พระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ประจำเดือนกรกฎาคม 2565 ทำไมต้องมีมาตรฐานสินค้าเกษตร ?? ♦ สร้างกลไกสำคัญในการพัฒนา เพิ่มความสามารถการเเข่งขัน เพื่อยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรไทยให้มีคุณภาพเเละได้มาตรฐานทั้งสินค้าเกษตรด้านพืช ปศุสัตว์ เเละประมง ♦ ปกป้องผลประโยชน์ ในการส่งออกสินค้าเกษตรเเละอาหารในเวทีการค้าโลก ♦ เป็นเครื่องมือควบคุมมาตรฐานสินค้าเกษตร เเละกิจกรรมต่อเนื่องที่ไม่มีกฎหมายอื่นใช้บังคับตั้งเเต่ระดับฟาร์ม การเเปรรูป การขนส่ง เเละการจำหน่ายให้กับผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้ประเทศผู้นำเข้าเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าเกษตรเเละอาหารของไทยมากยิ่งขึ้น ♦ สร้างความน่าเชื่อถือ ระหว่างผู้ผลิต-ผู้ค้า-ผู้บริโภค ♦ สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ ♦ คุ้มครองผู้ผู้บริโภค จากสินค้าเกษตรที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่ปลอดภัย สาระสำคัญของพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 มาตรฐานสินค้าเกษตร คือ ข้อกำหนดทางวิชาการหรือเกณฑ์ทั่วไปที่กำหนดขึ้นเกี่ยวกับผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อันเกิดจากการกสิกรรม การประมง การปศุสัตว์ หรือการป่าไม้ เเละผลพลอยได้ของผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยการกำหนดเเละผ่านการยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเป็นเเนวทางหรือหลักเกณฑ์ที่ใช้กันทั่วไป 1. คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐเเละภาคเอกชน เเละผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย เเผนงาน เเละมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมเเละดำเนินการมาตรฐานสำหรับสินค้าเกษตร 2. การกำหนดมาตรฐาน เเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ มาตรฐานบังคับ เเละ มาตรฐานทั่วไป ♦ มาตรฐานบังคับ มีกฏกระทรวงกำหนดให้สินค้าเกษตรต้องเป็นไปตามมาตรฐานปัจจุบัน มีมาตรฐานบังคับเเล้ว จำนวน 7 เรื่อง ได้เเก่ 1. มกษ. 1004-2557 หลักปฎิบัติสำหรับกระบวนการรมผลไม้สดด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซต์ 2. มกษ. 4702-2557 เมล็ดถั่วลิสง : ข้อกำหนดปริมาณอะฟลาทอกซิน 3. มกษ. 7432-2558 การปฎิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวเเวนนาไมปลอดโรค 4. มกษ. 9046-2560 การปฎิบัติที่ดีสำหรับการผลิตทุเรียนเเช่เยือกเเข็งเพื่อการส่งออก 5. มกษ. 6401-2558 การปฎิบัติที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ 6. มกษ. 2507-2559 หลักปฎิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ด 7. มกษ. 6909-2562 การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มไก่ไข่ ♦ มาตรฐานทั่วไปมีประกาศกำหนดเพื่อส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ได้ตามมาตรฐานปัจจุบัน มีการกำหนดมาตรฐานทั่วไปเเล้ว เเบ่งได้ดังนี้ 3. ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า สินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ ในกรณีที่มีกฏกระทรวงกำหนดมาตรฐานบังคับสำหรับสินค้าเกษตรใด ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า จะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาต จาก มกอช. หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ได้รับมอบหมาย 4. การตรวจสอบเเละรับรองมาตรฐาน • กรณีที่สินค้าเกษตรใดเป็นมาตรฐานบังคับ ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า จะต้องขอรับการตรวจรับรองจากผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน (หน่วยตรวจสอบรับรองของรัฐ/เอกชน) • กรณีสินค้าเกษตรตามมาตรฐานทั่วไป ผู้ผลิตจะขอรับการตรวจสอบรับรองหรือไม่ก็ได้ตามความสมัครใจ 5. การประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน หน่วยตรวจสอบรับรองภาคเอกชนที่มีความสามารถ มีการจัดองค์กรให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเเละประสงค์จะทำหน้าที่ตรวจสอบรับรองตามมตรฐานสินค้าเกษตร จะต้องขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน 6. การควบคุม กฎหมายได้สร้างกลไกการควบคุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรทั้งระบบ เช่น ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย รวมถึงผู้ขนส่งสินค้าเกษตรทำให้เชื่อมั่นได้ว่าสินค้าเกษตรมีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบรับรองกลไกที่สำคัญ ได้เเก่ • การตรวจสอบสถานที่ผลิต สถานที่เก็บสินค้าเกษตร หรือยานพาหนะของผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย หรือผู้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย รวมถึงห้องปฎิบัติการของผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน • การสุ่มตัวอย่างสินค้าเกษตรเพื่อตรวจสอบ การยึดเเละอายัดสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน • การพักใช้เเละเพิกถอนใบอนุญาต 7. เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน สินค้าเกษตรที่ผ่านการตรวจสอบรับรองเเล้วจะต้องเเสดงเครื่องหมายรับรองตามที่กฏหมายกำหนด โดยเครื่องหมายรับรองมาตรฐานเเบ่งออกเป็น 1. เครื่องหมายรับรองมาตรฐานบังคับ 2. เครื่องหมายรับรองมาตรฐานทั่วไป 3. เครื่องหมายรับรองมาตรฐานอินทรีย์ 8. การอุทธรณ์ ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า หรือผู้ประกอบการตรวจสอบรับรองมาตรฐาน มีสิทธิอุทธรณ์ คำสั่งสำนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ต่อคณะกรรมการเป็นหนังสือได้ โดยยื่นเป็นหนังสือต่อสำนักงานภายใน 30 วัน นับเเต่วันได้รับเเจ้งคำสั่ง 9. บทกำหนดโทษ การฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้กฏหมายกำหนดให้ต้องระวางโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามเเต่กรณี ที่มา : สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรเเละอาหารเเห่งชาติ กระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ (www.acfs.go.th) |