หญิงที่ตั้งครรภ์ในเดือนที่ 8-9 มักจะมีอาการมดลูกหดเกร็ง ทำให้มีอาการปวดบ้างเล็กน้อยซึ่งเป็นการเจ็บเตือน และจะมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะคลอด โดยจะมีอาการต่างๆ คอยเตือนว่าเป็นการเจ็บเตือนหรือเจ็บท้องจะคลอดจริงๆ คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจจะสับสนว่าเจ็บแบบไหนเจ็บเตือนแบบไหนเป็นการเจ็บท้องคลอดจริง ทำให้เกิดความวิตกกังวล ดังนั้นคุณแม่มือใหม่ทั้งหลายควรเรียนรู้ถึงอาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเพื่อจะได้ตัดสินใจถูกต้อง Show
อาการเตือนก่อนคลอด เป็นอย่างไร •อาการท้องลดและการเคลื่อนต่ำของส่วนนำเข้าสู่อุ้งเชิงกราน เกิดขึ้นประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ก่อนคลอด ทารกในครรภ์จะเคลื่อนตัวลงสู่อุ้งเชิงกราน ทำให้ความสูงของยอดมดลูกลดลงเล็กน้อย อาการนี้เป็นอาการแรกของการเข้าสู่ระยะการคลอด •ปวดท้องน้อยและทวารหนัก จะรู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับบริเวณขาหนีบ และปวดหลังส่วนล่างตลอดเวลา •น้ำหนักตัวคงที่หรือลดลงเล็กน้อย โดยปกติหญิงตั้งครรภ์จะมีน้ำหนักตัวเเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม แต่ในระยะใกล้คลอดสามารถลดลงถึง 1 กิโลกรัม •รู้สึกเหมือนหมดแรง ลื่นล้มง่าย ชอบอยู่นิ่งๆ เพื่อเตรียมพลังเพื่อเลี้ยงลูก •มูกในช่องคลอดเหนียวและข้นมากขึ้น •มูกที่อุดปากมดลูกหลุด แต่อาจอยู่ในช่องคลอดโดยจะขับออกมาเมื่อน้ำเดินหรือเจ็บครรภ์จริง ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากหลุดจากปากมดลูก •มีมูกเลือดปน เนื่องจากการเปิดของปากมดลูกจะมีการฉีกขาดของเยื่อบุและหลอดเลือดฝอยบริเวณ นั้น ทำให้มีเลือดปนออกมา หากมีอาการนี้เกิดขึ้นแสดงว่าจะมีการคลอดเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง แต่บางรายอาจจะเลื่อนออกไปได้อีกหลายวัน •การหดรัดตัวของมดลูกจะแรงและบ่อยขึ้น จนทำให้เกิดอาการเจ็บปวด •ท้องเสีย เนื่องจากลำไส้ส่วนล่างถูกรบกวน อาการเจ็บเตือน เป็นอย่างไร •จะเจ็บบริเวณท้องน้อย ไม่ปวดร้าวไปด้านหลัง •อาการเจ็บจะดีขึ้นเมื่อเดินรอบหรือเปลี่ยนอิริยาบถ •ลักษณะมูกจะออกเป็นเลือดเก่าคือสีจะเข้ม ไม่เป็นสีชมพูสด หรือแดงสด •การดิ้นของทารกจะแรงขึ้น อาการเจ็บท้องคลอดจริง เป็นอย่างไร •อาการเจ็บจะเริ่มที่หลังแล้วปวดร้าวมาถึงด้านหน้าบริเวณหัวหน่าวและท้อง น้อย บางครั้งจะปวดร้าวลงขา และอาจมีอาการปวดท้องอยากถ่ายอุจจาระและถ่ายบ่อย •มีมูกเลือดปนออกมาเป็นเลือดสด สีจะแดงสด •มีถุงน้ำแตก จะรู้ได้อย่างไรว่า ได้เวลาไปโรงพยาบาลแล้ว •กรณีที่เจ็บครรภ์น้อยๆ อาจจะพักอยู่กับบ้าน 4-8 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ็บครรภ์จริง จึงเตรียมตัวไปโรงพยาบาล อย่ากลัวว่าถ้าไม่เจ็บท้องคลอดจริงแล้วไปโรงพยาบาลจะโดนทางโรงพยาบาลต่อว่าใดๆ อาการเจ็บบริเวณท้องน้อย ขณะตั้งครรภ์ หรือ ปวดอุ้งเชิงกราน ขณะตั้งครรภ์ รวมทั้งการปวดบริเวณท้องน้อย แบบจี๊ด ๆ หน่วย ๆ อาการปวดนี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคุณแม่ที่มักจะเกิดอาการดังกล่าวในช่วงไตรมาสแรก เป็นเพราะสาเหตุอะไร แล้วอาการดังกล่าว จะเป็นสัญญาณอันตรายถึงโรคร้ายหรือไม่ แล้วเราจะสามารถรักษาอาการนี้ให้หายได้อย่างไร มาดูกันค่ะ
