ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล 2564 ประถม

“รองโฆษกรัฐบาล” เผยความคืบหน้า มาตรการลดค่าเทอม 2564 เยียวยานักเรียน อนุบาล ประถม มัธยม อาชีวะ เยียวยานักศึกษา มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษากระทรวง อว. เตรียมงบ 2 พันล้าน ยัน ได้ครบทุกคนไม่มีตกหล่น

7 กันยายน 2564 วานนี้ (6 ก.ย. 64) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงความคืบหน้ามาตรการลดค่าเทอม 2564 การจ่ายเงินเยียวยานักเรียน การจ่ายเงินเยียวยานักศึกษาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษา 

ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล 2564 ประถม

นางสาวรัชดา กล่าวว่า การเยียวยาลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่จะต้องจ่ายค่าเทอมไม่ว่าจะเป็นระดับชั้น อนุบาล, ประถมศึกษา, มัธยมศึกษา, และอุดมศึกษา/มหาวิทยาลัย  โดยรัฐบาลยืนยันว่าจะเยียวยาผู้ปกครองทุกคนจะได้รับเงินเยียวยา ซึ่งช่วงที่ผ่านมาทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดสรรงบประมาณไปให้แล้ว

ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล 2564 ประถม

ซึ่งในส่วนของศธ.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขประมาณ 2.17 หมื่นล้านบาท ที่ ดูแลค่าใช้จ่ายเยียวยาให้นักเรียน 10 กว่าล้านคนในทุกสังกัดไม่ว่าจะสังกัดศธ. สังกัดกรุงเทพฯหรือสังกัดอื่นๆก็จะได้รับเงินในการเยียวยาตรงนี้ 2,000 บาท และในส่วนของโรงเรียนทั่วไปช่วงระยะเวลาการจ่ายเงินเยียวยาตรงนี้ช่วงวันที่ 1 -7 ก.ย.นี้ แต่อาจจะมีการล่าช้าบ้าง 

โดยในส่วนของโรงเรียนเอกชนที่จะขยับไปถึงช่วงวันที่ 10 ก.ย.แต่ยืนยันว่าทุกคุณจะได้ 2,000 บาท ไม่มีการหักค่าโอน 50 บาทอย่างที่เป็นข่าว เพราะได้ตรวจสอบแล้วไม่มีการโอนตรงนั้น หรือโรงเรียนไหนหักค่าหัวคิวก็ไม่ได้ เพราะถือเป็นคำสั่งจากกระทรวงศึกษาธิการฉะนั้นผู้ปกครองจะได้รับเงิน 2,000 บาทเต็มอย่างแน่นอน

ส่วนที่บางคนทำไมยังไม่ได้รับเงินเยียวยาดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่าส่วนหนึ่งอาจมาจากการกรอกข้อมูล รายชื่อนักเรียนที่ช้ากว่ากลุ่มที่ได้รับเงินไปแล้วอย่างกรณีของนักเรียนที่มีการย้ายโรงเรียนหลังวันที่ 25 มิ.ย.ฉะนั้นชื่อตรงนี้อาจช้า 

ฉะนั้นเงินก็จะโอนให้ช้าถ้าผู้ปกครองคนใด มีข้อสงสัยหรือยังไม่ได้รับเงินสามารถโทรไปที่หมายเลข 1579 หรือ 1693 ซึ่งเป็นหมายเลขกลางของศธ. ส่วนรายชื่อที่ตกหล่นไม่ต้องกังวลโรงเรียนจะทำเพิ่มและศธ.ก็จะดำเนินการโอนไปให้

ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล 2564 ประถม

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ส่วนในระดับปริญญาตรีที่ศึกษากับสถาบันอาชีวศึกษา ตอนนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ทำเรื่องของบประมาณที่จะจ่ายให้ ฉะนั้นคนที่เรียนปริญญาตรีอยู่ในสถาบันอาชีวศึกษาจะได้เงินด้วย ประมาณ 1 หมื่นคน โดยขอเวลาในการดำเนินการตามกระบวนการต่างๆแล้วจะดำเนินการโอนไปให้ 

ขณะที่ระดับอุดมศึกษาตัวเลขในสัปดาห์ที่ผ่านมาทางกระทรวง อว.ได้จัดสรรงบประมาณ ให้กับทางมหาวิทยาลัยที่ส่งรายชื่อมาครบและถูกต้องไปแล้ว 29 แห่ง งบประมาณ 2,250 ล้านบาท ยังมีอีก 100 กว่าแห่งที่ดำเนินการยื่นเรื่องมาและตอนนี้มีรายชื่อมาเพิ่มอีก 80 แห่ง

ฉะนั้น 80 สถาบันที่ส่งรายชื่อมาแล้วทางอว.จะจัดสรรงบประมาณไปให้เพื่อไปใช้ในการลดค่าเทอมตามอัตราต่างๆในมหาวิทยาลัยมสังกัดของรัฐ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยเอกชนจะเป็นการจ่ายเงินเยียวยาให้ 5,000 บาทและยืนยันว่าได้ครบทุกคนขอเวลาภาครัฐในการตรวจสอบรายชื่อให้ถูกต้อง

ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล 2564 ประถม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเยียวยานักเรียน นักศึกษา และลดค่าเทอม ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบ มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2564 ระบุว่า อนุมัติหลักการมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ปกครองและนักศึกษา รวมทั้งสถานศึกษาทั่วประเทศในการลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2564 งบประมาณรวม 33,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นดังนี้

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 ระบุว่า รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ อย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หลอกครูและคนทั้งประเทศ 'เลื่อนการเปิดเทอมทิพย์' อีกแล้ว

เห็นได้ชัดว่า ประชาชนคนไทยทุกคนต้องได้รับการการศึกษาฟรี 12 ปี นับตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนจนถึงจบการศึกษาภาคบังคับ (อนุบาล 3 ขวบ – มัธยมศึกษาปีที่ 3 ) ซึ่งเป็นสิทธ์ตามรัฐธรรมนูญ

 

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ปกครองร้องเรียนเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษา เข้ามาที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จำนวนมากนั้น

 

โดยไม่ได้ระบุว่า ผู้ร้องเรียนเป็นใคร เป็นบุคคลกลุ่มไหน ได้รับความเดือดร้อนอย่างไร จากการเรียกเก็บเงิน ของสถานศึกษา

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ยังกล่าวอีกว่า ตนได้รับทราบปัญหาและมีนโยบายให้ต้นสังกัดของโรงเรียนและสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ไปดำเนินการแก้ไขปัญหา และเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ได้ลงนามในประกาศ ศธ. เรื่อง แนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นไปแล้ว เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ปกครองในสถานการณ์ปัจจุบัน ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับของ ศธ.ถือปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

 

1. ในกรณีที่ได้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียม การเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นไปแล้ว ให้คืนเงินบำรุงการศึกษาหรือค่าธรรมเนียมดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นในระหว่างที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)

 

2. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น เพื่อใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน อาจพิจารณาผ่อนผันหรือขยายระยะเวลาการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา หรือค่าธรรมเนียมดังกล่าว ตามความเหมาะสมเป็นกรณีไป

 

3. พิจารณาให้ความช่วยเหลือ ในกรณีที่ผู้ปกครองของนักเรียน นักศึกษา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ตามความจำเป็น เหมาะสม

 

4. ให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือที่กำกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา แจ้งเวียนไปยังสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับ ให้ปฏิบัติตามประกาศนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาล 2564 ประถม

แถลงการณ์นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน ดิ้น สวนหมัด "ตรีนุช เทียนทอง" หลังรมว.ศึกษาธิการออกประกาศให้โรงเรียนจ่ายคืนค่าเทอมช่วงไม่ได้เรียนเพราะโควิด19

 

 

หากพิจารณาจากภาพรวม จะเห็นได้ว่าเป็นผลดี แก่ผู้ปกครอง แต่อาจจะมีปัญหาในทางปฏิบัติ ดังนี้

 

ข้อ 1. “ให้คืนเงินในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน.......” ฉะนั้นไม่คืนเงินในส่วนที่มีการจัดการเรียนใช่ไหม

 

ข้อ 2. “กรณีที่มีความจำเป็นต้องเก็บเงิน..........อาจพิจารณาผ่อนผัน...........เป็นกรณีไป” หมายความว่า จะเก็บเงินก็ได้ แล้วพิจารณาผ่อนผันเป็นกรณี

 

จาก ข้อ 1. จะมีปัญหาที่ว่ามีกิจกรรมอะไรที่ไม่ได้จัด ที่จะจัด (คืน ไม่คืนเงิน)

จาก ข้อ 2. เรียกเก็บเงินเพื่อใช้จัดกิจกรรม แต่ก็ผ่อนผันได้ในบางกรณี (ก็ยังเก็บได้อยู่ดี)

 

ทั้ง 2 ข้อ มีช่องโหว่เพราะเป็นการใช้ดุลยพินิจของแต่ละคน มีโรงเรียนอยู่ประมาณ 30,000 แห่ง มีการใช้ดุลยพินิจที่บิดเบี้ยวเพียง 30 แห่ง ก็ถือว่าไม่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

 

จากคำสั่งดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการยอมรับโดยนัยยะว่า การศึกษาในทุกระดับมีการเก็บเงินจริง ซึ่งอาจจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้เด็กไทยทุกคน ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ในช่วงของการศึกษาภาคบังคับ

 

ในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาที่จัดโดยเอกชน นับเป็นการศึกษาทางเลือก หากจะมีค่าใช้จ่ายบ้างผู้ปกครองก็ควรรับผิดชอบตามความสมัครใจ