สำหรับคนที่มีอาการแพ้สารเคมี หรือต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา ซักผ้า คืออีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะทั้งสองมีคุณสมบัติในการช่วยให้ผ้าขาว และดับกลิ่น คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
อัปเดตเมื่อ 6 พฤษภาคม 2022
การซักผ้า
นอกจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้ว คุณยังสามารถซักทำความสะอาดด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่มีในบ้านของคุณเอง ไม่ว่าผ้าจะหมองหรือมีกลิ่นอับ น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดาต่างมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผ้าขาว และมีกลิ่นหอมได้อย่างง่ายดายอย่างที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อน เราได้รวบรวมข้อดีและวิธีขจัดคราบด้วยน้ำส้มสายชูเละเบกกิ้งโซดามาให้ดูทางด้านล่างนี้ ก่อนใช้เบกกิ้งโซดา และน้ำส้มสายชูซักผ้า ควรตรวจเช็คดูให้ดีก่อนลงมือซัก ด้วยการทดลองบนผ้าบริเวณเล็กๆ ก่อนเพื่อดูว่าเนื้อผ้าเสียหายจากการใช้น้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาหรือไม่
ข้อดีของการใช้เบกกิ้งโซดา และน้ำส้มสายชู ซักผ้า
น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคและช่วยขจัดคราบสกปรกต่างๆ
หากซักผ้าขาว น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดาจะช่วยให้ผ้าดูขาวขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้น้ำส้มสายชูยังช่วยให้ผ้าสี สีไม่ตกอีกด้วย
น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา ดับกลิ่นต่างๆ ได้ โดยเฉพาะกลิ่นเหงื่อ และกลิ่นเหม็นอับ
น้ำส้มสายชูเเละเบกกิ้งโซดาสามารถใช้เเทนน้ำยาขจัดคราบเเละกลิ่นก่อนน้ำเสื้อผ้าไปซักกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีพลังในการกำจัดคราบได้อย่างหมดจดอย่างบรีส
วิธีใช้น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา ซักผ้า
คุณสามารถใช้น้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา ซักผ้าขาวและผ้าสีกับเครื่องซักผ้าได้ โดยขั้นตอนการซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดานั้นไม่ได้แตกต่างจากขั้นตอนการซักทำความสะอาดผ้าแบบปกติมากนัก เเต่ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบป้ายสัญลักษณ์การดูแลผ้า และควรแยกสีผ้าก่อนการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วย
ใส่เสื้อผ้าลงไปในเครื่องซักผ้า จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาลงไปบนกองผ้าประมาณ 1-2 ถ้วย
เปิดเครื่องซักผ้าตามปกติ เพื่อให้เครื่องซักผ้าทำความสะอาดเสื้อผ้า
หากเสื้อผ้ามีกลิ่นอับ คุณสามารถเลือกใส่ น้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดาในน้ำสุดท้าย เพื่อกำจัดกลิ่นอีกด้วย
สำหรับคนที่มองหาการทำความสะอาดผ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ว่าจะเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม หรือหลีกเลี่ยงอาการแพ้สารเคมีต่างๆ การใช้เบกกิ้งโซดา และน้ำส้มสายชู ซักผ้าขาว และผ้าสีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด หากคุณรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้องในการซักผ้าสี และซักผ้าขาว เบกกิ้งโซดา และน้ำส้มสายชูอาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์คู่ใจที่คุณอยากใช้บ่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามยังมีผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบได้ดีเช่นเดียวกับการใช้เบกกิ้งโซดาเละน้ำส้มสายชู เราขอเนะนำ บรีส เอกเซล สูตรน้ำ ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบหนักไม่ว่าจะเป็นผ้าขาวหรือผ้าสี คราบหนักเค่ไหนก็หายห่วง
ขจัดกลิ่นเหม็นและคราบเหลืองใต้รักแร้ โดยถูน้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดาลงบนคราบ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ก่อนขยี้คราบออก แล้วล้างออกด้วยน้ำ ก่อนนำไปซักทำความสะอาดตามปกติด้วยผลิตภัฑ์ซักผ้าที่คุณใช้เป็นประจำ
ช่วยให้ผ้าหมองกลับมาขาวเหมือนใหม่ โดยการแช่ผ้าในน้ำผสมเบกกิ้งโซดา จากนั้นทิ้งไว้ข้ามคืน ก่อนนำไปซักทำความสะอาด
หากเสื้อมีกลิ่นเหม็นเล็กน้อย แต่ยังไม่สกปรกมาก และคุณยังไม่อยากนำไปซัก หรือยังไม่สามารถนำไปทำความสะอาดได้ในตอนนั้น คุณสามารถนำน้ำส้มสายชูผสมน้ำฉีดลงไปบนผ้า ก่อนนำไปตากแดดเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
วิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยกำจัดคราบและตะกอนต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยม สะอาดเกลี้ยงทั้งตัวเครื่องและถังซัก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
สำหรับคนที่มีเครื่องซักผ้าฝาหน้าแล้วอยากทำความสะอาดด้วยตัวเอง เนื่องจากไม่สะดวกจ้างช่างมาถอดแกะล้าง วันนี้ คุณ NongYaya Thanya จะมาบอกวิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าด้วยน้ำส้มสายชูแบบง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน แถมยังไม่ต้องถอดชิ้นส่วนให้ยุ่งยาก แถมสะอาดเกลี้ยงทั้งภายนอกและภายใน
รีวิวล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าด้วยโหมดล้างเครื่อง
โดย เฟซบุ๊ก NongYaya Thanyaปกติพ่อบ้านเป็นคนซักผ้าจะใช้ผงซักฟอก แต่ถ้าซักเองจะใช้น้ำยาซักผ้า แต่ช่วงหลังไม่ได้ซักเองเลย ปกติล้างในโหมดล้างเครื่องอยู่เรื่อย ๆ แต่ช่วงนี้ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้ล้างมา 4-5 เดือน และไม่สะดวกให้ช่างมาล้างแบบถอดแกะออกมาล้างเพราะอยู่ต่างจังหวัด กลัวช่างไม่ชำนาญประกอบกลับคืนไม่สมบูรณ
1. หมุนตั้งค่าล้างเครื่องโดยไม่ต้องใส่อะไร (ไม่ใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาต่าง ๆ)
2. ตอนเครื่องฟีดน้ำลงถังให้เทน้ำส้มสายชูลงไป (เทในช่องผงซักฟอก) พร้อมกันจนหมดขวด
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
3. ปล่อยให้เครื่องทำงานไป (ในภาพจะเห็นว่าฟองเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่น้ำที่ 2 แล้ว แสดงว่าผงซักฟอกตกค้างในเครื่องเยอะมาก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
4. พอเครื่องทำงานเสร็จขณะที่ยังร้อน ๆ ให้รีบเปิดฝา และทำความสะอาดข้างใน โดยใช้ผ้าเปียกเช็ดออก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
5. ส่วนตามซอกต่าง ๆ เช่น ด้านในแผ่นยางตรงขอบฝาหน้า ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยขัดออก เช่น แปรงสีฟัน แปรงล้างขวดขนาดเล็ก พยายามเช็ดออกให้หมด จะได้ไม่มีเศษคราบสกปรกติดเสื้อผ้าตอนซักครั้งต่อไป
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
6. เปิดช่องระบายของเสียด่านล่างเอาน้ำออก รองด้วยแก้ว จะเห็นคราบออกมาเยอะเลย ซึ่งส่วนนี้หลังซักผ้าเสร็จทุกครั้ง ควรระบายน้ำทิ้งแล้วหมฺนไส้กรองออกมาล้าง ไม่งั้นจะหมักหมมมาก ๆ เพราะครงนี้เป็นที่รวมเศษผง เศษขยะ หรือแม้แต่เหรียญค่ะ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
7. เปิดช่องดักคราบและสิ่งสกปรกด้านล่างออกมาล้าง (ในภาพคือล้างรอบที่ 2 แล้ว เพราะล้างตอนซักผ้าเสร็จไปรอบหนึ่งแล้ว)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
8. ถอดถาดใส่ผงซักฟอกออกมาล้าง จะเห็นว่ามีน้ำยาปรับผ้านุ่มตกค้างอยู่เยอะเลย ควรล้างทุกครั้งที่ใช้งานเสร็จ (พ่อบ้านไม่ค่อยได้เอาออกมาล้าง)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก NongYaya Thanya
9. เอามือเช็ดด้านในช่องผงซักฟอก เปิดฝาทิ้งไว้จนแห้ง (ที่บ้านจะเปิดแง้มไว้ไม่เคยปิดเลย) ทำบ่อย ๆ แค่ไหนแล้วแต่การใช้งานของแต่ละบ้านค่ะ