10 ขั้น ตอน การ แต่งหน้า ที่ ถูก ต้อง

10 ขั้น ตอน การ แต่งหน้า ที่ ถูก ต้อง

สาวๆ ที่เป็นมือใหม่หัดแต่งหน้า คงรู้สึกได้ว่าการลองแต่งหน้าครั้งแรกๆ นั้นออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก เพราะการแต่งหน้าไม่ใช่แค่ปัดแป้ง ทาปาก เขียนคิ้วแล้วจะได้ใบหน้าที่เพอร์เฟ็คต์ เนื่องจากเครื่องสำอางมีความละเอียดอ่อนกว่าที่คิด เราจึงควรทำความรู้จักประเภทและวิธีใช้เครื่องสำอาง รวมทั้งเทคนิคต่างๆ ถึงจะแต่งหน้าออกมาได้สวยดังใจ ว่าแล้วก็ไปดูขั้นตอนการแต่งหน้า และทริคที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดแต่งหน้ากันดีกว่า

วิธีแต่งหน้าง่ายๆ สำหรับมือใหม่

10 ขั้น ตอน การ แต่งหน้า ที่ ถูก ต้อง

ขั้นตอนที่ 1 การบำรุงผิว

ก่อนจะแต่งหน้า เราควรจะบำรุงผิวให้พร้อม เพราะต้องออกไปเจอกับมลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน แสงแดด หรือหน้ามัน ทำให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตันได้ง่าย ยิ่งมีเครื่องสำอางอยู่บนหน้ายิ่งแล้วใหญ่ ขณะเดียวกันถ้าหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื้นก็จะแต่งหน้ายากด้วย

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทาก่อนแต่งหน้าก็คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าอย่างครีมเพื่อบำรุงผิวให้แข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น แต่งหน้าง่ายขึ้น ส่วนอายครีมจะช่วยให้การทาคอนซีลเลอร์ใต้ตาง่ายขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือครีมกันแดด เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอย เนื่องจากทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง

ทริคในการการบำรุงผิว

  1. ทาครีมบำรุงผิวเป็นอันดับแรก โดยใช้เนื้อครีมปริมาณประมาณเมล็ดถั่วเขียว แล้วแต้มเนื้อครีมที่กลางหน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และกลางคาง จากนั้นใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยเนื้อครีมบนใบหน้าให้ออกไปยังด้านข้าง โดยนวดวนจนเนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิว ให้เว้นรอบดวงตาไว้สำหรับทาอายครีม
  2. ทาอายครีมรอบดวงตาหลังจากทาครีมบำรุง
  3. ทาครีมกันแดด โดยเลือกครีมกันแดดที่เนื้อครีมไม่เหนียวข้นเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
  4. การทาครีมควรใช้น้ำหนักมือให้เบาที่สุด ถ้าแรงเกินไปจะเป็นการทำร้ายผิวหน้าได้

ขั้นตอนที่ 2 การปรับสภาพผิว

ขั้นตอนนี้คือการเตรียมผิวก่อนการแต่งหน้า เพราะผิวหน้าสดของเราอาจจะมีปัญหาผิวอยู่บ้าง เช่น ผิวไม่เรียบเนียน รอยด่างดำ รอยแผลเป็น ผิวหมองคล้ำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถปกปิดให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ และดูกระจ่างใสขึ้นโดยลงเมคอัพเบสเพื่อปรับสภาพผิว ที่แนะนำคือไพรเมอร์และเบส ซึ่งไพรเมอร์ใช้ลงเป็นตัวแรก จะช่วยปกปิดจุดด่างดำต่างๆ และช่วยเติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเรียบเนียน แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ส่วนเบสจะช่วยปกปิดและปรับสีผิวให้กระจ่างใสตามลักษณะเฉดผิวของเรา

ทริคในการปรับสภาพผิว

  1. ใช้ปลายนิ้วในการเกลี่ยไพรเมอร์ให้ทั่วใบหน้า ถ้าเป็นบริเวณเล็กๆ ให้ใช้แปรงเกลี่ย
  2. ไพรเมอร์สามารถใช้ทาบริเวณเปลือกตาเพื่อป้องกันรอยพับได้
  3. การใช้เบส ต้องเลือกเบสที่มีเฉดสีเหมาะกับผิวของเรา ดังนี้
    • เบสเนื้อขาว ใช้เพื่อปกปิดริ้วรอยและรูขุมขน ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอ
    • เบสสีชมพู เหมาะกับคนที่มีผิวซีด ทำให้ผิวดูขาวอมชมพูมากขึ้น
    • เบสสีเหลือง เหมาะกับคนที่มีผิวโทนเหลือง ทำให้ผิวขาวสว่างใสไม่เหลืองไม่หมองคล้ำ
    • เบสสีม่วง สามารถใช้ได้ทั้งผิวซีด ผิวเหลือง ผิวสองสี ทำให้ผิวสว่างมากขึ้น ส่วนผิวคล้ำสามารถลงได้แต่ต้องลงให้บาง ไม่อย่างนั้นอาจหน้าเทาได้
    • เบสสีเขียว เหมาะสำหรับคนที่มีรอยแดงจากสิว เพราะสีเขียวเป็นสีตรงข้ามกับสีแดงช่วยกลบรอยแดงต่างๆ ได้ดี
    • เบสสีเหลือง เหมาะสำหรับคนที่มีผิวสีน้ำผึ้ง ช่วยทำให้ผิวดูนวลสว่างมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 การลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์

หลังจากปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและปรับเฉดผิวให้กระจ่างใสขึ้นแล้ว การลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์เป็นการปกปิดอีกขั้นก่อนแต่งหน้า ซึ่งสามารถปกปิดได้มากกว่าเบสและไพรเมอร์ โดยเฉพาะคอนซีลเลอร์สำหรับปกปิดเฉพาะจุดสามารถปกปิดรอยสิว รอยดำและรอยแดงได้อย่างเนียนสนิท

ทริคในการลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์

  1. รองพื้นมีหลายประเภทและมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ควรเลือกรองพื้นให้เหมาะกับความต้องการ ดังนี้
    • รองพื้นแบบลิควิด หรือแบบน้ำ ใช้งานง่าย ติดทนนาน
    • รองพื้นแบบครีม ปกปิดมากกว่าแบบน้ำ ให้ความชุ่มชื้น ทำให้ดูฉ่ำวาวมากกว่า เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง
    • รองพื้นแบบแท่ง มีความเข้มข้นมาก พกไว้ใช้ซ้ำระหว่างวันได้ง่าย
  2. การลงรองพื้นให้เนียนกริบนั้น ควรมีอุปกรณ์ช่วยเพราะการใช้นิ้วเกลี่ยจนทั่วใบหน้านั้นเนียนค่อนข้างยาก ทำให้เกิดรอยนิ้วหรือรอยปาดได้ ซึ่งอุปกรณ์มีดังนี้
    • แปรงลงรองพื้น โดยแปรงลงรองพื้นที่ดีต้องมีความแน่น ทำให้รองพื้นเนียนมากขึ้น วิธีใช้คือห้ามลากแปรง แต่ให้วนเบาๆ ก็พอ
    • ฟองน้ำลงรองพื้น มีหลายรูปแบบ ทั้งรูปไข่ สามเหลี่ยม ซิลิโคน วิธีคือนำฟองน้ำชุบน้ำให้หมาดแล้วจึงแตะรองพื้น ลงแบบแตะสัมผัสให้ทั่วใบหน้า
  3. การลงคอนซีลเลอร์ต้องใช้แปรงหรือฟองน้ำเช่นเดียวกับรองพื้น โดยค่อยๆ แตะลงบนรอยที่ต้องการปกปิดจนเนียนเสมอกัน ไม่ควรใช้นิ้วและไม่ควรถูไปมา
  4. การลงคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดใต้ตาดำต้องใช้คอนซีลเลอร์แบบลิควิดหรือแบบน้ำ เพราะเนื้อบางเบาไม่หนาจนเกินไป
  5. การลงคอนซีลเลอร์ ถ้าลงเพื่อปกปิดใต้ตาดำต้องลงก่อนทารองพื้น แต่ถ้าปกปิดจุดด่างดำต้องลงหลังทารองพื้น

บทความที่เกี่ยวข้อง …

  • ประเภทของเมคอัพเบส (Base Makeup)…เรียงตามลำดับการใช้

ขั้นตอนที่ 4 การทาแป้ง

การทาแป้งจะช่วยให้รองพื้นเซ็ตตัว ติดทนนานมากขึ้น และยังช่วยควบคุมความมัน ทำให้รองพื้นไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน ซึ่งแป้งมีหลายประเภท ทั้งแป้งผสมรองพื้น แป้งอัดแข็ง และแป้งฝุ่น แตกต่างกันดังนี้

  • แป้งผสมรองพื้น เป็นแป้งที่มีเนื้อรองพื้นผสมจึงไม่จำเป็นต้องทารองพื้นก็ได้
  • แป้งฝุ่น ทาแล้วมีความเป็นธรรมชาติมาก ช่วยควบคุมความมัน และทำให้รองพื้นเซ็ตตัวจึงติดทนนาน
  • แป้งอัดแข็ง เกาะติดมากกว่าแป้งฝุ่นธรรมดา มีความหนามากกว่าแป้งฝุ่น

ทริคการทาแป้ง

  1. การทาแป้งควรทาหลังจากลงรองพื้นแล้ว 5 นาที เพื่อให้รองพื้นแห้งและเซ็ตตัว
  2. อุปกรณ์ในการลงแป้งให้เรียบเนียนคือพัฟ และแปรงทาแป้ง
  3. ไม่ลากพัฟหรือแป้ง ควรกดย้ำๆ ให้ทั่วใบหน้า
  4. ถ้าเป็นแป้งผสมรองพื้น ไม่ควรทาบริเวณใต้ตาเยอะ เพราะจะทำให้หนา คอนซีลเลอร์แตกและตกร่องได้

10 ขั้น ตอน การ แต่งหน้า ที่ ถูก ต้อง

ขั้นตอนที่ 5 การเขียนคิ้ว

แต่งหน้าทั้งทีจะขาดคิ้วไปไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นหน้าจะดูโล้นทันที ที่เขียนคิ้วมีหลายประเภท ทั้งแบบดินสอเขียนคิ้ว ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น ปากกาเขียนคิ้ว เจลเขียนคิ้ว และมาสคาร่าเขียนคิ้ว ซึ่งสำหรับมือใหม่จะเหมาะกับดินสอเขียนคิ้วที่สุด เพราะใช้งานง่าย สามารถวาดโครงคิ้วแล้วเขียนคิ้วได้ตามต้องการ

ทริคการเขียนคิ้ว

  1. ใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนโครงคิ้วเป็นเส้นกรอบคิ้วก่อน จากนั้นระบายด้านใน โดยให้หัวคิ้วอ่อน และหางคิ้วเข้ม
  2. ใช้แปรงปัดกระจายให้ทั่วคิ้ว เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
  3. ถ้าเขียนพลาดหรือเขียนเกินขอบ ใช้คัตตอนบัตลบออกได้
  4. การใช้ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น ปากกาเขียนคิ้ว และเจลเขียนคิ้ว จะมีหลักการเดียวกันคือหัวคิ้วต้องอ่อนและฟุ้ง เพราะจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
  5. ถ้าอยากได้คิ้วที่ติดทนนานตลอดวัน ให้ใช้เจลเขียนคิ้ว แต่ต้องใช้ความชำนาญในการเขียนมาก
  6. ถ้าอยากได้แบบที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ให้ใช้มาสคาร่าเขียนคิ้ว เพราะแค่ปัดไปตามขนคิ้วก็จะดูเข้มขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนที่ 6 การแต่งตา

ดวงตาเป็นส่วนที่มีอะไรให้แต่งได้เยอะมาก เรียกว่าถ้าสาวๆ ชอบแต่งหน้าก็แต่งกันสนุกกันเลยทีเดียว ทั้งอายแชโดว์ อายไลน์เนอร์ และมาสคาร่า ถ้าแต่งได้เหมาะกับตนเองก็จะทำให้ดวงตามีอะไรมากขึ้น จะแต่งให้โฉบเฉี่ยวหรือดูอ่อนหวานก็ได้ ส่วนสาวๆ ที่ตาเล็ก ตาชั้นเดียว การแต่งตาก็ทำให้ตาดูโตและมีมิติมากขึ้นด้วย

ทริคการแต่งตา

  1. อายแชโดว์มี 2 ประเภท ดังนี้
    • อายแชโดว์แบบฝุ่น เป็นอายแชโดว์ที่มีให้เลือกมากที่สุด ใช้งานง่าย แต่ติดทนไม่นาน
    • อายแชโดว์แบบครีม แบบนี้จะติดทนนานกว่าแบบฝุ่น
  2. การลงอายแชโดว์คือการแต่งสีของเปลือกตาทำให้ดวงตาดูมีมิติมากขึ้น โดยวิธีคือลงอายแชโดว์สีอ่อนที่เปลือกตา ตามด้วยอายแชโดว์สีที่เข้มข้นบริเวณกึ่งกลางและรอยพับ จากนั้นใช้แปรงเบลนด์ให้อายแชโดว์ดูเนียนไปกับผิว
  3. อายไลน์เนอร์มี 4 ประเภท ดังนี้
    • อายไลน์เนอร์แบบดินสอ ไม่ต่างจากดินสอเขียนคิ้วตรงที่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะเขียนง่าย แต่อาจแห้งช้าและไม่คมกริบ
    • อายไลน์เนอร์แบบเจล มีสีชัดและหนา แต่ต้องใช้ความชำนาญในการเขียนมาก
    • อายไลน์เนอร์แบบน้ำ เขียนง่าย ติดทนนาน
  4. การกรีดอายไลน์เนอร์จะช่วยให้ดวงตาดูคมโตมากขึ้น สามารถเลือกได้ว่าจะแต่งให้ดูอ่อนหวาน หรือโฉบเฉี่ยว โดยให้กรีดจากหัวตาไปยังหางตา สามารถกรีดได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง
    • คนที่มีดวงตาโต ให้กรีดอายไลน์เนอร์เน้นหางตา
    • คนที่มีชั้นหนังตาหนา ให้กรีดอายไลน์เนอร์กินบริเวณเปลือกตา จะได้ดูสมดุลระหว่างดวงตาและชั้นหนังตา
    • คนที่มีตาชั้นเดียว ให้กรีดอายไลน์เนอร์ให้หนาและเน้นหางตายกขึ้น
    • คนที่มีดวงตาลึก ให้กรีดอายไลน์เนอร์ทั้งขอบตาบนและล่าง แต่เว้นบริเวณหัวตาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งดูลึกมากขึ้น
  5. ปัดมาสคาร่าเพื่อให้ขนตายาวเป็นแพ โดยดัดขนตาก่อน แล้วเริ่มปัดมาสคาร่าจากโคนขนตา แล้วปัดแบบซิกแซ็กเพื่อไม่ให้มาสคาร่าติดกันเป็นก้อน
  6. ใช้คัตตอนบัตแตะแป้งฝุ่นแล้วนำมาปัดที่ขนตา จะช่วยให้มาสคาร่าติดทนนานขึ้น จากนั้นปัดมาสคาร่าซ้ำอีกครั้ง
10 ขั้น ตอน การ แต่งหน้า ที่ ถูก ต้อง

ขั้นตอนที่ 7 การแต่งแก้ม

การแต่งแก้มจะทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น และยังทำให้ใบหน้าไม่ซีดจาง ดูมีเลือดฝาดอีกด้วย โดยเครื่องสำอางในการแต่งแก้ม คือ บลัชออน สำหรับแต้มสีสันให้แก้ม นอกจากนี้ก็ยังมีไฮไลท์สำหรับทำให้บางจุดของใบหน้าโดดเด่นขึ้น และบรอนเซอร์ สำหรับการลดความโดดเด่นในบางจุดของใบหน้า ซึ่งการใช้ไฮไลท์และบรอนเซอร์ต้องใช้ควบคู่กัน และใช้วิธีการเบลนด์เพื่อให้สีของไฮไลท์และบรอนเซอร์เนียนไปกับสีผิว ไม่เป็นปื้น

ทริคการแต่งแก้ม

  1. บลัชออนมีให้เลือก 2 ชนิด ดังนี้
    • บลัชออนแบบฝุ่น มีมากที่สุดในท้องตลาด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ มีให้เลือกหลายสี ถ้าอยากให้หน้าสว่าง ดูโกลวระยิบระยับ ก็มีแบบชิมเมอร์ที่มีประกายมุกด้วย
    • บลัชออนแบบครีม มีลักษณะเป็นเนื้อเจลกึ่งเหลว ติดทนกว่าแบบฝุ่น
  2. สีหลักๆ ของบลัชออนมีให้เลือก 4 สี ดังนี้
    • สีชมพู เหมาะกับสาวผิวขาว ถ้าเป็นสาวผิวเหลืองต้องเลือกสีชมพูเข้มขึ้นมาหน่อย
    • สีชมพู-พีช เหมาะกับสาวผิวเหลืองมาก ทำให้แก้มดูอมชมพูมีเลือดฝาดมากขึ้น
    • สีส้ม เหมาะกับสาวผิวเหลือง หรือสาวๆ ที่ต้องการได้ลุคสดใส ซัมเมอร์
    • สีน้ำตาล เหมาะกับสาวผิวแทน หรือสาวๆ ที่ต้องการลุคเหมือนสาวผิวแทน บ่มแดด เหมือนไปทะเลมา
  3. ตำแหน่งที่เหมาะสมในการปัดบลัชออน คือบริเวณโหนกแก้ม กะระยะห่างจากจมูกโดยใช้นิ้วชี้แนบข้างจมูกจะเป็นจุดเริ่มต้นในการปัดบลัชออน จากนั้นเริ่มปัดแก้มเฉียงขึ้นไปทางใบหู
  4. สำหรับมือใหม่ปัดบลัชออน อาจใช้วิธียิ้มให้กว้าง แล้วปัดบลัชออนบริเวณสันแก้มที่เห็นชัด
  5. การปัดบลัชออนต้องค่อยๆ ปัดอย่างเบามือ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าสีบลัชออนเข้มเกินไป
  6. การใช้ไฮไลท์คือการทำให้ส่วนที่นูนของใบหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น สีของไฮไลท์จึงต้องสว่างกว่าสีผิวหนึ่งหรือสองระดับ แต่ทั้งนี้สีผิวคนเราก็มีหลายเฉด วิธีเลือกโทนสีไฮไลท์ให้เหมาะกับสีผิวมีดังนี้
    • สีผิวขาว ควรเลือกไฮไลท์สีขาวมุก สีแชมเปญ
    • สีผิวขาวเหลือง หรือผิวสองสี ควรเลือกไฮไลท์สีโทนอมส้ม หรือสีโทนอมทอง
    • สีผิวเข้ม ควรเลือกสีโทนอมส้ม สีโทนอมทอง หรือสีทองแดง ไม่ควรเลือกสีขาวหรือสีชมพูเด็ดขาด
  7. การปัดไฮไลท์ จะปัดบริเวณที่ต้องการให้ใบหน้าโดดเด่นขึ้นมา เช่น จมูก ขอบตาบน ขอบตาล่าง โหนกแก้ว โหนกคิ้ว กลางหน้าผาก และกลางคาง
  8. การใช้บรอนเซอร์คือการลดความโดดเด่นของใบหน้าบางจุด หรือปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กขึ้น สีของบรอนเซอร์จึงเข้มกว่าสีผิวหนึ่งหรือสองระดับ วิธีเลือกบรอนเซอร์ให้เหมาะกับสีผิวแต่ละเฉดมีดังนี้
    • สีผิวขาว ควรเลือกบรอนเซอร์สีชมพู สีกุหลาบ สีน้ำผึ้ง หรือสีเบจ
    • สีผิวขาวเหลือง หรือผิวสองสี ควรเลือกสีน้ำตาลโทนเหลืองเข้ม สีน้ำตาลประกายทอง สีเนื้อ
    • สีผิวเข้ม หรือผิวแทน ควรเลือกสีน้ำตาลอิฐ สีน้ำตาลอมส้ม สีอำพัน
  9. การปัดบรอนเซอร์ จะปัดบริเวณที่ต้องการลดความโดดเด่นหรือปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง เช่น กรอบหน้า บริเวณไรผมข้างหน้าผาก โหนกแก้ม ข้างปีกจมูก
  10. การลงไฮไลท์และบรอนเซอร์ต้องทำควบคู่กัน เพื่อให้หน้าดูมีความสมดุล ซึ่งรูปหน้าที่แตกต่างกันก็มีวิธีที่แตกต่างกัน
    • หน้ารูปไข่ ลงบรอนเซอร์ที่กลางแก้มปัดลงมาทางขากรรไกรแล้วจึงปัดไฮไลท์สีขาวบริเวณหน้าแก้ม
    • หน้ารูปสี่เหลี่ยม ลงบรอนเซอร์บริเวณโหนกแก้มและกรอบหน้าเพื่อให้โหนกแก้มชัดขึ้นและลบเหลี่ยมใบหน้า เน้นไฮไลท์บริเวณตาและสันจมูก
    • หน้ารูปทรงกลม ลงบรอนเซอร์บริเวณข้างแก้มจะทำให้ใบหน้าดูเล็กลง ส่วนไฮไลท์ให้เน้นบริเวณสันจมูก คาง หน้าผาก เพื่อให้หน้าดูยาวขึ้น
  11. แปรงปัดไฮไลท์และบรอนเซอร์ต้องมีคุณสมบัติเป็นแปรงปัดกว้าง หรือแปรงหัวกลม โดยควรเป็นแปรงอันใหญ่เพื่อปัดให้บรอนเซอร์และไฮไลท์กลืนกับสีผิวได้เรียบเนียน

ขั้นตอนที่ 8 การทาปาก

“ปากไม่แดง ไม่มีแรงเดิน” ดูเป็นคำพูดติดปากของสาวๆ ที่รักการทาปาก เพราะจะทำให้ใบหน้าดูโดดเด่น สวย โฉบเฉี่ยวมากขึ้น และยังช่วยขับผิวหน้าให้ดูสว่าง หรือนอกจากสีแดงแล้วก็มีสีอื่นๆ ให้เลือกอีกมาก เช่น สีชมพู สีพีช ที่ทาแล้วดูอ่อนหวานเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ทริคการทาปาก

  1. เครื่องสำอางทาปากไม่ได้มีแค่ลิปสติกเท่านั้น แต่ยังมีลิปประเภทอื่นๆ ที่ทาแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย ดังนี้
    • ลิปสติก ได้รับความนิยมมากสุด มีทั้งแบบเนื้อแมตต์ที่ทาแล้วผิวปากดูด้าน ติดทนนาน และเนื้อครีมที่ทำให้ดูชุ่มชื้นแต่ก็ไม่ถึงกับมันวาว
    • ลิปกลอส เนื้อลิปมีความเหลวแต่ก็หนืดพอประมาณ สีโปร่งใส ทาแล้วดูชุ่มฉ่ำ มีประกาย
    • ลิปทินท์ เนื้อเหลวกว่าลิปกลอส ใช้ทาบริเวณริมฝีปากด้านใน มักใช้คู่กับลิปกลอสโดยทาให้กลืนกัน
    • ลิปไลน์เนอร์ คือดินสอเขียนขอบปาก
  2. ถ้าต้องการปรับสีของปากก่อนทา สามารถลงเมคอัพเบสที่ปากก่อนได้ วิธีนี้เหมาะกับคนที่ริมฝีปากมีสีคล้ำทำให้ทาลิปสติกออกมาแล้วไม่ตรงกับสีที่ต้องการ
  3. สำหรับคนปากแห้ง ควรทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงปากให้ชุ่มชื้นก่อนจะลงลิปอื่นๆ เพื่อให้สีของลิปสติกติดนานมากขึ้น
  4. การใช้ลิปไลน์เนอร์เขียนขอบปากก่อนจะทาปากด้านใน จะช่วยให้การทาปากง่ายขึ้น สวยคม ไม่เลอะเทอะออกมานอกริมฝีปาก
  5. หลังจากทาปากแล้วใช้ทิชชู่ซับเบาๆ เพื่อซับสีส่วนเกินออก จะได้สีลิปที่พอดี
  6. ปัดแป้งฝุ่นหลังทาปากเพื่อให้ลิปสติกเซ็ตตัว สามารถติดทนได้นานหลายชั่วโมง

ครบไปแล้วทุกขั้นตอนการแต่งหน้า และเทคนิคการแต่งหน้าสำหรับมือใหม่หัดแต่ง ซึ่งจะช่วยให้สาวๆ เลือกได้ถูกว่าต้องแต่งด้วยอะไรบ้าง และควรทำอะไรก่อนหลัง รวมถึงทริคการแต่งหน้าง่ายๆ จะช่วยให้การแต่งหน้าดูดีขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่รู้เยอะเลยทีเดียว ทีนี้ก็ลงมือฝึกแต่งหน้าบ่อยๆ และคอยอัพเดตวิธีการแต่งหน้าอยู่เสมอ ก็จะทำให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าได้ในเวลาไม่นานเลย

บทความแนะนำ …

  • ประเภทของสกินแคร์ (Skincare) แบ่งตามเนื้อผลิตภัณฑ์และลำดับการใช้
  • ประเภทเครื่องสำอางแต่งหน้า/เมคอัพ (Makeup)…แบ่งตามส่วนที่ใช้
  • ประเภทของเมคอัพเบส (Base Makeup)…เรียงตามลำดับการใช้
  • เครื่องสำอาง Drug Store, Counter Brand, Hi-end คืออะไร?
  • วิธีแต่งหน้ามือใหม่หัดแต่ง…ขั้นตอนและเทคนิคการแต่งหน้าแบบง่ายๆ