนด้วยมือ การเขียนด้วยอุปกรณ์โดยใช้แผ่นแม่แบบ เป็นต้น ตัวอักษรระบบโกติกใช้วิธีเขียนแบบซิงเกิลสโตรค (Single Stroke Gothic Lettering) มาตรฐานของตัวอักษรได้พัฒนาดัดแปลงรูปแบบของชุดตัวพิมพ์ตัวอักษรแบบโกติก คำว่าชุดตัวพิมพ์ (front) หมายถึง การจำแนกหรือการจัดเป็นชุดเดียวกันในขนาดและรูปแบบของตัวอักษรและคำว่า ซิงเกิลสโตรก (Single-stroke) มาจากหลักความจริงว่า แต่ละตัวอักษรเขียนขึ้นด้วยเส้นตรงเดี่ยวหรือเส้นโค้งพื้นฐาน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียนและสะดวกต่อการอ่าน เหตุผลที่งานอุตสาหกรรมยอมรับการเขียนตัวอักษรรูปแบบนี้ก็เพราะว่าตัวอักษรชนิดเขียนได้เร็วมาก ตัวอักษรโกติกแบ่งออกเป็น ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ และตัวอักษรพิมพ์เล็ก(ตรงและเอียง)ดังรูป 4.1 การเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ภาพที่ 4.7 การเขียนอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ตรงและตัวพิมพ์เล็กตรง ภาพที่ 2.8 การเขียนอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่เอียงและตัวพิมพ์เล็กเอียง การเขียนตัวอักษรและตัวเลขไทย
ภาพที่ 2.9 การเขียนตัวอักษรภาษาไทยและตัวเลข รูปแบบในการเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ รูปแบบของการเขียนตัวอักษรตัวใหญ่นั้นบางกลุ่มมีอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูงเท่ากันแต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูง คือ 5/6 แต่มีอยู่ 1 ตัวที่มีความกว้างมากกว่าความสูง นั่นก็คือ ตัว “W” ดังแสดงในภาพที่ 2.10 และภาพที่ 2.11 ภาพที่ 2.10 แสดงอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูงของตัวอักษรตัวตรง ภาพที่ 2.11 แสดงอัตราส่วนระหว่างความกว้างต่อความสูงของตัวอักษรตัวเอียง ตัวอักษรพิมพ์ตัวเล็ก ตัวอักษรพิมพ์เล็กนั้นประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนหลักซึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนบน และส่วนล่าง โดยส่วนหลักจะมีความสูงเป็น 2/3 ของความสูงของตัวอักษรนำ ถ้าส่วนหลักเป็น 2/3 ของตัวอักษรนำส่วนบนและส่วนล่างก็จะเป็น 1/6 ของอักษรนำ ดังแสดงในภาพที่ 2.12 และ 2.13 ภาพที่ 2.12 แสดงโครงสร้างของอักษรตัวพิมพ์เล็ก ภาพที่ 2.13 แสดงขั้นตอนการเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็ก 5. มาตราส่วน มาตราส่วน (scale) โดยทั่ว ๆ ไปจะอยู่ใต้ภาพของชิ้นงานหรืออยู่ภายในบล็อคของกระดาษเขียนแบบเป็นการยากที่จะเขียนแบบขนาดเต็มเท่ากับชิ้นงานจริง เช่น เครื่องบิน อาคารสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการลดขนาดโดยใช้มาตราส่วนย่อ ในทางตรงกันข้ามกัน ชิ้นส่วนเล็ก ๆ เช่น เฟืองนาฬิกา ก็ต้องขยายภาพเพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจน จึงต้องมีการใช้มาตราส่วนขยาย มาตราส่วนที่นิยมใช้ในงานเขียนแบบเครื่องกล คือ 1. มาตรฐานส่วนเต็ม เช่น มาตราส่วน 1:1 ภาพที่ 2.14 มาตราส่วนเต็ม 1 :1 2. มาตราส่วนย่อ เช่น มาตราส่วน 1:2 1:5 1:10 หรือ 1:1000 เป็นต้น ภาพที่ 2.15 มาตราส่วน 1 :2 3. มาตราส่วนขยาย เช่น มาตราส่วน 2:1 5:1 10:1 เป็นต้น ภาพที่ 2.16 มาตราส่วนขยาย 2:1 ตัวอย่างมาตราส่วนเต็ม มาตราส่วนขยาย และมาตราส่วนย่อ ตารางแสดงการเปรียบเทียบมาตราส่วน
สัญลักษณ์ของหน่วยในระบบเมตริก การแปลงหน่วยระบบเมตริกเป็นระบบนิ้ว มิลลิเมตร = มม. 1 มิลลิเมตร = 0.03937 นิ้ว เซนติเมตร = ซม. 1 เซนติเมตร = 0.3937 นิ้ว เดซิเมตร = ดม. 1 เมตร = 39.37 นิ้ว เมตร = ม. 1 กิโลเมตร = 0.6214 ไมล์ |