2.ค่าเครื่องอบผ้า
ข้อนี้อาจไม่จำเป็นต้องมี แต่เครื่องอบผ้าจะช่วยตอบโจทย์คนอยู่หอพัก หรือคอนโด ที่มีพื้นที่น้อย หรือไม่มีระเบียง ต้องตากผ้าในห้อง รวมไปถึงช่วงฤดูฝนที่ตากผ้าลำบาก ซักเสร็จแล้ว สามารถนำผ้าเข้าตู้อบแห้งได้เลย แม้จะเสียเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ก็เร็วกว่าการต้องตากผ้า และรอผ้าแห้งด้วยแดดแน่นอน ใครที่อยากให้ธุรกิจช่วยแก้ปัญหาชาวหอ ชาวคอนโดได้ ก็อาจจะลองลงทุนกับเครื่องอบผ้าเพิ่ม รับรองว่าเวิร์ก! ราคาของเครื่องอบผ้า 10 กิโลกรัม อยู่ที่ประมาณเครื่องละ 20,000 – 25,000 บาท
3.ค่าตู้หยอดเหรียญ
ตู้หยอดเหรียญ หรือกล่องหยอดเหรียญ มีให้เลือกหลายแบบ แนะนำให้เลือกตู้ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ หากสามารถตรวจจับเหรียญปลอมได้ก็จะยิ่งดี และควรเป็นตู้ที่หยอดได้ทั้งเหรียญ 5 และเหรียญ 10 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ค่าตู้หยอดเหรียญ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท ขึ้นไป และอาจมีการบวกค่าแรงติดตั้งตู้หยอดเหรียญเพิ่มด้วย หรือถ้าใครอยากจ่ายเงินครั้งเดียวแล้วจบ ปัจจุบันก็มีธุรกิจที่ขายเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ แบบติดตั้งตู้หยอดเหรียญมาแล้วเสร็จสรรพ ช่วยลดภาระลงไปได้มากเช่นกัน
4.ค่าติดตั้ง
ค่าติดตั้งเครื่องซักผ้า เดินท่อประปา ท่อทิ้งน้ำ รวมไปถึงการเดินสายไฟ ราคาขึ้นอยู่กับค่าแรงของบริษัทแต่ละเจ้า แนะนำว่าให้เลือกบริษัทในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถติดต่อเพื่อซ่อมแซม หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ง่าย จะช่วยลดภาระ และไม่ลำบาก หากเครื่องซักผ้าเกิดเสีย ไม่ทิ้งน้ำ หรือมีอะไรชำรุด
5.ค่าเช่าตึก
ค่าเช่าตึก หรือค่าเช่าที่ แนะนำว่าให้ลงทุนกับตรงนี้เยอะหน่อย เพื่อกำไรที่ดีในอนาคต ทำเลของร้านควรอยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้หอพักนักศึกษา หอพักพนักงานโรงงาน คอนโด รวมไปถึงโรงแรม หรือโฮสเทล ซึ่งค่าเช่าอาจจะแพง แต่จะช่วยคืนกำไรได้ไวแน่นอน
6.ค่าน้ำ ค่าไฟ
เงินสำหรับลงทุนธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ นอกจากค่าเครื่อง ค่าติดตั้ง และค่าเช่าห้องที่ต้องเตรียมแล้ว แนะนำให้เตรียมกันเงินทุนส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นค่าน้ำค่าไฟในช่วง 1-3 เดือนแรกด้วย เพราะอาจจะเป็นช่วงที่ลูกค้ายังไม่เยอะ กำไรยังไม่ได้คืน จะได้ไม่เข้าเนื้อ และไม่ทำให้ธุรกิจสะดุด
7.ค่าซ่อมบำรุง
เครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าที่ผ่านการใช้งานหนักๆ ทั้งวัน ควรตรวจเช็กสภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง เผื่อมีส่วนที่ชำรุดเสียหายจะได้แก้ไขและซ่อมแซมได้ทัน นอกจากนั้น ควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้า และพื้นที่ภายในร้านให้บ่อย อาจจ้างแม่บ้านทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง เพราะร้านเครื่องผ้าหยอดเหรียญที่สกปรกคงไม่มีใครอยากใช้บริการแน่นอน
8.ค่าจ้างพนักงาน
ปกติแล้ว ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญไม่จำเป็นต้องมีพนักงาน เพราะเป็นธุรกิจแบบ Self Service คือบริการตัวเอง แต่ถ้าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัย หรืออยากให้มีคนคอยแนะนำ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ก็อาจจะหาพนักงานมาเฝ้าร้าน 1 คน ซึ่งก็ต้องมีการกันเงินทุนเอาไว้สำหรับค่าจ้างพนักงานด้วยเช่นกัน
สมัยนี้ มีแค่เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอาจไม่พอ!
เพื่อเอาใจและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่มีแค่เครื่องซักผ้าอาจไม่พอ! OfficeMate แนะนำให้ต่อยอดธุรกิจด้วยการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งรอ ปลั๊กไฟ Wi-Fi ฟรี หรือทีวีซักเครื่อง ให้ลูกค้าสามารถนั่งเล่นสมาร์ทโฟนรอ หรือจะหอบแท็ปเล็ต แล็ปท็อปมานั่งทำงานรอระหว่างซักผ้า ไม่ต้องเดินทางไปๆ มาๆ ให้เสียเวลา ถ้าจะให้ดีเปิดขายผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม รับแลกเหรียญ เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าที่อาจจะฉุกเฉินผงซักฟอกหมดกระทันหัน หรือไม่มีเหรียญมาหยอดตู้ นอกจากนั้น แนะนำให้มีกล้องวงจรปิด และไฟสว่างๆ สำหรับเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกค้าที่มาซักผ้าตอนกลางคืน หากคุณสามารถทำธุรกิจได้ครบทุกวงจร และสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ทุกจุด เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม รับรองว่าไปได้ไกล สู้กับคู่แข่งได้แน่นอน!
หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาฝากในวันนี้ จะช่วยให้คนที่อยากเปิดร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญพอเห็นแนวทาง และนำไปต่อยอดในแบบของตัวเองได้นะคะ
ช้อปเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า OfficeMate มีบริการส่งให้ฟรีถึงที่ พร้อมมีประกันสินค้า และโปรลดจุกๆ ไม่ว่าจะซื้อไปใช้ที่บ้าน หรือทำธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญก็คุ้ม!