FTI Poll เผยผลสำรวจจากภาคเอกชน ส.อ.ท. ค่าไฟพุ่งทำต้นทุนสูง เตรียมปรับราคาสินค้าภายในปี 2565 นี้ 10% ยอมรับซ้ำเติมค่าครองชีพประชาชน ทำไทยเสียโอกาสการแข่งขัน ส่องเวียดนามนโยบายค่าไฟคงที่ วอนรัฐทยอยขึ้นแค่ 5% ต่องวด พร้อมออกมาตรการช่วยลดค่าไฟผู้มีรายได้น้อย
วันที่ 30 สิงหาคม 2565 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 20 ในเดือนสิงหาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ “วิกฤตค่าไฟฟ้าแพง กระทบอุตสาหกรรมแค่ไหน” พบว่า จากมติสำนักคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ที่ได้เห็นชอบแนวทางการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 มาอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย
- ไทยตกขบวน ทุนต่างชาติไหลเข้าเวียดนาม 2 พันโปรเจ็กต์
- ดาวหางสีเขียว เริ่มมองเห็นด้วยตาเปล่า เหนือฟ้าเมืองไทย สดร.แนะทิศชม
- สรุปปัญหา 1 สัปดาห์ หลังเปิดใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เต็มรูปแบบ
จากค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 ที่เก็บอยู่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.72 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 18% จากค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 ที่เก็บอยู่ 4 บาทต่อหน่วยนั้น
จากผลสำรวจ FTI Poll พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มีความกังวลว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงเกินไปในครั้งเดียว จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในส่วนของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปที่ราคาสินค้าและวัตถุดิบตามต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับประเทศเวียดนามที่ดำเนินนโยบายในการคงอัตราค่าไฟฟ้าที่ 2.8 บาทต่อหน่วย ตลอดปี 2565
โดยผลสำรวจพบว่า ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะมีต้นทุนจากค่าไฟฟ้า คิดเป็น 10-30% จากต้นทุนการผลิตทั้งหมด ดังนั้น การขึ้นค่าไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ในอัตราที่สูงทันที จะทำให้ผู้ประกอบการต้องมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 10% ภายในปลายปีนี้
ในส่วนของมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่มองว่า ภาครัฐควรพิจารณาทยอยปรับขึ้นค่า Ft โดยให้ค่าไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นไม่เกิน 5% ต่องวด (งวดละ 4 เดือน) ควบคู่ไปกับการออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SMEs เช่น การลดค่าไฟฟ้า เป็นต้น
Advertisement
เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 จากแนวโน้มราคาเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูง ภาระที่ กฟผ.ได้แบกรับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงตั้งแต่เดือนกันยายน 2564-เมษายน 2565 กว่า 83,010 ล้านบาท ซึ่งจะต้องทยอยส่งต่อต้นทุนดังกล่าวมายังผู้ใช้ไฟฟ้า รวมทั้งแนวโน้มค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง
การแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพงในระยะยาว ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่เสนอให้ภาครัฐควรมีการทบทวนโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย มีการส่งเสริมและปรับลดขั้นตอนให้เอกชนสามารถลงทุนโรงไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการแข่งขันเสรี รวมถึงมีการปรับลดขั้นตอนในการขออนุมัติอนุญาตใช้อุปกรณ์พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจและเอกชนให้สะดวกรวดเร็วและต้นทุนต่ำ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาพลังงานได้ในระยะยาว และยังช่วยแบ่งเบาภาระจากภาครัฐในการบริหารจัดการด้านพลังงาน
ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมเอง ผู้บริหาร ส.อ.ท.แนะนำว่า ควรเตรียมความพร้อมรับมือกับภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ เช่น ลงทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้ภายในโรงงาน เช่น ติดตั้ง Solar Rooftop, มีปรับแผนการผลิตเพื่อลดต้นทุนพลังงาน รวมทั้งนำระบบการบริหารจัดการพลังงาน (EMS) มาใช้ และปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
"ค่าไฟ" งวด ก.ย. - ธ.ค. 2565 ปรับขึ้น เท่าไร รีวิววิธี คำนวน "ค่า FT" ดัน ค่าไฟขึ้นราคา ขณะที่ กกพ. เปิดสาเหตุ เพราะอะไรต้องขึ้น ค่า FT 2565
อัปเดต "ค่า FT 2565" ค่าไฟขึ้นราคาเท่าไร แต่ดูเหมือนว่า ตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา คนไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ราคาสินค้าแพงขึ้นต่อเนื่องหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดวัตถุดิบอาหารสด ทั้งหมู, ไข่ไก่, เนื้อไก่,รวมไปถึงเครื่องปรุงต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อครองชีพของผู้บริโภคอย่างหนัก และนอกจากสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ยังมี ราคาน้ำมัน ที่ปรับตัวสูงขึ้น และที่จะส่งผลกระทบอย่างหนัก น่าจะเป็น ค่าไฟ ซึ่งงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2565 มีการปรับเพิ่มค่า FT อีก 68.66 สตางค์ ดันค่าไฟฟ้า เฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย
เพจเฟซบุ๊ค สำนักงาน กกพ. ชี้แจงเรื่องการปรับขึ้น ค่าไฟ หรือ ค่า FT 2565 ในรอบเดือน ก.ย. - ธ.ค. ปรับเพิ่มค่า FT อีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย
รวมเป็นค่า FT ทั้งสิ้น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย
- การคิดค่า FT ช่วงเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2565 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 236.97 สตางค์ต่อหน่วย ไม่รวมที่ กฟผ. รับภาระต้นทุนแทนผู้ใช้ไฟฟ้า ประมาณ 83,010 ล้านบาท
- การบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กกพ. ปรับเพิ่มค่า FT เพียง 68.66 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่า FT ทั้งสิ้น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย
สาเหตุขึ้นค่า FT
การขึ้นค่า FT ในช่วงปี 2565-2566 นี้ มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดจร (Spot LNG) ที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อทดแทน
ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและพม่า ที่ปริมาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งความผันผวนของ Spot LNG ในตลาดโลกสรุปได้ ดังนี้
- ปริมาณก๊าซในประเทศที่ลดลง จากเดิมสามารถจ่ายก๊าซได้ 2,800 - 3,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (MMSCFD) ลดลงเหลือราว 2,100 - 2,500 MMSCFD ทำให้ต้องนำเข้า Spot LNG เข้ามาเสริมหรือเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมันเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซที่ขาด แต่ในช่วงสงครามรัสเซีย - ยูเครน ส่งผลให้ราคา Spot LNG มีราคาแพงและผันผวนในช่วงประมาณ 25-50 USD/MMBTU เทียบกับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีราคาประมาณ 6-7 USD/MMBTU ดังนั้น การทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยด้วย LNG หรือใช้น้ำมันจะส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- การผลิตก๊าซจากพม่าที่ไม่สามารถผลิตได้ตามกำลังการผลิตเดิมและมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566 ซึ่งอาจทำให้มีความต้องการนำเข้า LNG มากกว่าที่ประมาณการไว้เดิม
- สถานการณ์ผู้ผลิต LNG ชะลอการลงทุน อันเนื่องมาจากมีความต้องการใช้พลังงานน้อยในช่วงโควิด-19 ในปลายปี 2564 หลังจากที่หลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากโควิด ทำให้ความต้องการใช้ LNG มีมากกว่ากำลังการผลิตในตลาดโลก ส่งผลกระทบต่อราคาและการเจรจาสัญญาซื้อขาย LNG โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2564 และต่อเนื่องตลอดปี 2565 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปในปี 2566
- สภาวะสงครามรัสเซีย - ยูเครน ทำให้รัสเซียลดหรือตัดการจ่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อไปยังยุโรป ทำให้ความต้องการ LNG เพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรปและส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคา LNG ในตลาดเอเชีย
ความไม่แน่นอนของแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศและในพม่า รวมทั้งสภาวะตลาดที่ไม่เอื้อต่อการเจรจาสัญญา LNG ทำให้ กกพ. ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อใช้เชื้อเพลิงสำรอง เช่น น้ำมันเตา น้ำมันดีเซล หรือเชื้อเพลิงประเภทอื่น เช่น ถ่านหิน พลังน้ำ และพลังงานทดแทน เพื่อรองรับสถานการณ์ขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นสถานการณ์ต่อเนื่องจากปลายปี 2565 และต่อเนื่องไปตลอดปี 2566 ตามแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในสภาวะวิกฤตที่ได้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ไปแล้ว กกพ. จึงขอให้มีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ลดการนำเข้า Spot LNG และเพิ่มความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าในช่วงดังกล่าว
รีวิวค่าไฟเฉลี่ย (บาท/หน่วย)
จากการปรับค่า FT ในเดือน กันยายน-ธันวาคม 2565 เทียบกับค่า FT ปัจจุบัน ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท "บ้านอยู่อาศัย" จำนวน 22.590 ล้านราย
ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 150 หน่วย การใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 72 หน่วย/ราย/เดือน
- ค่า FT (ปัจจุบัน) = 24.77 สตางค์ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยอยู่ที่ 3.70 บาท ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย อยู่ที่ 264 บาทต่อเดือน
- ค่า FT (ปรับขึ้น) = 93.43 สตางค์ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยอยู่ที่ 4.38 บาท ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย อยู่ที่ 313 บาทต่อเดือน
ที่อยู่อาศัยเกิน 150 หน่วย การใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 332 หน่วย/ราย/เดือน
- ค่า FT (ปัจจุบัน) = 24.77 สตางค์ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยอยู่ที่ 4.28 บาท ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย อยู่ที่ 1,418 บาทต่อเดือน
- ค่า FT (ปรับขึ้น) = 93.43 สตางค์ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยอยู่ที่ 4.96 บาท ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย อยู่ที่ 1,645 บาทต่อเดือน
เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - //www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - //today.line.me/th/v2/publisher/100057
เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote