โครงงานเป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายๆ สิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งชัดเจนมากยิ่งขึ้น หรือเพื่อเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆ ให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ
โครงงานสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
- โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นการใช้บูรณาการร่วมกับการเรียนรู้ ทักษะและเป็นพื้นฐานในการกำหนดโครงงานและปฏิบัติ
- โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานที่ผู้เรียนกำหนดขั้นตอน ความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยใช้ทักษะความรู้ จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆมาบูรณาการเป็นโครงงานและปฏิบัติ สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ตามวัตถุประสงค์
- โครงงานประเภทสำรวจ เป็นโครงงานที่ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของปัญหา หรือสำรวจความคิดเห็น เช่น โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.1-3
- โครงงานประเภทการทดลอง เป็นโครงงานที่ต้องออกแบบและทดลอง เพื่อการศึกษาผลการทดลองว่าเป็นไปตามที่ตั้งสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ เช่น โครงงานการทดลองปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เป็นต้น
- โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็นโครงงานที่นำความรู้และทฤษฎีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการสร้างผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น โครงงานการประดิษฐ์ของตกแต่งบ้านจากกะลามะพร้าว โครงงานการประดิษฐ์ที่รดน้ำต้นไม้จากขวดพลาสติก
- โครงงานประเภททฤษฎีเป็นโครงงานที่ศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกิดจากข้อสงสัย อาจเป็นการนำบทเรียนมาขยายเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมให้ได้ความรู้ในแง่มุมที่กว้างและลึกกว่าเดิม เช่น โครงงานการศึกษาข้อคิดจากเรื่องรามเกียรติ์เป็นต้น
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงานจะประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- หัวข้อหรือเค้าโครงของโครงงาน
- ชื่อโครงงาน
- รายชื่อผู้จัดทำโครงงาน
- ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
- ระยะเวลาดำเนินการของโครงงาน
- หลักการและเหตุผล
- จุดหมาย/วัตถุประสงค์
- สมมติฐานของการศึกษาโครงงาน
- ขั้นตอนการดำเนินงาน ขั้นตอนการทำงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์สถานที่
- ปฏิบัติโครงงาน
- ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- บรรณานุกรม
มีไฟล์ตัวอย่างโครงงาน 5 บท (ไฟล์ Word) ให้ลองดาวน์โหลดไปศึกษากันนะครับ
โครงงาน เป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากขึ้น โดยใช้กระบวนการ วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอนมีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ
การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน คือการจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานให้แก่เด็กเหมือนกับการทำงานในชีวิตจริง เพื่อให้เด็กมีประสบการณ์ตรง เด็กจะได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหารู้จักรู้จักการทำงานอย่างมีระบบ รู้จักการวางแผนในการทำงาน ฝึกการคิดวิเคราะห์และเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
โครงงานจัดเป็นการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่ทำให้ผู้เรียนรู้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นขั้นตอนและใช้ความรู้ที่ตนเองได้มาบูรณาการ
ประเภทโครงงาน
แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
๑. โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นการใช้บูรณาการร่วมกับการเรียนรู้ ทักษะและเป็นพื้นฐานในการกำหนดโครงงานและปฏิบัติ
๒. โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานที่ผู้เรียนกำหนดขั้นตอน ความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยใช้ทักษะความรู้ จากกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆมาบูรณาการเป็นโครงงานและปฏิบัติ
สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ตามวัตถุประสงค์
1. โครงงานที่เป็นการสำรวจ รวบรวมข้อมูล
2. โครงงานที่เป็นการค้นคว้า ทดลอง
3. โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ๆ
4. โครงงานที่เป็นการประดิษฐ์ คิดค้น
- โครงงานที่เป็นการสำรวจ รวบรวมข้อมูล
โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วนำข้อมูลนั้นมาจำแนกเป็นหมวดหมู่ ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก เป็นต้น
- โครงงานที่เป็นการค้นคว้า ทดลอง
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ โดยออกแบบในรูปผลการทดลอง เพื่อศึกษาตัวแปรหนึ่ง จะมีผลต่อตัวแปรที่ต้องการศึกษาอย่างไร ด้วยการควบคุมตัวแปร
- โครงงานที่เป็นการศึกษาทฤษฎี หลักการ หรือแนวคิดใหม่ๆ
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอความรู้ หรือหลักการใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มีใครเคยคิดหรือขัดแย้ง หรือขยายจากของเดิมที่มีอยู่ ซึ่งต้องผ่านการพิสูจน์อย่างมีหลักการก่อน
- โครงงานที่เป็นการประดิษฐ์ คิดค้น
เป็นโครงงานที่มีวัตถุประสงค์ คือ การนำความรู้ทฤษฎี หลักการ มาประยุกต์ใช้ โดยประดิษฐ์เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่างๆ หรืออาจเป็นการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้นก็ได้
โครงงาน แบ่งตามลักษณะการเรียนรู้ของหลักสูตรการศึกษาเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นการใช้บูรณาการความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในกลุ่มสาระ
การเรียนรู้เป็นพื้นฐานในการกำหนดโครงงานและปฏิบัติ
2. โครงงานตามความสนใจหรือโครงงานอิสระ เป็นโครงงานที่ผู้เรียนได้กำหนดขั้นตอน ตามความถนัด
ความสนใจ ความต้องการ โดยนำทักษะ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในกลุ่มสาระต่างๆหลากหลายรายวิชา
มาบูรณาการกำหนดเป็นโครงงานและการปฏิบัติ มีข้อดีอย่างมากคือไม่ปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน
ทำให้ได้คิดกว้าง คิดไกล ได้ศึกษาค้นคว้าตามศักยภาพของตนเอง
(สสวท.2529 : 7) ได้แบ่งโครงงานออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะของกิจกรรมที่ทำ ดังนี้
1.โครงงานประเภทสำรวจรวบรวมข้อมูล (Servey research project)
เป็นโครงงานการศึกษาที่เกิดจากปัญหาความไม่รู้ ต้องการที่จะรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง จึงดำเนินการสำรวจ
หรือเก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แล้วนำเอาข้อมูลนั้นมาจำแนกเป็นหมวดหมู่
ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึก เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนหรือ
พัฒนางาน หรือดำเนินการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติมผลงานและส่งเสริมผลผลิตให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น แล้วนำเสนอ
ในรูปแบบต่างๆ เช่น ตาราง กราฟ แผนภูมิ และคำอธิบายประกอบ เพื่อให้เห็นลักษณะหรือความสัมพันธ์
ในเรื่องที่ศึกษาชัดเจนยิ่งขึ้น โดยข้อมูลนั้น อาจมีผู้จัดทำ แต่มีการแปรเปลี่ยนไปแล้ว ต้องสำรวจจัดทำขึ้นมาใหม่
ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ตัวอย่าง หัวข้อเรื่อง/ชื่อโครงงาน ประเภทข้อมูลสำรวจ
1. พันธุ์ผีเสื้อในตำบล……………………...……..
2. สมุนไพรในหมู่บ้าน……………..……………..
3. การใช้ยานพาหนะในอำเภอ……………………
4. อาชีพของประชาชนในตำบล………...….….…
5. โครงงานสำรวจวัสดุอุปกรณ์ในชุมชน
6. การสำรวจราคาผลผลิตเกษตรในท้องถิ่น
7. การสำรวจราคาสิ้นค้าอุปโภคบริโภคในท้องถิ่น
8. โครงงานสำรวจสถานประกอบการช่างในชุมชน
ขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
1. กำหนดปัญหาหรือความอยากรู้ 2. ตั้งสมมุติฐาน
3. รวบรวมข้อมูล 4. วิเคราะห์ 5. สรุปอภิปรายผล
2.โครงงานประเภททดลอง (Experimental research project)
เป็นการศึกษาเปรียบเทียบของสิ่งของ สองสิ่ง (หรือมากกว่า) หรือ วิธีการทำงาน สองวิธี(หรือมากกว่า)
ดำเนินการทดลองหรือพิสูจน์ความจริงตามหลักวิชาการอย่างเป็นเหตุเป็นผล หรือค้นหาข้อเท็จจริงในสิ่งที่ต้องการรู้
หรือหาคำตอบของปัญหา เป็นการศึกษาที่เกิดจากปัญหา ต้องการรู้ถึงผลของการเปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์
ระหว่างเหตุและผล แล้วนำผลที่ได้แต่ละอย่างมาเปรียบเทียบกัน การทำโครงงานประเภทนี้ ผู้เรียนต้องมีการ
กำหนดรูปแบบในการทดลอง โดยออกแบบในรูปผลการทดลอง เพื่อศึกษาตัวแปรหนึ่ง จะมีผลต่อตัวแปรที่ต้องการ
ศึกษาอย่างไร ด้วยการควบคุมตัวแปร โดยกำหนดตัวแปรต่างๆไว้ให้ชัดเจนเพื่อจะปฏิบัติการได้ถูกต้อง ศึกษา ค้นคว้า
