ปวดหัวข้างขวา กระบอกตา ท้ายทอย

ปวดกระบอกตา มึนศีรษะ ปวดขมับ สาเหตุจากอะไร นี่เป็นอาการที่พบบ่อยในคนยุคปัจจุบัน มาเรียนรู้อาการนี้กันมากขึ้นค่ะ

สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ สำหรับฉบับนี้ผู้เขียนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเคสที่น่าสนใจเคสหนึ่ง ที่อยากจะเล่าให้ท่านฟัง เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากค่ะเพราะเคสที่มาพบผู้เขียนนั้นอายุเพียง 21 ปี พึ่งเรียนจบและยังไม่ได้ทำงาน แต่เสียงของร่างกายเคสนี้ก็บอกความบกพร่องในร่างกายของเขามากมาย ซึ่งในทางธรรมชาติบำบัดถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะ ขออนุญาตเล่าให้ฟังคร่าวๆนะคะ

ปวดกระบอกตา มึนศีรษะ ปวดขมับ อาการ

มีเคสที่มาด้วยอาการปวดกระบอกตา และปวดขมับ มึนศีรษะเรื้อรัง เป็นมานานกว่า 2 ปีแล้ว ปวดตลอดเวลา จะมากเวลาที่ต้องหอบหิ้วของหนัก หรือ ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งอ่านหนังสือ ไปพบแพทย์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ได้รับการรักษาด้วยการทานยามาตลอด เคสเล่าว่าในช่วง 2 – 3 เดือนแรกๆ อาการก็ดีขึ้น แต่หลังๆทานยาเพิ่มปริมาณขึ้น อาการก็ไม่ดีขึ้น แพทย์ส่งเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์สมอง (Magnetic resonance imaging / MRI ) แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เคสจึงต้องบรรเทาอาการที่ตนเป็นด้วยการทานยามาตลอด ซึ่งอาการตอนนี้จากการทานยาต่อเนื่องนานทำให้ต้องเป็นโรคกระเพาะอาหารตามมา และมีอาการหายใจขัดๆ ร่วมกับการเป็นภูมิแพ้อากาศบ่อยๆ เหนื่อยง่าย ส่วนที่รุนแรงมากก็จะเป็นอาการปวดกระบอกตาและขมับ ร่วมกับอาการมึนศีรษะ

ฟังดูแล้วน่าตกใจใช่ไหมคะ เป็นตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ พอจบก็ยังไม่ได้ทำงาน แต่กลับต้องมาเสียเงินค่ารักษาพยาบาลและที่น่าแปลกมากสำหรับเคสนี้ คือการปรับโครงสร้างร่างกายเพียง 3 ครั้งต่อเนื่องก็ทำให้อาการที่เป็นมาตลอด 2 ปีนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง

แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือเรื่องต้นเหตุของอาการไม่ได้อยู่ที่คอ ขมับหรือกระบอกตาเพียงอย่างเดียว แต่อาการดังกล่าวเป็นผลมาจากแนวของกระดูกหน้าแข้งที่มีการบิดหมุน จากการที่คุณพ่อพยายามดัดขาให้ตรงตั้งแต่ยังเด็กเพราะกลัวลูกโตขึ้นขาจะโก่งเหมือนคนในครอบครัวที่ขาโก่งทุกคน และคงเป็นการดัดที่มากเกินไปรวมทั้งไม่รู้หลักการทางกายวิภาคศาสตร์ จึงทำให้กระดูกหน้าแข้งผิดรูป บิดไปอีกด้านหนึ่ง ส่งผลให้เข่าด้านใน-ด้านนอก รับน้ำหนักตัวไม่สมดุล เกิดการบิดต่อเนื่องมาถึงข้อสะโพก กระดูกเชิงกราน กระดูกสันหลังและกระดูกคอบิดหมุน ผิดรูป ส่งผลต่อให้กล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ฐานกระโหลก (Suboccipital muscle) เกิดการเกร็งตัวค้างและเรื้อรัง (หรือเรียกโรค Myofascial syndrome) ดึงรั้งไปที่กล้ามเนื้อบริเวณขมับ (Temporalis muscle)

ทั้งหมดนี้จะมีผลต่อหลอดเลือด-เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณขมับและบริเวณตา ซึ่งทอดผ่านเส้นไยกล้ามเนื้อเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อเกิดการเกร็งตัวมากกว่าปกติ จึงส่งผลให้ไปจำกัดการไหลเวียนของเลือดและเส้นประสาท กลุ่มอาการเหล่านี้เกิดจากการไหลเวียนของระบบเลือดและเส้นประสาทไม่ดีนั่นเอง เพราะเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเราถูกหล่อเลี้ยงด้วยอาหารและอากาศที่มากับระบบการไหลเวียน เมื่อไม่มีเลือดไปเลี้ยงก็เกิดการคั่งของของเสีย เลือดดีก็ไม่ถ่ายเท ปล่อยไว้นานจึงทำให้ร่างกายแสดงอาการให้ทราบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น นั่นก็คือแสดงออกมาในรูปอาการเจ็บปวดต่างๆ นั่นเอง และสำหรับเคสนี้ยังตรวจพบว่าหลังค่อมมาก อาจเป็นผลจากตัวสูงกว่าเพื่อนในกลุ่ม ตอนเรียนอยู่จึงยืนหลังงุ้มมาตลอด และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีผลต่อการหายใจ เป็นภูมิแพ้บ่อยๆด้วย

ปวดกระบอกตา มึนศีรษะ สาเหตุ

หลายๆท่านที่อาจจะมีอาการเหมือนเช่นเคสนี้ คือปวดกระบอกตา ปวดขมับ มึนศีรษะ แล้วจัดการตัวเองด้วยการทานยา แต่หากเป็นบ่อย เป็นเรื้อรังมานาน การทานยาก็อาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ถูกจุด แถมอาจพ่วงหลายโรคตามมา อาการกลุ่มนี้ผู้ที่เป็นเรื้อรังอาจรู้สึกปวดตลอดเวลาก็เป็นได้ แต่เนื่องจากร่างกายจะเกิดความเคยชินในการรับรู้ความเจ็บปวดนั้น จึงทำให้รู้สึกว่าไม่เป็นไร ยังทนได้อยู่ จึงไม่กระตือรือร้นไม่ดิ้นรนหาแนวทางในการดูแลรักษาตัวเอง หรือบางเคสมักมีอาการเฉพาะภาวะที่มีสิ่งเร้า ไปกระตุ้นตรงที่เป็นจุดอ่อน ทั้งนี้รวมทั้งกลุ่มที่เป็นเรื้อรัง ก็มักเป็นมากเมื่อมีภาวะเหล่านี้ไปกระตุ้น ซึ่งก็จะทำให้รู้สึกปวดมาก เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องนาน หิ้วของหนักๆ มีภาวะเครียด นั่งขับรถนาน นั่งอ่านหนังสือ-เขียนหนังสือต่อเนื่อง ฯลฯ

บางเคสบอกผู้เขียนว่าเวลาที่ปวดมาก เหมือนตาหนักแทบจะปิดลงให้ได้ ปวดแทบลืมตาไม่ขึ้น ตาพล่ามัว มองภาพไม่ชัด รู้สึกหัวจะระเบิดออกมา รู้สึกเหมือนหัวหนักมากขึ้นเป็นสิบๆเท่า รู้สึกเหมือนมีสิ่งลี้ลับมาบีบศีรษะหรือบีบขมับไว้ เหมือนมีใครมานั่งทับบนหัว หรือนั่งบนบ่าฯลฯ นี่เป็นเสียงเตือนจากร่างกายของหลายเคส ที่ได้ถ่ายทอดให้ผู้เขียนฟัง อาจเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาจึงมีหลายท่านพยายามจะบอกไปในแนวอำนาจลี้ลับ เลยลืมมองความจริงด้านกลไกลการทำงานและความเชื่อมโยงของระบบโครงสร้างร่างกาย ที่ทำให้มีอาการต่างๆดังที่กล่าวมาได้

