สำหรับผู้ที่ใช้รถอยู่เป็นประจำ บางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารถยนต์ของตัวเองนั้น เป็นเครื่องยนต์ประเภทไหน จะเป็น เครื่องยนต์ดีเซล หรือ เครื่องยนต์เบนซิน รู้เพียงแค่ว่า ต้องเติมน้ำมันประเภทไหนเท่านั้น หรืออาจจะเติมน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเดิม ๆ ด้วยความเคยชินเพราะเติมอยู่เป็นประจำ
แต่ในกรณีที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต้องเดินทางไกลไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย และเมื่อชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีให้บริการมีตัวเลือกไม่มากนัก บางครั้งอาจทำให้เกิดความสับสนได้
ด้วยเหตุนี้ คุณจึงจำเป็นที่จะต้องรู้ รายละเอียดเบื้องต้นของรถยนต์ที่คุณใช้อยู่ให้ดีว่า เป็นเครื่องยนต์ประเภทไหน และสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใดได้บ้าง เพื่อป้องกันการเติมน้ำมันผิดประเภท เพราะอาจจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ และที่แย่ที่สุดเลยก็คือ เงินค่าเติมน้ำมันที่เสียไป อาจเทียบไม่ได้เลยกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ภายหลัง
วันนี้ แพนด้า สตาร์ ออยล์ จึงพาคุณมารู้จักเครื่องยนต์เบนซินให้มากขึ้น และเรายังรวบรวมชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่รองรับการใช้งานกับเครื่องยนต์เบนซิน มาให้ดูว่า รถยนต์เครื่องเบนซินของคุณนั้นสามารถเติมน้ำมันอะไรได้บ้าง
เครื่องยนต์เบนซิน ต่างจาก เครื่องยนต์ดีเซลอย่างไร?
รถยนต์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เป็นรถยนต์ระบบสันดาปภายใน ที่ต้องใช้เชื้อเพลิงในการจุดระเบิดเครื่องยนต์ เพื่อเปลี่ยนแรงระเบิดจากการเผาไหม้มาเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน โดยแบ่งออกเป็น เครื่องยนต์เบนซิน และ เครื่องยนต์ดีเซล แม้เครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภทนี้ จะมีลักษณะการทำงานที่คล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันเลยซะทีเดียว โดยสาเหตุหลักเลยก็คือ เครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภท ใช้วิธีการจุดระเบิดที่ต่างกัน
เนื่องด้วยน้ำมันเบนซิน เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดที่จุดไฟได้ง่าย จึงต้องมีการกำหนดค่าของออกเทน เช่น น้ำมันเบนซินออกเทน 91 จะมีค่าการต่อต้านการชิงจุดระเบิดได้ 91 % ส่วนน้ำมันเบนซินออกเทน 95 จะมีค่าการต่อต้านการจุดระเบิดได้ 95 %
นั่นก็หมายความว่า น้ำมันเบนซินจะไม่ทำการจุดระเบิด ถ้ายังไม่ถึงค่าที่กำหนดเอาไว้ ดังนั้นเมื่อคุณเติมน้ำมันผิดประเภท จะส่งผลให้การทำงานของเครื่องยนต์ผิดปกติ และไม่สามารถส่งกำลังได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
ไขข้อข้องใจ! น้ำมันเบนซิน กับ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ต่างกันยังไง?
น้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ น้ำมันเบนซิน และ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยมีความต่างตรงที่ น้ำมันเบนซินนั้น ไม่มีส่วนผสมของเอทานอล ในขณะที่แก๊สโซฮอล์ จะมีส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน และ เอทานอล
ก่อนเลือกใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ควรสำรวจรถยนต์ของคุณให้แน่ใจก่อนว่า ตัวถังน้ำมันสามารถรองรับการใช้งานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้หรือไม่ จากคู่มือการใช้งานรถยนต์ เนื่องจากรถยนต์ที่สามารถรองรับการใช้งานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ จำเป็นต้องมีการปรับแต่งตัวถังน้ำมันเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของสารเอทานอล ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบสูบฉีดน้ำมันและเครื่องยนต์ได้
6 ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
ไปดูกันเลยว่าเครื่องยนต์เบนซินสามารถเติมน้ำมันอะไรได้บ้าง
1. น้ำมันเบนซิน ออกเทน 91
สำหรับน้ำมันชนิดนี้ มีข้อควรระวังเพียงอย่างเดียวก็คือ หากรถยนต์ที่มีการระบุไว้ว่า “เติมน้ำมันชนิด เบนซิน ออกเทน 95 เท่านั้น” อย่าฝ่าฝืนทำการเติมน้ำมันชนิดนี้เข้าไปเด็ดขาด อาจส่งผลทำให้เครื่องยนต์สะดุด เดินเบา ถึงแม้ว่ารถของคุณจะยังสามารถวิ่งได้ปกติก็ตาม แต่รับรองได้เลยว่าเครื่องยนต์ของรถคุณจะเกิดปัญหาตามมาภายหลังอย่างแน่นอน
2. น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95
รู้หรือไม่? รถยนต์ทุกคันที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน สามารถเติม น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ได้ เพราะไม่มีส่วนผสมของเอทานอล ถือเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดีที่สุดจึงมีราคาแพงที่สุด หากเปรียบเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด นอกจากจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดที่มีการเผาไหม้ได้ดีที่สุด ยังช่วยให้การจุดระเบิดของเครื่องยนต์ทำงานได้สมบูรณ์ จึงทำให้สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว
3. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91
เป็นน้ำมันพื้นฐาน เบนซิน 91 ผสม กับ เอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% โดยผสมอยู่ในอัตราส่วน น้ำมันเบนซินพื้นฐาน 9 ส่วน : เอทานอล 1 ส่วน และหากเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 กับรถที่ไม่ได้มีการระบุไว้ว่าให้สามารถใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 ได้ ก็จะส่งผลเสียทำให้ ท่อยาง โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง และหัวฉีด เกิดการรั่วไหลได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการกัดกร่อนของเอทิลแอลกอฮอล์ หรือ
เอทานอลนั่นเอง แต่หากรถยนต์ของคุณ ระบุไว้ว่า “สามารถใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 ได้” นั่นหมายความว่าคุณสามารถเติมน้ำมันทั้งชนิด เบนซิน ออกเทน 91 , 95 และแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ได้เช่นกัน
4. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95
น้ำมันชนิดนี้เป็นการผสมกันระหว่าง น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 และ เอทานอล ในอัตราส่วนน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 9 ส่วน : เอทานอล 1 ส่วน
ข้อควรระวัง !! สำหรับการใช้น้ำมันชนิดนี้คือ รถยนต์ที่ไม่ได้ระบุไว้ว่า
“สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ได้” ไม่ควรฝ่าฝืนใช้ เพราะด้วยส่วนผสมที่มีเอทิลแอลกอฮอล์ จะทำให้เกิดการกัดกร่อนในส่วนของ ท่อยาง โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง และหัวฉีด ทำให้เกิดการรั่วไหลได้
5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20
เป็นการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐาน มาผสมกับเอทานอล ในอัตราส่วน เบนซิน 80 : เอทานอล 20 ก่อนเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คุณจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า รถยนต์ของคุณสามารถรองรับการเติมน้ำมันชนิดนี้ได้ เนื่องจากรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ ต้องมีการปรับอุปกรณ์และปรับอัตราส่วนผสม ให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ แต่หากรถยนต์ของคุณ ระบุไว้ว่า “สามารถใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ” น้ำมันเชื้อเพลิงชนิด ตั้งแต่ข้อ 1 - 4 ก็สามารถใช้งานกับรถยนต์ของคุณได้
6. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
แก๊สโซฮอล์ E85 น้ำมันที่มีเอทานอลผสมอยู่ในอัตราส่วนที่ค่อนข้างมากคือ เอทานอล 85 : เบนซิน 15
เป็นประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงที่ควรระมัดระวังในการใช้เป็นอย่างมาก เนื่องจากคุณต้องแน่ใจก่อนว่า รถยนต์ของคุณนั้นสามารถรองรับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนี้ได้ โดยหากรถยนต์ของคุณไม่มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “สามารถใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ E85 ได้” เราแนะนำว่า ห้ามใช้เด็ดขาด!!
เพราะการเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อาจส่งผลเสียขั้นร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ จนทำให้เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น สะดุด หรือสตาร์ทติดยาก ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลให้สตาร์ทไม่ติดในที่สุด แต่หากรถยนต์ของคุณสามารถรองรับการใช้งานน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ น้ำมันเชื้อเพลิงชนิด ตั้งแต่ข้อ 1 - 5 ที่กล่าวมานั้น ก็สามารถใช้งานกับรถยนต์ของคุณได้เช่นเดียวกัน
หลายคนเชื่อว่า ราคาน้ำมันถูก เท่ากับ ประหยัดที่สุด จริงหรือ?
หลายคนอาจรู้ว่า ข้อดีของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ก็คือ มีราคาที่ค่อนข้างถูก แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียคือ เกิดการระเหยได้เร็ว และมีอัตราสิ้นเปลืองกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ เนื่องจากเอทานอลให้ค่าพลังงานที่ต่ำกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ถึง 23% นั่นหมายถึง รถที่เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จะวิ่งได้ระยะทางที่น้อยกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ ซึ่งการเลือกใช้น้ำมันแต่ละชนิด บางครั้งอาจขึ้นอยู่กับการใช้งานเช่นกัน
อย่างน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดที่มีการผสมกับเอทานอลเช่น แก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 และ 95 รวมถึง น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 น้ำมันเชื้อเพลิงทั้ง 4 ชนิดนี้ ไม่เหมาะสำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือมีการจอดทิ้งไว้นาน ๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะจะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงจะคลายข้อสงสัยหรือความกังวล เกี่ยวกับชนิดของน้ำมันเบนซินและข้อจำกัดในการใช้งานน้ำมันแต่ละชนิด เพื่อให้คุณเลือกเติมน้ำมันที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ ด้วยข้อมูลดี ๆ ที่แพนด้า สตาร์ ออยล์ ได้รวบรวมมาให้ในวันนี้หวังว่าจะทำให้คุณรู้จักและเข้าใจรถยนต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น นอกจากจะป้องกันความผิดพลาดในการเติมน้ำมันผิดประเภทแล้ว ยังช่วยให้คุณไม่ต้องกังวล และเลือกเติมน้ำมันได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเข้าปั๊มน้ำมันไหน ๆ ก็ตาม