และทดลอง เพื่อนำผลที่ได้มายืนยันหลักการหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
โดยเฉพาะ เป็นโครงงานที่เกิดขึ้นเพื่อยืนยันทฤษฎีหรือหลักการ เช่น
1. โครงงานปลูกผักลอยฟ้าไร้สารพิษ
2. โครงงานศึกษาสูตรอาหารไก่ตอน
3. โครงงานการศึกษาขนมอบชนิดต่างๆ
4. โครงงานทดลองปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
5. โครงงานการใช้ฮอร์โมนกับกิ่งกุหลาบ
6. โครงงานศึกษาวัสดุก่อสร้างประเภทไม้
7. โครงงานการยืดอายุของกุหลาบตัดดอก
8. โครงงานสารในพืชชนิดใดใช้ฆ่าแมลงสาบ
9. โครงงานศึกษาสูตรน้ำยากัดกระจกจากผลไม้
10. โครงงานการศึกษาเครื่องดื่มที่ผลิตจากผลไม้
11. โครงงานการปลูกพืชด้วยสารละลายจากมูลสัตว์
12. โครงงานการควบคุมกล้วยให้สุกอย่างมีคุณภาพ
13. โครงงานแสงมีผลต่อการเจริญเติบโตของผักคะน้า
14. โครงงานควบคุมการเจริญเติบโตของไม้ประดับประเภทเถา
ขั้นตอนการมีดังนี้
1. กำหนดปัญหา 2. ตั้งจุดประสงค์ 3. ตั้งสมมุติฐาน
4. การออกแบบทดลอง 5. รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการทดลอง 6. วิเคราะห์หรือแปลผล
7. สรุปผลการทดลอง
3.โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์หรือการพัฒนา
(Developmental research project or invention project)
เป็นโครงงานเกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ หรือหลังจากที่ได้ศึกษาทฤษฎีหรือพบเห็นผลงานของผู้อื่นแล้ว แต่ต้องการพัฒนา จึงทำการดัดแปลง สร้างแบบจำลองขึ้นเพื่ออธิบายแนวคิดบางอย่าง โดยประดิษฐ์เป็นของเล่น เครื่องมือ เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ แล้วศึกษาคุณภาพ หาประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน เช่น
1. ถังขยะจากยางรถยนต์
2. ผลิตภัณฑ์กระดาษสา
3. แบบจำลองพัดลมไอน้ำ
4. กระดาษจากว่านหางจระเข้
5. โครงงานประดิษฐ์โคมไฟฟ้า
6. กระถางต้นไม้จากกระดาษใช้แล้ว
7. น้ำยาบ้วนปากจากสมุนไพรธรรมชาติ
8. ดอกไม้ประดิษฐ์จากใบไม้ประเภทต่างๆ
9. โครงงานการสร้างแบบจำลองบ้านประหยัดไฟ
10. โครงงานประดิษฐ์สิ่งของประดับบ้านด้วยไม้ไผ่
ขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
1. กำหนดโครงงาน ประโยชน์ รูปแบบ/แบบ วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือ
2. ดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติ ดำเนินการปฏิบัติ นำเสนอผลงานในรูปผลิตภัณฑ์
4.โครงงานประเภททฤษฎีหรืออธิบาย (Theoretical research project)
เป็นโครงงานที่เกิดจากปัญหาความต้องการทฤษฎีใหม่ๆหลักการหรือแนวคิดใหม่ๆ มาใช้ประโยชน์ในโอกาสอื่นๆ
จึงดำเนินการสร้างทฤษฎีใหม่ๆขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอความรู้ หรือหลักการใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ที่ยังไม่มีใครเคยคิดหรือขัดแย้ง หรือขยายจากของเดิมที่มีอยู่ ซึ่งต้องผ่านการพิสูจน์อย่างมีหลักการก่อน โดยอาศัย
ทฤษฎี หลักการ หลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือทฤษฎีอื่นๆตลอดจนข้อมูลอื่นๆสนับสนุนโครงงานประเภทนี้
มักเป็นโครงงานทางคณิตศาสตร์/วิทยาศาสตร์ เช่น
1. การเกษตรทฤษฎีใหม่
2. การผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์
3. การผลิตแท่งเชื่อเพลิงเขียว
ข้อดีของการเรียนรู้แบบโครงงาน
1. ผู้เรียนได้เลือกประเด็นที่จะศึกษา วิธีการศึกษาและแหล่งความรู้ด้วยตนเอง
2. ผู้เรียนมีความสนใจเพราะเป็นผู้ศึกษาหรือลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองทุกขั้นตอน
3. การศึกษาได้เชื่อมโยงหรือบูรณาการระหว่างความรู้/ทักษะ/ประสบการณ์เดิมกับสิ่งใหม่
4. ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามวิธีธรรมชาติและมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
5. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานอย่างมีแผนและรู้จักประเมินผลงานของตนเอง
6. ฝึกให้นักเรียนได้รู้จักแก้ปัญหาในการทำงาน และเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสภาพสังคมจริง
7. เป็นการจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้จริง
8. ใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ และเหตุผลในการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ
ข้อจำกัดของการเรียนรู้แบบโครงงาน
1. ใช้เวลาในการเรียนรู้มาก เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
2. ถ้าผู้สอนให้คำปรึกษาและดูแลไม่ทั่วถึง ขาดการเอาใจใส่ ขาดความอดทน วางแผนการทำงานไม่ดี ขาดทักษะ