กล มเรดอาร ม ญ ป น หร อ ไออาร เอ

“มะเร็งปอด” โรคร้ายที่พรากคนรักของคุณไปโดยไม่ทันตั้งตัว หนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทยอันดับต้น โดยบุหรี่ ถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปอด โดยพบว่ามีโอกาสเกิดมะเร็งปอดในผู้ที่สูบบุหรี่มากถึง 10 เท่า ของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

โดยส่วนมาก มะเร็งปอด ผู้ป่วยจะไม่ค่อยแสดงอาการในระยะแรก แต่จะมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคเมื่อมีการเจริญเติบโตของมะเร็งมากขึ้น ซึ่งหากสังเกตถึงความผิดปกติของร่างกายควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดโดยเฉพาะ

Show

โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งปอด Lung Cancer Screening Program

อาการ “ไอ” เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของมะเร็งปอด สังเกตอาการไอ แบบไหนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

  • ไอเรื้อรัง ไอนานติดต่อกันเกินกว่า 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย หรือในบางรายอาจไอนานเป็นเดือน
  • ไอรุนแรงจนเหนื่อยหอบ ไอแบบรุนแรง ไอจนเหนื่อยหอบ ไอและผอมลง หรือไอจนเสียงเปลี่ยน
  • ไอปนเลือด บางทีไอมีเสมหะปนเลือด ซึ่งลักษณะการไอแบบนี้ จะต้องมีเลือดสดออกมาปนบ่อย ๆ

กล มเรดอาร ม ญ ป น หร อ ไออาร เอ

ยิ่งสูบมากเท่าไร ยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากเท่านั้น

ถ้าหากคุณสูบบุหรี่เป็นประจำ แล้วมีการอาการไอเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยด่วน นอกจากอาการไอแล้ว มะเร็งปอด เมื่อเกิดอาการลุกลามแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการต่างๆ เหล่านี้

  • หายใจลำบาก หอบเหนื่อย
  • หายใจสั้น หายใจมีเสียงหวีด
  • เจ็บหน้าอกตลอดเวลา
  • เสียงแหบ เสียงเปลี่ยน
  • ปอดติดเชื้อบ่อย
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

อย่างไรก็ตาม มะเร็งปอดไม่ใช่โรคติดต่อ และไม่สามารถส่งผ่านไปยังคนอื่นๆ มะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ดังนั้น ผู้ที่มีอาการดังกล่าวข้างต้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว … เพราะเราไม่อยากให้คนที่คุณรักต้องจากไป

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ ดูเผิน ๆ จะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดาซึ่งจะค่อย ๆ แสดงอาการ

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

  • มีไข้ หนาวสั่น และเหงื่อออก
  • ปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • เจ็บคอและไอแห้ง
  • ปวดตา
  • มีน้ำมูก จาม
  • หายใจถี่
  • ท้องเสียและอาเจียนซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์โดยทันที การใช้ยาต้านไวรัสช่วยให้หายป่วยได้เร็วขึ้นและป้องกันอาการไม่ให้ทรุดหนัก

หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที

อาการไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่ ที่ควรรีบพบแพทย์

  • เจ็บหน้าอก หายใจถี่
  • เวียนศีรษะ
  • ชัก
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
  • โรคประจำตัวกำเริบหรือทรุดตัว

อาการไข้หวัดใหญ่ในเด็ก ที่ควรรีบพบแพทย์

  • เจ็บหน้าอก หายใจลําบาก
  • ภาวะขาดน้ำ
  • ปากเขียว
  • ชัก
  • ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
  • โรคประจำตัวกำเริบหรือทรุดตัว

สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่

คนทั่วไปอาจสัมผัสเชื้อไวรัสจากละอองฝอยในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดคุย คนทั่วไปอาจสูดรับเชื้อโรคทางลมหายใจหรือสัมผัสเชื้อที่ติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือคีย์บอร์ด

ผู้ป่วยจะสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการ และยังสามารถแพร่เชื้อได้ต่อไปอีก 5 วันหลังแสดงอาการ ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า

มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หากได้รับวัคซีนหรือป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่มาก่อน ร่างกายมักมีภูมิต้านทานโรค หากเชื้อไวรัสตัวใหม่นั้นมีความใกล้เคียงกับเชื้อตัวเก่าที่เคยเป็น ร่างกายจะมีแอนติบอดีป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไประดับแอนติบอดีในร่างกายจะลดลง

หากสัมผัสกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ร่างกายไม่เคยรู้จักมาก่อน แอนติบอดีที่มีอยู่เดิมจะไม่สามารถสู้กับและป้องกันการติดเชื้อได้

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคไข้หวัดใหญ่

  • เด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี และผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • อาศัยหรือทำงานในที่แออัด มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากการรักษาโรคมะเร็ง โรคมะเร็งเม็ดเลือด โรคเอชไอวี / เอดส์ การปลูกถ่ายอวัยวะ การใช้สเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน
  • มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคตับ โรคเลือด โรคระบบประสาท กระบวนการทำงานทางชีวเคมีผิดปกติ ปัญหาระบบทางเดินหายใจ
  • การใช้แอสไพรินในระยะยาวในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี อาจทำให้เป็นโรคเรย์ (Reye’s disease) เป็นโรคที่มี ความผิดปกติของตับร่วมกับสมอง ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
  • หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะระหว่างไตรมาสที่ 2 หรือ 3
  • โรคอ้วน

ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่

คนหนุ่มสาวซึ่งมีสุขภาพดีมักหายจากไข้หวัดใหญ่ได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังต่อไปนี้

  • ภาวะหายใจลําบากเฉียบพลัน
  • โรคหอบหืดกำเริบ
  • หลอดลมอักเสบ
  • หูอักเสบ
  • โรคหัวใจ
  • โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ ซึ่งอันตรายมากในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถลดความรุนแรงของอาการและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาการของโรคไข้หวัดใหญ่และ COVID-19 มีความคล้ายคลึงกัน การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถลดและป้องกันความสับสนระหว่างโรคทั้งสองนี้ การรับวัคซีนทั้ง COVID-19 และไข้หวัดใหญ่ในเวลาเดียวกันนั้นทำได้ สําหรับผู้ที่มีอาการแพ้ไข่ขาวสามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้

การป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่

เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% สุขอนามัยที่ดีสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ล้างมือเป็นประจําด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
  • ไม่สัมผัสตา จมูก และปาก
  • เมื่อจะจามหรือไอ ควรจามหรือไอใส่ข้อศอกหรือกระดาษทิชชู่ และล้างมือทุกครั้ง
  • ทำความสะอาดโทรศัพท์หรือพื้นผิวของสิ่งของที่สัมผัสบ่อย
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด
  • หลีกเลี่ยง ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่

การตรวจวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่

แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อหารอยโรคของโรคไข้หวัดใหญ่ และอาจทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมให้ช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด ผู้ป่วยสามารถติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และ COVID-19 ได้พร้อมกัน และอาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยทั้งสองโรค

การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่

การพักผ่อนและดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ หากผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อร้ายแรง อาจต้องให้ยาต้านไวรัส

การใช้ยาต้านไวรัสอาจมีผลข้างเคียงให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน การรับประทานยาพร้อมอาหารสามารถช่วยลดอาการดังกล่าวได้

การดูแลตัวเองที่บ้าน

  • ดื่มน้ำมาก ๆ เช่น น้ำผลไม้ น้ำเปล่า หรือซุปอุ่น ๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
  • พักผ่อนและนอนหลับเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
  • รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ เช่น อาการปวดหัวและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไม่ควรใช้แอสไพรินในเด็กหรือวัยรุ่น เนื่องจากความเสี่ยงของโรคเรย์ (Reye’s disease)

พักผ่อนอยู่บ้านจนกว่าจะหายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในครอบครัวและชุมชน งดพบปะผู้อื่นเมื่อป่วย ล้างมือบ่อย ๆ หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้านหรือไปโรงพยาบาลให้สวมหน้ากากอนามัยเสมอ