ยุค New Normal ทำให้การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติ จนเป็นกิจวัตรหลักของหลายๆ คนไปแล้ว ผลลัพธ์อีกด้านหนึ่ง คือ การทำลายข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการทำงาน การเรียน การบริโภค การจับจ่ายซื้อของ รวมไปถึงการพักผ่อน และการใช้เวลาอยู่กับงานหรือกิจกรรมบางอย่างมากจนเกินไป จนทำให้เวลานอนดึกขึ้นหรือไม่เป็นเวลา ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด เพราะร่างกายของเราเป็นเหมือนระบบฟันเฟืองเครื่องกลที่ทำงานสัมพันธ์กันตลอดเวลาแม้ในขณะที่เราหลับ การใช้ชีวิติอย่างไม่ถูกต้องตาม “นาฬิกาชีวิต” ทำให้ฮอร์โมนและระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ อาจสร้างปัญหาสุขภาพตามมาแบบเป็นลูกโซ่ จากข้อมูลของรพ.เปาโล พบว่าคนไข้ที่ทำงานเวลากลางคืนระยะยาว เมื่อแก่ตัวจะมีอัตราพบโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หลอดเลือดในสมองมากกว่าคนที่นอนปกติ และก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นในผู้หญิง นาฬิกาชีวิต เป็นแนวคิดที่อธิบายการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายที่ทำงานได้ดีตามช่วงเวลาต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนี้
แล้วถ้าหากนอนในเวลากลางวันในเวลาที่เท่ากับกลางคืน หรือปรับสภาพห้องนอนเพื่อหลอกร่างกาย จะเป็นการหลอกนาฬิกาชีวิตได้หรือไม่ คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะนาฬิกาในร่างกายของเรามีความสอดคล้องกับธรรมชาติ ตามพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตก ผ่านต่อมในสมองเรียกว่า ต่อมไพเนียล (Pineal Gland) ทำหน้าที่เป็นเลเซอร์วัดแสง เมื่อแสงลดลงหรือถึงเวลากลางคืนจะสร้างเมลาโทนินทำให้เรารู้สึกง่วง และต้องเข้านอน เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จะพบได้มากในกรณีคนที่อยู่ในประเทศเอเชียมานานหลายปี เมื่อต้องไปประเทศยุโรปแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ร่างกายก็จะใช้เวลาปรับตัวประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อให้เราเข้านอนตามเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก ใน Time Zone นั้นๆ แทนที่จะเข้านอนตามเวลา Time Zone เดิม ดังนั้นสำหรับใครที่ปรับตัวให้ทำงานกลางคืนและนอนกลางวันได้แล้วนั้น จะเป็นเพียงแค่ความเคยชิน แต่นาฬิกาชีวิตก็ยังคงเดินตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามพักผ่อนให้เพียงพอให้มากพอเท่าที่ทำได้ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะสุขภาพเป็นเหมือนบ้านที่มีแค่หลังเดียวและจะต้องอาศัยร่างกายของเรานี้ไปตลอดชีวิตเช่นกัน ไต อวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดและขับออกพร้อมกับน้ำในรูปของปัสสาวะ ไตของเราจะทำงานในช่วงเย็นๆ คือเวลา 17.00 น. – 19.00 น. เราจะช่วยไตให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ด้วยการไม่ทานอาหารในปริมาณมากๆ ในช่วงเวลานี้ เพราะหากเราทานอาหารในปริมาณที่มาก เลือดในร่างกายจะถูกดึงไปใช้เพื่อย่อยอาหารที่บริเวณกระเพาะและม้าม แทนที่จะไปหล่อเลี้ยงไตที่กำลังขับของเสียออกจากร่างกาย ถุงน้ำดีถุงน้ำดี อวัยวะที่ทำหน้าที่ในการเก็บสะสมน้ำดี (bile) เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร โดยจะมีโครงสร้างที่ติดต่อกับตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ผลิตน้ำดี และลำไส้เล็กตอนต้น ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการปล่อยน้ำดีออกสู่ทางเดินอาหาร ช่วงเวลาที่หลอดเลือดแดงจะนำออกซิเจนมาเลี้ยงถุงน้ำดีเพื่อให้ถุงน้ำดีทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ในช่วงเวลาระหว่าง 23.00 – 01.00 น. และจะส่งต่อให้ตับรับช่วงต่อสำหรับการทำงานในช่วงเวลา 01.00 – 03.00 โดยในช่วงเวลานี้ร่างกายของเราควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้ร่างกายขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ ปอดปอด ต้นทางของการรับออกซิเจนโดยการหายใจ การหายใจเป็นการนำน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์เข้าสู่หลอดเลือดและเลือดจะทำหน้าที่ลำเลียงไปยังปอด จากนั้นปอดจะทำหน้าที่กรองลิ่มเลือดเล็กๆ ที่ตกตะกอนออกจากเส้นเลือดดำ การทำให้ปอดแข็งแรงนั้นต้องหมั่นออกกำลังกาย เพื่อให้ปอดขยันทำงาน และช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายเพื่อให้ปอดแข็งแรงคือช่วงเช้า เวลาประมาณ 5.00 น และช่วงบ่ายประมาณ 15.00 – 17.00 น. การดูแลร่างกายจากภายในไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เพียงรู้จักช่วงเวลาในการทำงานของส่วนต่างๆ เพื่อบริหารการทำงานของระบบอวัยวะภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุดก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและห่างไกลโรคแล้วล่ะค่ะ |