ปวดอุ้งเชิงกราน ขณะตั้งครรภ์ เป็นเพราะอะไร?ปวดอุ้งเชิงกรานปวดท้องจี๊ด ๆ ท้องน้อย ปวดท้องน้อยขณะตั้งครรภ์ จะอยู่บริเวณใต้สะดือ ซึ่งเป็นที่อยู่ของอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ มดลูก ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ รังไข่ กระเพาะปัสสาวะ และช่องคลอด ซึ่งอาการปวดตรงช่วงท้องน้อยนั้น จะเป็นอาการปวดแบบหน่วง ๆ หรือปวดแบบจี๊ด ๆ คล้ายกับอาการปวดประจำเดือน โดยอาการปวดดังกล่าว จะเกิดขึ้นเป็นพัก ๆ และจะค่อย ๆ อาการปวดท้องน้อยขณะตั้งครรภ์อ่อน ๆ จะหายไปเอง บทความที่เกี่ยวข้อง : อาการปวดท้องคลอดลูกเป็นอย่างไร อาการใกล้คลอด เจ็บท้องจริง เจ็บท้องหลอก
คนท้องปวดท้องน้อย ปวดอุ้งเชิงกราน ขณะตั้งครรภ์อาการปวดอุ้งเชิงกราน ขณะตั้งครรภ์ ปวดท้องจี๊ด ๆ ปวดหน่วงมดลูกตั้งครรภ์ ปวดท้องน้อยขณะตั้งครรภ์ ท้องแล้วปวดท้องน้อย ที่เกิดกับคนท้อง อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ปวดท้องน้อยหน่วง ๆ การเปลี่ยนแปลงของมดลูกเมื่อตั้งท้อง มดลูกของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเกิดการเกร็งตัว เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเด็กทารก ซึ่งคุณแม่หลาย ๆ ท่านมักจะรู้สึกปวดท้องน้อยจี๊ด ๆ ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ และเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่สอง อาการ ปวดท้องน้อยจี๊ด ๆ ดังกล่าวก็จะหายไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลใจ เพราะอาการปวดที่เกิดจากการที่มดลูกขยายตัว เกิดขึ้นได้กับคนท้องทุกคน
2. ปวดท้องน้อยจี๊ด ๆ เสี่ยง ท้องนอกมดลูกปวดท้องน้อยขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม่รู้สึกปวดท้องน้อย หรือ ปวดท้องจี๊ด ๆ ที่ข้างใดข้างหนึ่งอย่างรุนแรง ปวดแบบเฉียบพลัน และปวดมากถึงขนาดจะเป็นลม พร้อม ๆ กับมีเลือดไหลในช่องคลอดกะปริบกะปรอย ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้ อาจบ่งบอกได้ว่าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์นอกมดลูก
โดยทั่วไปแล้ว ปวดท้องน้อยจี๊ด ๆ ปวดท้องน้อยขณะตั้งครรภ์ อาการปวดนี้ จะเกิดจากการที่ตัวอ่อน ได้ไปฝังตัวอยู่นอกโพรงมดลูก หากปล่อยไว้จะทำให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตนอกมดลูกได้ จนอาจทำให้อวัยวะนั้นฉีกขาด มีเลือดออกในช่องคลอด และเป็นอันตรายต่อชีวิตของคุณแม่ ซึ่งคนที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศ อุ้งเชิงกรานอักเสบ เคยเข้ารับการผ่าตัดทางช่องท้อง เคยมีประวัติท้องนอกมดลูกมาก่อน รวมทั้งคนที่ชอบสูบบุหรี่ เคยใช้ถุงยางคุมกำเนิด และคนที่ตั้งครรภ์หลังจากอายุ 35 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงท้องนอกมดลูกมากกว่าคนอื่น ๆ บทความที่เกี่ยวข้อง : เบื่อมาก!! ปวดหลังปวดท้อง หนาวใน ไม่มีนมให้ลูก ขอเคล็ดลับ ฟื้นฟูร่างกายแม่ ด่วน!
3. ปวดหน่วงมดลูกตั้งครรภ์ อาจนำไปสู่แท้งลูกปวดอุ้งเชิงกรานขณะตั้งครรภ์ เป็น ๆ หาย ๆ ตั้งครรภ์ คุณแม่ที่แท้งลูก จะมีเลือดหรือมูกปนเลือด ไหลออกมาทางช่องคลอด จะรู้สึกปวดท้องน้อย ปวดท้องจี๊ด ๆ ปวดหลังอย่างมาก รวมทั้งน้ำหนักตัวลด มดลูกแข็งตัวหรือบีบตัวบ่อย ท้องมีขนาดเล็กลง หรือท้องไม่โตขึ้นเลย นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ตึงคัดเต้านม เป็นต้น ซึ่งภาวะแท้งบุตรมักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ได้ประมาณ 4 - 20 สัปดาห์ ปวดท้องน้อยขณะตั้งครรภ์ 4 เดือน หากคุณแม่พบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ ให้รีบเข้าพบแพทย์โดยด่วน
4. ปวดท้องหน่วง ๆ ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ภาวะแทรกซ้อนของ อุ้งเชิงกรานอักเสบปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ด ๆ ตั้งครรภ์ โรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรืออุ้งเชิงการอักเสบ สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือเหมาะสม โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่มักพบจากโรคนี้ มีดังต่อไปนี้
ผู้ป่วยบางคนอาจเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยรับประทานยาไม่ครบ ไม่รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง หรือมีคู่นอนที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ยังไม่ได้รับการตรวจ หรือรักษา หรืออาจจะเกิดจากกรณีที่รังไข่ หรือท่อรังไข่ เคยอักเสบแล้วติดเชื้ออีก ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจจะใช้ชีวิตได้ยากขึ้น เพราะอาจต้องรับมือกับอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น นอนไม่หลับ เป็นซึมเศร้า เป็นต้น ซึ่งการรับประทานยาแก้ปวดอย่างยาพาราเซตามอล หรือยาไอบูโพรเฟน จะช่วยบรรเทาอาการได้เบื้องต้น แต่หากรับประทานแล้วอาการไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หรือสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและทำการรักษา
โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ อาจทำให้เกิดฝีได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งฝีมักจะขึ้นที่บริเวณท่อนำไข่และรังไข่ โดยผู้ป่วยที่เป็นฝีจะต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และในบางกรณี อาจต้องผ่าตัดเพื่อระบายน้ำหนองออกจากฝี
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่เป็นอุ้งเชิงกรานอักเสบและเป็นฝีในท่อนำไข่ อาจมีบุตรได้ยากขึ้น เนื่องจากไข่จะไม่สามารถผ่านเข้าไปในมดลูกได้ หากได้รับการรักษาล่าช้า ก็จะยิ่งทำให้มีลูกยากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายขาดจากโรค สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ซึ่งโรคนี้ จะสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด
บทความจากพันธมิตร ระยะการตั้งครรภ์ แม่ท้องอย่ามองข้าม อาการท้องผูก ในระหว่างตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการแท้งได้จริง? เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง Attitude Mom รุ่น Galaxy II เครื่องปั๊มนม ที่คุณแม่วางใจ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง รีวิว IMANI i2 Plus อันดับ 1 เครื่องปั๊มนมไร้สายสุดพรีเมียม ผู้ช่วยของคุณแม่ยุคใหม่ที่ทำให้การปั๊มนมเป็นเรื่องง่าย เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง เตรียมความพร้อมก่อนกลับไปทำงานของคุณแม่นักปั๊มฉบับ Working Mom วิธีดูแลตัวเอง เมื่อคุณแม่ ปวดหน่วงท้องน้อยขณะตั้งครรภ์สำหรับคุณแม่ที่มีอาการปวดท้องน้อย คนท้องเจ็บท้องน้อย ปวดท้องหน่วง ๆ ตั้งครรภ์อ่อน ๆ แนะนำให้ดูแลตัวเองด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
อาการผิดปกติที่ควรพบแพทย์ทันที
ทำไมคุณแม่ผ่าคลอดยุคนี้ ถึงไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพของลูกผ่าคลอดมากจนเกินไป เข้ามาอ่าน หรือแชร์ประสบการณ์ของเหล่าคุณแม่ผ่าคลอดด้วยกันได้ที่ คลับแม่ผ่าคลอด (C Section Club)
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : อาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์ แบบไหนที่ต้องเจอ 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 9 ปวดท้องด้านซ้ายระหว่างตั้งครรภ์ เกิดจากสาเหตุ อันตรายไหม? ปวดท้องหลังคลอด ปวดมดลูกหลังคลอดเกิดจากอะไร มีวิธีลดอาการปวดไหม ที่มา : 1 , 2 มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้! คนท้องปวดท้องน้อยเป็นอะไรไหมการปวดท้องน้อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ สามารถพบได้เนื่องจากการขยายตัวของมดลูก แต่อย่างไรก็ตามมักไม่ปวดมาก พักหรือเปลี่ยนอิริยาบถ ควรจะทุเลาอาการ หากมีอาการปวดมาก ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
ตั้งครรภ์ปวดท้องแบบไหนต้องไปหาหมอไปพบแพทย์ : หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการท้องแข็ง เจ็บท้องโดยไม่แน่ใจว่าเป็นอาการเจ็บท้องเตือนหรือไม่ หรือหากรู้สึกว่าเป็นบ่อย มีอาการท้องแข็งถี่ หรือมีอาการปวดท้องมากขึ้น ปวดถี่ มีน้ำเดินหรือมีมูกเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการเจ็บท้องใกล้คลอดจริงได้ ปวดท้องแบบนี้เมื่อไร รีบไปหาหมอทันที!
แม่ท้องมีปวดท้องจี๊ด ๆ คืออะไรอาการปวดท้องน้อยจี๊ดๆหรือหน่วงๆ คล้ายกับอาการปวดประจำเดือน โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่น เช่นเลือดออกทางช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงอายุครรภ์ 4-5 เดือนค่ะ เกิดจากการยืดตัวของเอ็นยึดมดลูก จากมดลูกที่มีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงอายุครรภ์นี้ เมื่อเอ็นยืดตัวและมีความตึง จึงเกิดอาการปวดได้แนะนำคุณแม่นั่งพัก ...
ท้องกี่เดือนถึงจะหายปวดท้องในช่วงประมาณเดือนที่ 7-9 ของการตั้งครรภ์ หรือประมาณสัปดาห์ที่ 28 ของการตั้งครรภ์ มดลูกของคุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะเริ่มมีการหดเกร็ง และบีบตัวอยู่บ่อยครั้ง เป็นสัญญาณเตือนที่ว่าใกล้จะถึงเวลาคลอดของคุณแม่แล้ว ซึ่งเราสามารถแยกแยะอาการเจ็บท้องจริงและเจ็บท้องเตือนได้ ดังต่อไปนี้ เจ็บท้องจริง
|