การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
- การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
โพรทิสต์ (protist) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอยู่ในอาณาจักรโพรทิสตา (ProtistaKingdom) มีทั้งพวกที่เป็นเซลล์เดียวและหลายเซลล์ พวกโพรทิสต์หลายเซลล์ ไม่มีระบบเนื้อเยื่อและระบบโครงกระดูกจึงมีการเคลื่อนไหวแตกต่างกัน
1.1 การเคลื่อนไหวโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม
ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) หมายถึง ส่วนของโพรโทพลาซึมภายในเซลล์ทั้งหมด การเคลื่อนไหวโดยใช้ไซโทพลาซึมนี้จะเคลื่อนไหวโดยการยืดส่วนของไซโทพลาซึม ออกจากเซลล์ เ ช่น การเคลื่อนไหวของราเมือก อะมีบา เป็นต้น การเคลื่อนไหวของอะมีบา ซึ่งเป็นโพรทิสต์ที่อาศัย การไหลของไซโทพลาซึมที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เอ็กโทพลาซึม(ectoplasm) เป็นไซโทพลาซึมชั้นนอก มีลักษณะเป็นสารกึ่งแข็งกึ่งเหลว เรียกว่า เจล (gel)และ เอนโดพลาซึม (endoplasm) เป็นไซโทพลาซึมชั้นในมีลักษณะค่อนข้างเหลวกว่าเรียกว่า โซล ( sol)
ภายในไซโทพลาซึมมีไมโครฟิลาเมนต์ (microfilament) เป็นเส้นใยโปรตีน แอกทินและไมโอซิน เป็นโครงสร้างที่ทำให้เอนโดพลาซึมไหลไป- มาภายในเซลล์ได้ และดันเยื่อหุ้มเซลล์ ให้โป่งออกมาเป็น ขาเทียม(pseudopodium) ทำให้อะมีบาเคลื่อนไหวได้ เรียกว่าการเคลื่อนไหวแบบอะมีบา (amoeboid movement)
แสดงจำนวนขาเทียมของอะมีบา เกิดจากการไหลของไซโทพลาซึม
1.2 การเคลื่อนไหวโดยอาศัยแฟลเจลลัมหรือซีเลีย
การเคลื่อนไหวโดยอาศัยแฟลเจลลัมหรือซีเลียซึ่งเป็นโครงสร้างเล็กๆ ที่ยื่นออกมาจากเซลล์สามารถโบกพัดไปมาได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตเคลื่อนที่ไปได้
1) แฟลเจลลัม(flagellum) มีลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ คล้ายหนวดยาวกว่า ซีเลีย แฟลเจลลัม เป็นโครงสร้างที่พบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวบางชนิด เช่น ยูกลีนา(euglena) วอลวอกซ์ (volvox) เป็นต้น
แสดงแฟลเจลลัมและโครงสร้างภายในของยูกลีนา
2) ซีเลีย(cilia) มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ ยื่นยาวออกจากเซลล์ของพืช หรือ สัตว์เซลล์เดียว หรือเซลล์สืบพันธุ์ ใช้โบกพัดเพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ภายในน้ำหรือของเหลว พบในพารามีเซียม (paramecium) พลานาเรีย(planaria) เป็นต้น
แสดงซีเลียและโครงสร้างภายในของพารามีเซียม
ภาพโครงสร้างลักษณะภาคตัดขวางของไมโครทูบูล
ที่มา : จักรชัย วรรณาศรี. Powerpoint : สไลด์ที่ 114
จากการศึกษาโครงสร้างของแฟลเจลลัมและซีเลียตัดตามขวางพบว่ามีโครงสร้างเหมือนกัน คือ ประกอบด้วยหลอดเล็ก ๆ เรียกว่า ไมโครทูบูล(microtubules) เป็นหลอดแกนตรงกลาง 2 หลอด ล้อมรอบด้วยหลอดเล็ก ๆ อีก 9 คู่ ทั้งหมดจะถูกหุ้มด้วยเยื่อบาง ๆ ที่ติดต่อเป็นเนื้อเดียวกับเยื่อหุ้มเซลล์ เรียกโครงสร้างแบบนี้ว่า 9 + 2 ที่โคนของซีเลียและแฟลเจลลัม มีเบซัลบอดี ( basal body)หรือ ไคนีโทโซม (kinetosome) อยู่ด้วย เบซัลบอดี มีไมโครทิวบูล เช่นกัน แต่การเรียงตัวต่างกัน โดยที่หลอดตรงกลาง 2 หลอดไม่มี มีแต่หลอดรอบนอก 9 ชุด เรียกการเรียงตัวแบบนี้ว่า 9 + 0 ถ้าหากตัดเบซัลบอดีออก พบว่าแฟลเจลลัมและซีเลียเส้นนั้น จะหยุดลง จึงเชื่อกันว่าเบซัลบอดี เป็นตัวควบคุมการเคลื่อนไหวของซีเลียและแฟลเจลลัม
การเคลื่อนที่ของพารามีเซียม มีลักษณะหมุนไปหมุนมา และเคลื่อนหนีวัตถุ
พารามีเซียมเคลื่อนที่โดยการโบกพัดของซีเลีย ไปทางด้านหลัง ทำให้ตัวของพารามีเซียมเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จากการโบกพัดของซีเลีย ทำให้ตัวพารามีเซียมหมุนไปด้วยเนื่องจากไม่มีอวัยวะคอยปรับสมดุล (หางเสือ) และอีกอย่างหนึ่งเนื่องจากซีเลียที่ร่องปาก ซึ่งมีจำนวนมากกว่าโบกพัดแรงกว่าบริเวณอื่น จึงทำให้หมุน
แสดงการเคลื่อนไหวของซีเลียที่หลอดลมคอ (a-b)และการเคลื่อนที่ของแฟลเจลลัม (c-d )
ที่มา : ประสงค์ หลำสะอาด. ม.ปป. : 4
ขอขอบคุณ-//watchawan.blogspot.com/2010/04/blog-post_29.html
ตัวอย่าง
1. plasmosol ของอะมีบามีลักณษะอย่างไร
ก. เป็นของแข็งอยู่ด้านใน ข. เป็นของแข็งอยู่ด้านนอก
ค. เป็นของเหลวอยู่ด้านใน ง. เป็นของเหลวอยู่ด้านใน
ตอบ ค.เป็นของเหลวอยู่ด้านในเพราะ sol จะเป็นของเหลวอยู่ด้านในส่วน gel เป็นของเหลวค่อนข้างแข็งอยู่ด้านนอก การเคลื่อนที่จะเกิดจากการเปลี่ยนกลับไปกัลบมาของ sol และ gel
2.สัตว์ที่มี flipper ช่วยในการเคลื่อนที่ คือ สัตว์ชนิดใด
ก. เต่าทะเล ข. แมวน้ำ
ค. สิงโตทะเล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ เพราะ flipper คืออวัยวะที่เปลี่ยนไปทำหน้าที่ในการว่ายน้ำพบในเต้าทะเล แมวน้ำ สิงโตทะเล
ขอขอบคุณ-//withidaporn.wordpress.com/102-2/