นอกเหนือจากความไม่สมดุลของระบบโครงสร้างร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากจนไปจำกัดการไหลเวียนแล้ว บางเคสที่เป็นเรื้อรังมานาน มักพบว่าอาการที่ปวดกระบอกตา ปวดขมับ หรือมึนศีรษะ เป็นผลจากอาการปวดร้าวของการติดยึดของข้อต่อกระดูกแต่ละชิ้น(Zygapophyseal Joint/Facet joint)โดยเฉพาะกระดูกคอชิ้นที่ 1 (Atlas) 2 (Axis) และ 3 ที่วางเรียงกันอยู่ ใต้ฐานกระโหลก ข้อต่อของกระดูกคอแต่ละชิ้นนั้น จะมีเส้นเอ็นที่เกาะระหว่างกระดูก เพื่อให้ข้อต่อมีความมั่นคง และส่วนที่เป็นเส้นเอ็นนี้ก็จะแผ่ตัวเชื่อมไปกับกล้ามเนื้อคอที่แผ่มาบริเวณ ข้างๆ กกหู กล้ามเนื้อมัดลึกด้านหลังคอ (Sternocleidomastoid muscle, Stylohyoid mscle, Suboccipital muscle , Semispinalis Capitis & Cervicis & Multifidus muscle) เมื่อมีการบิดหมุนหรือยึด แน่น เกร็งตัวมากกว่าปกติก็จะทำให้ความตึงตัวเหล่านี้เกิดเป็นอาการปวดร้าวไปตาม แนวของเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ หรือตามแนวการทอดผ่านของเส้นประสาท (Great occipital nerve) และเส้นเลือด จึงทำให้เกิดอาการต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้นได้เช่นเดียวกัน

เป็นอย่างไรบ้างคะ อาการเพียงส่วนศีรษะและกระบอกตา แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีต้นตอเชื่อมโยงมาจากกระดูกหน้าแข้ง แล้วร่างกายของท่านล่ะคะเคยมีเสียงเตือนเหมือนเคสข้างต้นหรือเปล่า? หากมีก็อย่าปล่อยให้เรื้อรัง จนกลายเป็นลุกลามไปทั้งตัวนะคะ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงยากและใช้เวลานานในการดูแลรักษา อีกสิ่งหนึ่งที่อยากบอกท่านผู้อ่านก็คือ การดูแลร่างกายอย่างเดียวนั้นไม่ใช่การได้มาซึ่งสุขภาพดีอย่างแท้จริง อย่าลืมว่าการเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์ต้องประกอบกันทั้งร่างกายและจิตใจ จึงควรต้องดูแลจิตใจด้วย เพราะอาการเจ็บปวดของร่างกาย ถ้ามีภาวะเครียดก็จะทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นดูแลกายให้สมดุลแล้ว อย่าลืมดูแลจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสนะคะเพราะ จิตใจที่แจ่มใส ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง

ถ้าท่านตอบตนเองได้แล้วว่าคงเป็นเรื่องระบบกล้ามเนื้อ ก็ควรเลือกแนวทางในการดูแลที่ถูกต้อง การปรับโครงสร้างร่างกาย เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้หายขาดจากอาการที่เป็น เพราะไม่เพียงจัดการถึงต้นเหตุที่เป็น แต่ยังเป็นการวิเคราะห์ ความเชื่อมโยงทั้งระบบกระดูก กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวของข้อต่อ หรือแม้แต่ระบบเลือดและระบบประสาทที่ไปควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเหล่านั้นด้วย และที่สำคัญคือ เมื่อหายจากอาการเหล่านั้นแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีก เพราะการปรับโครงสร้างร่างกาย เป็นการสร้างความแข็งแรง ทนทาน และความยืดหยุ่นให้กับโครงสร้างทั้งร่างกาย เพื่อการใช้งานร่างกาย ได้เต็มศักยภาพ อาการที่เป็นจึงไม่กลับมารบกวนอีก

เห็นไหมคะว่า เสียงเตือนจากร่างกาย วิเศษขนาดไหน เพียงท่านต้องหัดฟังเขาให้มากขึ้น ก็จะตอบตนเองได้ว่าเป็นอะไร ในบางกรณีเราควรจะพึ่งศักยภาพของตัวเองก่อนที่จะเอาสารเคมีหรือสารพิษต่างๆเข้าร่างกาย เพราะแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น กลับเป็นการทำร้ายร่างกายมากขึ้น

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita