สำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของลูก และหากคุณต้องนำลูก ๆ เดินทางด้วยรถยนต์ครอบครัว แน่นอนคุณไม่สามารถอุ้มลูกไว้ได้ตลอดเวลาเพราะผลที่ตามมานั้นคุณอาจจะเกิดอาการปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อความปลอดภัยของลูก ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน อีกทั้งยังทำให้การเดินทางนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
คาร์ซีท คืออะไร ?
คาร์ซีท (Car Seat) คือ ที่นั่ง/เบาะรองนั่งในรถยนต์สำหรับเด็กซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับเด็กเนื่องจากเด็กจะมีความสูงไม่เพียงพอสำหรับใช้งานเข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ โดยคาร์ซีทส่วนใหญ่จะมีเข็มขัดนิรภัยมาให้ปรับใช้ตามขนาดตัวและความสูงของเด็ก และจะต้องได้รับการติดตั้งบนที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังด้วยการผูกยึดด้วยเข็มขัดนิรภัยรถยนต์(Seat Belt) หรือระบบ ISOFIX
หาก Seat Belt เข็มขัดนิรภัย จำเป็นสำหรับผู้ใหญ่อย่างเราแล้ว คาร์ซีท (Car Seat) ก็จำเป็นสำหรับเด็กเล็ก เช่นกันค่ะ
ความสำคัญของคาร์ซีท
อย่างที่เรารู้ค่ะจะให้เด็กนั่งนิ่ง ๆ นาน ๆ คงเป็นไปไม่ได้เลย (ยกเว้นตอนพวกเขากำลังนอนหลับ) แม้ว่าคุณจะหยิบยื่นสมาร์ทโฟน หรือ iPad ให้เค้ากดเล่นแต่ก็ไม่นานเขาก็เริ่มรู้สึกเบื่ออยากเคลื่อนไหว ย้ายที่นั่งบ้าง นอนบ้าง หรือแม้กระทั่งกระโดดในรถขณะที่เราขับทำให้เราต้องขับรถไปกังวลไป และหากจำเป็นต้องเหยียบเบรคแรง ๆ ในขณะที่ลูกกำลังยืนอยู่อาจส่งผลให้ลูกล้มลงบาดเจ็บได้ และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างเช่น อุบัติเหตุ การให้ลูกนั่งคาร์ซีทสามารถเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกได้ค่ะ
แม้ว่าเราจะใส่เข็มขัดนิรภัยที่มากับรถยนต์ (Seat Belt) ให้ลูกเราแล้วก็ตามแต่วิธีนี้นี่ถือว่าอันตรายมากเลยนะคะหากเด็ก ๆ ยังมีความสูงไม่เพียงพอ เพราะเข็มขัดนิรภัยจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมันถูกคาดไว้ที่ตำแหน่งหน้าอกไปจนถึงหัวไหล่ค่ะ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดจึงทำให้คาร์ซีทกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก มากขนาดที่ต้องกำหนดเป็นข้อกฎหมายในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือญี่ปุ่น โดยเด็ก ๆ ที่นั่นต้องเริ่มนั่งคาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่นั่งรถออกจากโรงพยาบาลกันเลยค่ะ
นอกจากประโยชน์ในแง่ของความปลอดภัยกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุที่คาร์ซีทจะสามารถลดระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุได้แล้ว คาร์ซีท (Car seat) ที่ดีจะทำให้เด็กนั่งหรือนอนบนรถได้อย่างสบายด้วยอีกด้วย เค้าก็จะนั่งอย่างชิว ๆ สามารถมองวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ขณะที่รถขับผ่านได้อย่างสะดวก หากจะนอนหลับก็หลับสบายเพราะส่วนใหญ่จะมีที่รองคอไว้ให้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าอารมณ์เสีย หงุดหงิด ร้อง หรืออาละวาด เราก็ไม่ต้องกังวลว่าเค้าจากเผลอกระโดดมาหาเราขณะที่กำลังขับรถอยู่ หรือไม่ต้องเกรงว่าเค้าจะแอบท้าทายเปิดประตูรถ แต่ที่สำคัญ *** ก่อนเดินทางเราต้องเช็กเข็มขัดนิรภัยของคาร์ซีทให้ดี ๆ รวมไปถึงประตูรถในตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทควรเปลี่ยนเป็นระบบ Child Lock (เปิดได้จากด้านนอกอย่างเดียวเท่านั้น) ก่อนนะคะ คราวนี้คุณพ่อคุณแม่จะแอบหนีไปเที่ยว หรือไปช้อปปิ้งกับลูกสองต่อสองก็ทำได้อย่างง่ายดายขึ้นค่ะ
ประเภทของคาร์ซีท (Car Seat) – ซื้อแบบไหนดี
นี่น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ทุก ๆ คนเพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเข้าเว็บหรือแอปฯ ซื้อของออนไลน์หรือไปเดินดูคาร์ซีทในห้างร้านกันมาบ้างแล้ว มันมีคาร์ซีทหลายแบบให้เลือกเลยใช่ไหมละคะ? วันนี้อิชั้นจะมาเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ลูก 3 คนว่าเราควรเลือกแบบไหนดีค่ะ ก่อนอื่นไปทำความเข้าใจในเรื่องประเภทของคาร์ซีทกันก่อนค่ะ โดยประเภทของคาร์ซีทจะถูกแบ่งตามช่วงอายุของเด็ก ๆ ที่ใช้งานค่ะ โดยหลัก ๆ จะมี 3 ประเภท ดังนี้
1. คาร์ซีทแบบกระเช้า สำหรับเด็กทารก (Group 0+)
คาร์ซีทประเภทนี้จะมีลักษณะเหมือนตะกร้าหรือกระเช้า โดยจะเหมาะสำหรับเด็กทารกแรกเกิดแบบเพิ่งร้อง อุแว้ อุแว้ ออกมาจากโรงพยาบาลจนถึงน้ำหนักตัวประมาณ 15 กิโลกรัม จะมีการติดตั้งโดยการหันหน้าเข้าเบาะค่ะ และควรจะเป็นเบาะที่นั่งผู้โดยสาร(ด้านหลัง)
ข้อดีของคาร์ซีทแบบกระเช้าคือ เราจะสามารถเคลื่อนย้ายเด็กได้ง่าย โดยเฉพาะทารกที่เค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอนอยู่แล้วด้วยยิ่งสบายเลยค่ะ ด้วยการออกแบบแบบกระเช้าจะทำให้เด็กนอนสบายแถมยังสามารถถอดออกมาโยกในเด็ก ๆ หลับต่อนอกรถได้อีกด้วยค่ะ
อิชั้นเองก็เคยใช้แบบนี้ค่ะเวลาจะไปร้านอาหารก็หิ้วกระเช้าพร้อมลูกน้อยเข้าไปได้เลยกินอิ่มแล้วก็หิ้วขึ้นรถกลับบ้าน สะดวกสบายและปลอดภัยดี แต่ต้องหลบสายตาคนมองให้ได้นะคะเพราะถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่ในบ้านเรา อิอิ
บางยี่ห้อขายคาร์ซีทแบบกระเช้าคู่กับรถเข็นเด็กเลยนะคะทำให้ถอดคาร์ซีทนอกจากรถแล้วเอาลงรถเข็นได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
แม้ว่าคาร์ซีทแบบนี้จะสามารถใช้งานได้จนเด็กน้ำหนักตัวประมาณ 15 กิโลกรัม แต่ความจริงแล้วเมื่อเด็กเริ่มนั่งได้และเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วจากประสบการณ์ก็ประมาณ 7 – 9 เดือน น้ำหนักตัวประมาณ 9 กิโลกรัมขึ้นไป พวกเค้าก็เริ่มรู้สึกอึดอัด เบื่อและไม่อยากนอนเฉย ๆ แล้วละค่ะ คราวนี้คุณพ่อคุณแม่ก็จะเริ่มได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่เรากำลังจะได้เสียเงินเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่เป็นให้พวกเขาแล้วค่ะ
2. คาร์ซีทแบบนั่ง สำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 4 ขวบ (Group 0+ , Group 1)
คาร์ซีทแบบนี้ในตลาดก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ
- สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงน้ำหนัก 18 กิโลกรัม หรือประมาณ 4 ขวบ (Group 0+ , Group 1)คาร์ซีทแบบนี้จะมีความสามารถในการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะและติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะได้ด้วย ส่วนใหญ่จะสามารถปรับระดับการนอนให้ลูกเราได้ ราคาแอบแรงอยู่นะคะ แต่ซื้อแล้วใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดถึงเข้าอนุบาลเลย แนะนำสำหรับใครที่ไม่อยากซื้อแบบกระเช้าซื้อแบบนี้ทีเดียวไปเลยก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีค่ะ หลังลูก 4 ขวบ หรือเริ่มตัวโตเกินคาร์ซีทก็เปลี่ยนไปใช้ค่ะ
- สำหรับเด็กแรกน้ำหนัก 9 กิโลกรัมจนถึงน้ำหนัก 18 กิโลกรัม หรือประมาณ 4 ขวบ (Group 1) คาร์ซีทแบบนนี้จะติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรถได้เพียงอย่างเดียวค่ะ ใครที่ซื้อมาก่อนแนะนำซื้อให้ตัวนี้ต่อเลยค่ะ
3. บูทเตอร์ซีท (Booster Seats) หรือ คาร์ซีทสำหรับเด็กโต
บูทเตอร์ซีทจะเหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม หรือมีอายุประมาณ 3 ขวบครึ่ง ถึง 11 ขวบ จุดประสงค์หลัก ๆ ก็เพื่อยกระดับความสูงของเด็กให้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ทั่วไปถึง เพราะเข็มขัดนิรภัยควรพาดผ่านกระดูกบริเวณหน้าอกและเชิงกรานซึ่งเป็นส่วนที่แข็งแรงกว่าช่วงท้องและลำคอซึ่งอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุค่ะ
โดยบูทเตอร์ซีทจะมีให้เลือกซื้อ 2 ประเภท
บูสเตอร์ซีทหลังสูง (High-back boosters)
บูสเตอร์ซีทหลังสูง เด็ก ๆ จะนั่งสบายเพราะออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของเด็ก
บูสเตอร์แบบไม่มีหลัง (Backless Boosters)
บูสเตอร์แบบไม่มีหลัง จะมีลักษณะเหมือนฐานรองนั่งเพื่อยกระดับความสูงของเด็กให้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยในรถได้อย่างปลอดภัย
สิ่งสำหรับที่สุดในการเลือกซื้อคาร์ซีทแต่ละประเภทคือ เราควรเลือกคาร์ซีทที่มีฉลากระบุว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้วยนะคะ
ISOFIX สำคัญอย่างไรต่อคาร์ซีท ?
ISOFIX เป็นระบบการติดตั้งคาร์ซีทแบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรปซึ่งเป็นระบบการติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยได้อย่างมาก โดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัย เพราะระบบการติดตั้ง ISOFIX นั้นเป็นการยึดติดคาร์ซีทด้วยตัวยึดที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล ระบบ ISOFIX ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดตั้งคาร์ซีทให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย เนื่องจากปกติแล้วการติดตั้งคาร์ซีทจะมี 2 ระบบด้วยกัน คือ ระบบติดตั้งแบบเข็มขัดนิรภัย ซึ่งจะใช้เวลาในการติดตั้งคาร์ซีทประมาณ 2–3 นาที แต่ระบบ ISOFIX จะช่วยย่นระยะเวลาในการติดตั้งคาร์ซีทให้เหลือเพียงไม่ถึงนาที
ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อคาร์ซีทที่ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX แนะนำให้เช็กรถของเราก่อนนะคะ
เรามาดูกันว่าคาร์ซีทยี่ห้อไหนที่สามารถให้ความปลอดภัยสูงสุด และเหมาะกับลูกน้อยของคุณในขณะที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ โดยคุณสามารถพิจารณาได้โดยข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
คาร์ซีทแบบกระเช้า/ตะกร้า สำหรับเด็กแรกเกิด
Baby Car Seat คาร์ซีทสำหรับเด็ก ผ่านมาตรฐานการรับรอง CE
ราคา 699 บาท*
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นค่ะว่าคาร์ซีทแบบกระเช้ามักจะมาพร้อมกับรถเข็นเด็ก ซึ่งสำหรับรุ่นนี้ที่เราเลือกมาก็เป็นเช่นนั้นเลยค่ะ คือนอกจากจะได้คาร์ซีทแล้วก็ยังได้รถเข็นที่สามารถพับเก็บได้ด้วยค่ะ คราวนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกระเตงลูกใส่ตะกร้าแล้วนะคะ ลงรถปุ๊บก็สามารถติดตั้งกับรถเข็นได้ทันที ตัวรถเข็นนั้นมีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก แถมยังพับเก็บง่ายด้วยขนาดที่กะทัดรัด ล้อโฟมยึดเกาะพื้นผิวได้ดีไม่ลื่น และตัวโครงเหล็กที่นำมาผลิตก็แข็งแรงมากค่ะ สามารถที่จะรับน้ำหนักได้มากถึง 40 กก.เลยทีเดียว
และสำหรับในส่วนของตัวคาร์ซีทเองคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถไว้ใจได้ในเรื่องของการทำงานที่ได้ประสิทธิภาพ เพราะว่าได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล จึงสามารถช่วยดูแลลูกน้อยตั้งแต่วัยแรกเกิดไปจนถึงช่วงอายุ 15 เดือนได้อย่างปลอดภัย หายห่วงเลยค่ะ
ขนาดไม่ระบุน้ำหนัก3.9 kgเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 15 เดือน หรือน้ำหนักประมาณ 13 กิโลกรัม (Group 0+)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์รองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Shopee
Chuchob คาร์ซีทกระเช้าหิ้ว
ราคา 1,150 บาท*
Chuchop แบรนด์ที่ผลิตคาร์ซีทออกมาในราคาที่คนไทยทั่วไปสามารถซื้อเป็นเจ้าของได้ คุณสามารถติดตั้งใช้งานด้วยเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ ด้ามจับสามารถปรับได้ 4 ระดับ นอกจากนั้นยังสามารถใช้เป็นเปกโยกโดยวางในตำแหน่งที่ปลอดภัยภายในบ้านได้อีกด้วยน้ำหนัก2.75 kgเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์รองรับระบบ ISOFIX✘
ดูได้ที่ Shopee
CAMERA คาร์ซีทแบบกระเช้า รุ่น Zion3
ราคา 2,290 บาท*
คาร์ซีทจาก CAMERA รุ่น Zion3 เป็นคาร์ซีทที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานกับเด็กทารกโดยเฉพาะ ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล มีสายรัดนิรภัย 2 ช่องและตัวล็อก 3 จุดเพื่อให้ล็อกทารกให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยและสบายตัวที่สุด โดยจะจัดท่าให้เด็ก ๆ อยู่ในลักษณะเอนประมาณ 145 องศา เบาะนั่งหนาให้สัมผัสที่นุ่มละมุน ผ้าที่ใช้บุก็สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ดูดซับความร้อนและไม่ก่อให้เกิดอาการคันระคายเคืองผิว นอกจากนี้แล้วเบาะที่หุ้มด้านในก็ยังหนาพอที่จะช่วยป้องกันการกระแทกทำให้ลูกน้อยของคุณปลอดภัยมากเป็นพิเศษ รุ่นนี้มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาค่ะ จึงทำให้การพกพาไปไหนมาไหนสะดวกมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็นช่วยแม่ ๆ ก็เอาอยู่ค่ะ
ขนาด22.5 x 43 x 72 cmน้ำหนัก2.5 kgเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์รองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
JOIE ตะกร้าหิ้วเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก รุ่น Gemm
ราคา 3,790 บาท*
ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี แข็งแรง ทนทานใช้ได้นาน สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย มีสายคาดนิรภัยตามาตรฐานสากล ติดตั้งได้ทั้ง 2 แบบ คือแบบใช้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ (Seat Belt) และแบบระบบ ISOFIX ด้วยฐานเสริมรุ่น I Base ที่คุณต้องซื้อเพิ่มหากต้องการ รองการใช้กับรถเข็นของ JOIE รุ่น chrome / litetra 4 / mirusขนาด66 x 43.5 x 58.5 cmน้ำหนัก4.62 kgเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์รองรับระบบ ISOFIX✔ (ด้วยฐานเสริม Car Seat รุ่น I Base ขายแยก)
ดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
GOOD BABY คาร์ซีท Artio แบบกระเช้า สีฟ้า
ราคา 7,290 บาท*
คาร์ซีทแบบกระเช้าหรือตะกร้าของแบรนด์ Good Baby ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถถ่ายเทแรงกระแทกได้อย่างดีกรณีเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน สามารถเลื่อนระดับช่วงบนของคาร์ซีทได้ถึง 8 ระดับ เพื่อทำให้รับน้ำหนักส่วนหัวและคอของลูกน้อยตามสรีระและความสูง จึงทำให้ลูกรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ใช้งานได้จนน้ำหนักตัว 13 กิโลกรัม ติดตั้งง่ายได้ทั้งแบบใช้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ (Seat Belt) และแบบระบบ ISOFIXขนาด32 cm. x 20 cm. x 38 cmเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 13 kg (Group 0+)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์รองรับระบบ ISOFIX✔
ดูได้ที่ Central
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
คาร์ซีทแบบนั่ง สำหรับเด็ก 9 เดือน – 4 ปี
Fico คาร์ซีท รุ่น HB902 Plus
ราคา 1,990 บาท*
ออกแบบให้มีรูปทรงสวยงามมีหลายสีให้เลือกหลากหลาย ติดตั้งได้ด้วยระบบล็อคเข็มขัดนิรภัย 5 จุด สามารถยังปรับใช้ได้กับเด็ก 2 ช่วงอายุ คือ Group 0+ ติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ และ Group 1 ติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าออกจากเบาะรถ นอกจากสามารถปรับเบาะได้ 4 ระดับแล้ว ตรงขอบข้างของคาร์ซีทยังสูงและใหญ่พอที่จะป้องการกระแทกของลูกน้อยหากเกิดอุบัติเหตุ ด้านความปลอดภัยผ่านมาตรฐานของยุโรป ECE R44/04 สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยราคานี้และสามารถใช้ได้ยาวจนลูกเข้าอนุบาลส่วนตัวแล้วถือว่าคุ้มค่าแม้ว่าจะไม่รองรับระบบ ISOFIX ก็ตาม ขนาด50 × 50 x 67 cmน้ำหนักคาร์ซีท5.8 kgเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด ถึง 4 ขวบ (0-18 kg)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIX✘
ดูได้ที่ Shopee
FIN BABIESPLUS คาร์ซีท รุ่น HB01
ราคา 2,750 บาท*
คาร์ซีท FIN รุ่น HB01 ถือว่าเป็นคาร์ซีทแบบ all in one ที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึง 4 ขวบ รองรับการนั่งทั้ง 2 แบบ แล้วก็ยังจะสามารถติดตั้งได้กับรถแทบทุกรุ่นด้วยค่ะเพราะว่ามันใช้การติดตั้งกับระบบเข็มขัดนิรภัยที่สามารถยึดเกาะได้แน่น พนักพิงและฟองน้ำช่วยประคองศีรษะให้ตั้งตรงและสบายตัวมากขึ้น ผลิตจากมากฟองน้ำที่หนา ไม่แข็งและไม่นุ่มเกินไปเพื่อให้สามารถช่วยซับแรงกระแทกที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างที่รถเคลื่อนที่ได้ดีด้วยค่ะ เบาะนั่งสามารถปรับเอนนอนได้ 3 ระดับช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกนั่งสบายในตำแหน่งที่ต่างกันค่ะ คาร์ซีทจาก FIN รุ่นนี้ก็มาในสีที่ออกใหม่ ผลิตออกมาเพื่อให้คาร์ซีทสวยงามและดูหรูหราเกินราคา แถมยังดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายคลาสสิคเพื่อให้เข้ากับภายในของรถทุก ๆ สไตล์ค่ะ
ขนาดไม่ระบุน้ำหนักไม่ระบุเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 4 ปีการติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
Embix คาร์ซีท รุ่น Moon
ราคา 7,390 บาท*
สำหรับบ้านไหนที่ไม่อยากเสียน้ำตาที่จะต้องควักเงินจ่ายค่าเปลี่ยนคาร์ซีทบ่อย ๆ อิชั้นขอแนะนำเป็นคาร์ซีทจาก Embix คาร์ซีท รุ่น Moon ตัวนี้เลยค่ะ เจ็บแต่จบ...คือคุณพ่อคุณแม่จ่ายเงินครั้งเดียวแต่ใช้งานได้ยาว ๆ จนถึงน้องโตจนอายุ 12 ปี คาร์ซีทรุ่น Moon ราคาสูงหน่อยแต่เรื่องความปลอดภัยนั่นยอดเยี่ยมและแน่นอนค่ะว่ายังได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลด้วยเช่นกัน
โครงสร้างคาร์ซีทมีความแข็งแรงทนทานผลิตจากวัสดุคุณภาพได้มาตรฐาน รองรับน้ำหนักได้มากถึง 36 กก. ตัวเบาะหนานุ่ม หุ้มด้วยผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่กักเก็บความร้อนและไม่ทำให้เกิดการคันระคายเคือง ตัวล็อกแน่นกระชับติดตั้งมาให้ 5 จุด ส่วนเบาะสามารถที่จะปรับได้ 3 ระดับ คือนั่ง เอน และนอน ชิ้นส่วนสามารถถอดแยกได้เพื่อปรับให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ช่วงวัยค่ะ และความโดดเด่นอีกอย่างก็คือมันสามารถหมุนได้ 360 องศาได้อย่างสมูท ทำให้การใช้งานสำหรับผู้ปกครองเป็นไปด้วยสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้นค่ะ
ขนาด47 x 42 x 60 cmน้ำหนักไม่ระบุเหมาะสำหรับ0 - 12 ปี (Group 0+ ,1,2,3)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะ (หมุนได้)รองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
Joie คาร์ซีท รุ่น Stages
ราคา 7,900 บาท*
Joie แบรนด์คาร์ซีทคุณภาพดีจากประเทศอังกฤษที่คุณพ่อคุณแม่ต่างไว้ใจ ออกแบบมาให้มีตัวล็อกที่กระชับแน่น 5 จุดเป็นไปตามมาตรฐานในระดับสากล การใช้งานของรุ่นนี้ถือว่าครอบคลุมทุกช่วงวัยค่ะเพราะสามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 3 แบบ ได้แก่ นั่งหันหน้าเข้าหาเบาะสำหรับเด็กทารก, นั่งหันหน้าออก หรือจะใช้เป็นบูสเตอร์ซีทสำหรับเด็กโตก็ทำได้เช่นเดียวกันค่ะ สำหรับเด็กเล็กที่คอยังไม่แข็งก็มีเบาะที่ช่วยประคองในส่วนคอเอาไว้ และสำหรับเด็กที่โตขึ้นก็มาหน่อยก็สามารถปรับพนักพิงศีรษะและสายรัดเพื่อปรับความสูงและความกระชับให้พอดีกับขนาดตัวได้
โครงเหล็กพิเศษแบบ Baby Armor ช่วยให้คาร์ซีทแข็งแรงป้องกันการกระแทกทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังได้ดี แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานเป็น 10 ปี แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วล่ะค่ะ และนอกจากนี้ตัวโครงสร้างยังช่วยเพิ่มน้ำหนักทำให้เบาะนั่งแน่นและมีความมั่นคง ช่วยป้องกันการเคลื่อนไหวได้ดี การติดตั้งคาร์ซีทรุ่นนี้ง่ายดายไม่ยุ่งยากเพราะใช้การติดตั้งติดกับเข็มขัดนิรภัยภายในตัวรถยนต์เองเลยค่ะ
ขนาดไม่ระบุน้ำหนักไม่ระบุเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 7 ปีการติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
CHICCO คาร์ซีท Nextfit Zip Baby Car Seat
ราคา 15,995 บาท*
คาร์ซีทจากแบรนด์ CHICCO ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์จากประเทศอิตาลีที่มีชื่อเสียงในระบบโลกเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะมีราคาที่สูงสักเล็กน้อยแต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองบวกลบกับความคุ้มค่า ระยะเวลาการใช้งาน และความปลอดภัยสำหรับตัวเด็ก ๆ แล้วก็ถือว่าเกินคุ้มจริง ๆ ค่ะ โดยคาร์ซีทรุ่นนี้สามารถใช้งานได้กับเด็กทารกแรกเกิดไปจนถึงเด็กโตที่มีนำหนักตัวไม่เกิน 29.5 กก. เทคโนโลยี SuperCinch® LATCH tightener ช่วยลดการเคลื่อนที่ของเบาะได้อย่างยอดเยี่ยม ติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องใช้แรงมากสำหรับแรงคุณแม่ก็สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเองค่ะ ไม่ว่าจะทั้งแบบหันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกก็ทำได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
เบาะสามารถปรับระดับการเอนนอนได้ 9 ระดับ พร้อมกับมาตรวัดเพื่อให้แน่ใจว่าติดตั้งถูกต้อง ได้องศาการปรับเอนที่พอดี สำหรับการใช้งานกับเด็กทารกก็ทำได้สบาย ๆ เพราะมีตัวล็อกที่ล็อกได้แน่นหนาและมี DuoGuard® side-impact protection ช่วยลดแรงกระแทกทั้งศีรษะและลำตัว และเมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มโตขึ้นคุณก็สามารถถอดเบาะเสริมออกได้และปรับเบาะตรงศีรษะให้สูงขึ้นได้อีก 9 ระดับ และที่น่าจะโดนใจคุณแม่บ้านกันมากก็ต้องยกให้เป็นเรื่องของการทำความสะอาดค่ะ ในรุ่นนี้สามารถถอดออกไปซักได้ง่าย แถมยังประกอบกลับก็ง่ายด้วยการใช้การปิด/เปิดด้วยซิปนั่นเองค่ะ
ขนาด54 x 49 x 69 cmน้ำหนัก14.64 kgเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - 29.5 kgการติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
CHICCO คาร์ซีท Myfit Zip Air Car Seat แบบ 2 in 1
ราคา 16,796 บาท*
พอเด็ก ๆ เริ่มโต คราวนี้คุณพ่อคุณแม่ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนคาร์ซีทแบบใหม่ใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งถ้าหากเปลี่ยนแล้วก็ซื้อแบบทีเดียวแล้วใช้งานไปได้ยาว ๆ เลยจะดีกว่านะคะ คาร์ซีทรุ่นนี้ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ได้ดีเลยค่ะเพราะการใช้งานรุ่นนี้รองรับตั้งแต่เด็กที่มีน้ำหนัก 11.33 ไปจนถึง 45.35 กก. ทำงานด้วยระบบการล็อก 2 รูปแบบ ทั้งแบบเข็มขัดนิรภัยและแบบ Isofix จึงสะดวกใช้งานได้กับรถทุกรุ่น เบาะนั่งจะทำจากโฟม 2 ชั้นที่หนานุ่มและออกแบบให้มีส่วนโค้งรับการนั่งในตำแหน่งต่าง ๆ ก็ทำให้สบายตัวขึ้นค่ะ ระดับการนั่งปรับเปลี่ยนได้ 4 ระดับและพนักพิงศีรษะปรับได้ 9 ระดับเพื่อให้รองรับศีรษะได้พอดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กในวัยที่กำลังเติบโต
นอกจากความสะดวกสบายของเด็ก ๆ แล้วทาง CHICCO ก็ยังออกแบบให้ตัวเบาะนั้นสามารถถอดออกมาซักทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย และด้วยความที่เป็นเบาะแบบ 3D AirMesh (ตาข่าย) ก็ยิ่งทำให้ซักตากง่าย แห้งไว้ ระบายอากาศได้ดี โดยที่ไม่ก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก ให้สัมผัสที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับผิวที่บอบบางได้เป็นอย่างดี
ขนาด53 x 72 x 47 cmน้ำหนัก14 kgเหมาะสำหรับเด็กน้ำหนัก 11.33 - 45.35 kgการติดตั้งติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
คาร์ซีท Maxi-Cosi AxissFix Plus
ราคา 17,900 บาท*
คาร์ซีทแบรนด์คุณภาพสากลจาก Maxi-Cosi ที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือในยุโรป ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้กับลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 4 ขวบ ช่วงน้ำหนัก 0 - 19 กิโลกรัม (Group 0, Group 1) ติดตั้งได้ทั้งแบบการใช้เข็มขัดนิรภัยของรถและแบบระบบ ISOFIX ความพิเศษอยู่ตรงฐานเบาะที่สามารถปรับได้ 360 องศา สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายลูกขึ้นลงรถ พนักพิงศีรษะสามารถปรับได้ถึง 7 ระดับ ตามความสูงของลูก ๆ นอกจากนี้ตัวเบาะรองนั่งสามารถดึงออกมาทำความสะอาดได้ง่าย ด้านความปลอดภัยได้มารตฐานระดับ 4 สำหรับ AxissFix ในปี 2015 นอกจากนั้นยังผ่านศูนย์ทดสอบภายนอกผ่านตามมาตรฐานล่าสุด i-Size (UN R129) หรือ ECE R44/004ขนาด44.5 x 55x 65 cmเหมาะสำหรับแรกเกิด ถึง 4 ขวบ (0 - 19 kg)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIX✔
ดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
Britax คาร์ซีทรุ่น KING II ATS
ราคา 30,900 บาท*
Britax คาร์ซีทรุ่น KING II ATS ได้รับการออกแบบให้ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อช่วยดูแลบุตรหลานของคุณให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง ระบบ Active tensioning system ของทางแบรนด์จะมีสัญญาณเสียงและไฟสีเขียวกะพริบช่วยให้คุณทราบเมื่อคุณตึงสายรัดอย่างถูกต้องและยังคอยช่วยปรับความตึงสายรัดนิรภัยทั้งก่อนและระหว่างการเดินทาง และยังมีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุดทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะอยู่ในตำแหน่งปลอดภัยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามค่ะ คาร์ซีทรุ่นนี้ยังได้รับการรับรองระดับสากลว่าสามารถใช้ในรถยนต์ทุกแบบ เนื่องจากใช้การติดตั้งร่วมกันกับเข็มขัดนิรภัย ทำให้ใช้งานได้หลากหลายและยังติดตั้งง่าย เมื่อติดตั้งแล้วเบาะนั่งจะดึงเข็มขัดนิรภัยโดยอัตโนมัติเพื่อความกระชับพอดี ไม่ทำให้คาร์ซีทเคลื่อนตัวได้ สำหรับเบาะนั่งเองก็ยังสบายค่ะ หนาและนุ่ม ช่วยป้องกันแรงกระแทกได้ดี และสามารถปรับเอนสร้างความสบายตัวให้กับเด็ก ๆ ได้ด้วย
ขนาด45 x 54 x 67 cmน้ำหนักไม่ระบุเหมาะสำหรับ9 เดือน - 4 ขวบการติดตั้งติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
FIN BABIESPLUS รุ่น CAR-JM06
ราคา 54,295 บาท*
FIN BABIESPLUS คาร์ซีท รุ่น CAR-JM06 ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย รองรับการติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX และสามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกินจนถึงอายุ 12 ปี (36 kg) ฉะนั้นจึงสามารถติดตั้งได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าและหันหลังออกจากเบาะ มีแถบสีเขียว-แดง เพื่อแสดงว่าคาร์ซีทได้ติดตั้งอย่างถูกต้องหรือไม่ การผลิตผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04 คาร์ซีทรุ่นนี้ยังมีระบบ Adjustable Head Rest ที่รองศีรษะปรับความสูงได้ตามความสูงของเด็ก มีรูปทรงเป็นฐานโค้งแข็งแรงที่ออกแบบให้รับน้ำหนักได้ดี และเบาะของคาร์ซีทสามารถปรับได้ 4 ระดับ มากสูงสุด 170 องศาเพื่อให้ลูกนั่งและนอนได้อย่างสบายขนาด44 x 41x 72 cmน้ำหนักคาร์ซีท6.5 kgเหมาะสำหรับแรกเกิด-12 ขวบ (0-36 kg)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ และ ติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIX✔
ดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
บูทเตอร์ซีท / คาร์ซีท สำหรับเด็กโต (4 ปีขึ้นไป)
Welldon บูสเตอร์คาร์ซีทเด็กโต รุ่น Sky Line Series
ราคา 1,990 บาท*
หลังจากที่ได้รีวิวบูสเตอร์แบบไม่มีหลังกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูแบบที่มีหลังกันบ้างนะคะ แต่รุ่นนี้จะมีพนักพิงหลังที่ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ก็สามารถมอบรู้สึกที่สบายตัวให้กับเด็ก ๆ ได้ดี ตัวเบาะจะหนานุ่ม เข้าทรงสวย ไม่ยุบง่าย ทั้งนี้ก็เพื่อจัดท่านั่งให้เป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์และช่วยให้การซัพพอร์ทในทุก ๆ การเคลื่อนไหว เบาะรองหลังสามารถที่จะถอดแยกได้ ใช้การติดตั้งแบบ ISOFIX ที่ทั้งปลอดภัย ได้มาตรฐานที่เป็นสากล แถมยังติดตั้งง่าย สะดวก และรวดเร็วอีกด้วยนะคะ
ขนาดไม่ระบุน้ำหนักไม่ระบุเหมาะสำหรับตั้งแต่ 3 - 12 ปีการติดตั้งติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
GLOWY STAR บูสเตอร์ซีท รุ่น Travel Kids Fix
ราคา 1,995 บาท*
สำหรับน้อง ๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่ควรเปลี่ยนมาใช้บูสเตอร์ซีทแบบนี้แล้วนะคะ บูสเตอร์ซีทไม่ใช่เพียงแต่จะให้ความสบายอย่างเดียว แต่จะให้ความปลอดภัยไปตลอดการเดินทาง ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีสมาธิกับการขับรถมากขึ้นค่ะ เบาะรองนั่ง GLOWY STAR รุ่นนี้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดและตรวจสอบแล้วว่าสามารถใช้งานได้จริง โดยมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับยุโรปรับรองมาให้ในส่วนนี้ด้วยค่ะ เบาะนั่งมีขนาดใหญ่ บุด้วยฟองน้ำอย่างดี ไม่ยุบง่าย คงรูปและระดับความสูงได้ดี นั่งเล่นชิว ๆ ตลอดการเดินทางได้อย่างสบายตลอดทริปสมกับเป็นรุ่น Travel Kids Fix จริง ๆ เลยค่ะ
ขนาด42 x 40 x 37 CMน้ำหนัก3.8 kgเหมาะสำหรับ4 ปี - 12 ปี (น้ำหนัก 11.33 - 45.35 kg)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
ARTICLE บูสเตอร์ซีท รุ่น GoFit Backless Booster
ราคา 3,196 บาท*
สำหรับบูสเตอร์ซีทแบบนี้ก็จะเป็นแบบไม่มีหลังจะเหมาะสำหรับการใช้งานกับเด็กโต มาพร้อมกับ LATCH ที่สามารถล็อกติดกับ Isofix ที่ติดมากับรถได้อย่างแน่นอนหนาและปลอดภัยมาก ๆ เช่นเดียวกับคาร์ซีทแบบปกติเลยค่ะ ตัวเบาจะถูกหุ้มด้วยโฟม ErgoBoost สองชั้นเพื่อให้นั่งได้สบายและช่วยยกระดับให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ด้านข้างมีที่สำหรับวางแก้วซ้ายขวา สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ฐานเบาะเรียบไม่ทำให้เบาะรถเป็นรอยอย่างแน่นอน บูสเตอร์ประเภทนี้จะค่อนข้างสะดวกในการพกพา เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและมีขนาดที่กะทัดรัด แต่นั่นแหละค่ะมันอาจจะเหมาะกับเด็กโตหน่อยเพราะการนั่งแบบนี้จะค่อนข้างอิสระ คล่องตัว และเด็ก ๆ บางคนอาจจะชอบเนื่องจากที่นั่งแบบนี้จะไม่ทำให้เค้าดูไร้เดียงสามากเกินไปนั่นเองค่ะ
ขนาด45 × 34 × 46 cmน้ำหนัก4.44 kgเหมาะสำหรับ4 ขวบขึ้นไป (น้ำหนัก 18 - 49.89 กก.)การติดตั้งติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
ดูได้ที่ Central
CHICCO Kidfit Car Seat คาร์ซีท เด็กโต 2 In 1 ถอดเป็นเบาะ Booster ได้
ราคา 6,396 บาท*
CHICCO เป็นแบรนด์คาร์ซีทที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริการุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อการใช้งานสำหรับเด็กโต โดยรวบรวม 2 ความพิเศษเข้าด้วยกัน นั่นคือคาร์ซีทแบบนั่งและบูสเตอร์คาร์ซีทเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของเด็ก ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยหากเป็นการใช้งานเป็นบูสเตอร์ก็จะเป็นแบบไม่มีหลังพิงค่ะ ซึ่งเป็นแบบที่เด็กโตจะชอบมากกว่า
แต่ถ้าหากเป็นการใช้งานคาร์ซีทแบบนั่งก็สามารถปรับพนักพิงได้ 2 ระดับ เบาะนั่งสบายค่ะทำจากโฟมหนานุ่ม 2 ชั้นที่สามารถระบายอากาศได้ดีมาก มีที่ตั้งแขนและช่องใส่ของทั้ง 2 ข้าง ตัวล็อกจะใช้ระบบ ISOFIX ที่สามารถล็อกเข้ากับตัวเบาะได้แนบสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวจึงไม่ทำให้เกิดช่องว่างที่อาจทำให้เด็ก ๆ ไม่สบายตัว หากว่าเด็ก ๆ กำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังโตคาร์ซีทแบบนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีนะคะและยังถือว่าใช้ได้นานคุ้มค่า คิดว่าควรค่าแก่การลงทุนดีนะคะ แม่ ๆ ทางบ้านว่าไงกันบ้างเอ่ย...
ขนาด54 × 44 × 66 cmน้ำหนัก6 kgเหมาะสำหรับน้ำหนัก 15 - 50 กก.การติดตั้งติดตั้งหันหน้าออกจากเบาะรองรับระบบ ISOFIXดูได้ที่ Lazada
ดูได้ที่ Shopee
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
กฏเหล็กของการฝึกลูกให้นั่งคาร์ซีท (Car Seat) และการใช้งาน
- หากเป็นไปได้ต้องให้ลูกเริ่มนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล
- ไม่อนุญาติให้เด็กนั่งรถโดยไม่มีคาร์ซีทโดยเด็ดขาด! ข้อนี้สำคัญมาก ๆๆๆ แบบไม้ยมก ล้านตัวเลยค่ะ เพราะหากเราเผลออนุญาติครั้งเดียวเค้าก็จะคิดว่าสามารถทำได้อีกครั้งต่อไป คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทนและอธิบายความจำเป็นให้คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายให้เข้าใจนะคะ แม้ว่าพวกเขาจะพูดว่าสมัยที่เขาเลี้ยงเรายังไม่จับเราใส่คาร์ซีทเลยก็ต้องต้องหนักแน่นไว้ให้ได้นะคะ (เป็นกำลังใจให้ค่ะ)
- เตรียมกระเป๋าคุณแม่ที่บรรจุนม ขวดนม จุกหลอก ยางกัดสำหรับเด็ก ไว้ให้พร้อม รวมทั้งหาของเล่นไว้หลอกล่อเด็ก ๆ ใส่ไว้ในรถเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Soft Toy หนังสือผ้า ของเล่นหลากสีอย่างแผ่นกด Pop it หรือกระจกแขวนไว้เลือกแบบที่ปลอดภัยสำหรับเด็กให้เค้านั่งเล่นนั่งคุยกับตัวเอง (ใช่ค่ะตลกดี แต่พวกเค้าชอบจริง ๆ นะคะ) แนะนำให้หาของเล่นที่สามารถผูกไว้กับตัวคาร์ซีทได้นะคะเพราะเมื่อถึงช่วงวัยนึงเค้าจะชอบแกล้งทำของเล่นหล่นให้เราเก็บค่ะ (แสบใช่มั้ยละคะ ?)
- ก่อนออกเดินทางเราต้องเช็กความปลอดภัยของเด็ก เข็มขัดนิรภัยของคาร์ซีทให้รอบคอบทุกครั้ง
- ประตูรถในตำแหน่งที่ติดตั้งคาร์ซีทควรเปลี่ยนเป็นระบบ Child Lock (เปิดได้จากด้านนอกอย่างเดียวเท่านั้น)
- ควรติดตั้งคาร์ซีทตรงตำแหน่งที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังติดประตูด้านใดด้านหนึ่ง(ขวาหรือซ้าย)ของรถยนต์ ที่ไม่ใช่เบาะกลาง
- สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 15 กิโลกรัมควรติดตั้งคาร์ซีทหันหน้าเข้าเบาะหลังของรถยนต์(ให้เด็กหันหน้าเข้าเบาะ)
วิธีเลือกซื้อคาร์ซีท เพื่อความปลอดภัยของลูก
หากคุณกำลังเลือกซื้อคาร์ซีท หรือเบาะติดรถยนต์สำหรับลูกน้อย เราอยากแนะนำวิธีการเลือกซื้อให้กับคุณพ่อคุณแม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและคุ้มค่าในการใช้งานมากที่สุด
- เข็มขัดนิรภัย ควรพิจารณายี่ห้อที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ที่สามารถล็อกได้มากกว่าสะเอว
- ความคุ้มค่า ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ใครหลายคนให้ความสำคัญ เพราะมันจะอยู่ไปนานหลายปี หรือแม้กระทั่งคุณคลอดลูกคนที่สองเลยทีเดียว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงคือความนิ่มของเบาะ และการระบายความร้อน เพราะเขาต้องอยู่บนคาร์ซีทอีกนาน
- มาตรฐานความปลอดภัย คาร์ซีทที่ดีควรมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลค่ะ
- ราคา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คุณเลือกซื้อ แม้ราคาจะถูกหรือจะแพงก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าที่คุณต้องลงทุนเพื่อลูกๆ ของคุณ หากคุณมีงบจำกัดลองมองหาพวกยี่ห้อ Camera, Fico นะคะ สินค้าทนทานแข็งแรงดี
- ความง่ายในการทำความสะอาด แนะนำให้เลือกซื้อคาร์ซีทที่สามารถถอดชิ้นส่วนที่เป็นตัวผ้าออกมาทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าเด็ก ๆ หยิบจับอะไรได้ก็มักจะเอาเข้าปากก่อนเสมอ ฉะนั้นความสะอาดจึงเป็นสิ่งจำเป็น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดคาร์ซีทอยู่เสมอ
ข้อควรรู้สำหรับคาร์ซีท
เมื่อคุณทราบคุณสมบัติและประโยชน์ความคุ้มค่าของคาร์ซีทแต่ละยี่ห้อไปแล้ว จำเป็นอย่างที่คุณจะต้องคำนึงให้มากๆ ในการใช้งานแต่ละครั้ง เพราะมันจะช่วยคุ้มครองชีวิตของลูกน้อยไปจนเขาเติบโต
- ปลอดภัยต่อลูกอุ่นใจกับแม่ เพราะความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องปกป้องลูกๆ ของคุณขณะขับรถเพราะหากคุณเลือกซื้อคาร์ซีทที่มีคุณสมบัติความปลอดภัยต่ำ บอกได้เลยว่าคุณประมาทเป็นอย่างมาก
- ระบบติดตั้งที่ปลอดภัย ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่คุณควรพิจารณาในการเลือกซื้อ หากเป็นไปได้เราอยากแนะนำให้คุณเลือกระบบล็อคแบบ IOSFIX เพราะมันจะปลอดภัยมากกว่าการใช้เข็มขัดนิรภัยเพียงอย่างเดียว
- การออกแบบที่ดี/วัสดุที่ใช้ ที่คุณต้องคำนึงอย่างแน่นอนเพราะบางยี่ห้อไม่เข้ากับสรีระของลูกๆ อาจทำให้เสียเงินเปล่า เช่นเดียวกับเนื้อผ้าและวัสดุที่ใช้ต้องอ่อนโยนกับผิวและสามารถซักทำความสะอาดได้ง่าย
- การติดตั้ง/พกพา ก็เป็นปัญหาใหญ่ถ้าคาร์ซีทของลูกๆ หนักเกินไปจนต้องออกแรงเยอะ หรือคาร์ซีทที่เบาเกินไปจนทำให้รู้สึกว่าตัวเบาะไม่แข็งแรง
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีท (Car Seat) ในประเทศไทย
ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยของเราเองก็เริ่มเล็งเห็นถึงความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนกันมากขึ้น โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการแก้ไขข้อกฎหมายจราจรทางบกเกี่ยวกับการใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 6 ขวบ หรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กได้รับบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน
แน่นอนค่ะว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้มีผลบังคับใช้ในทันที แต่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นต้น หากฝ่าฝืนกฎจะมีโทษจะปรับไม่เกิน 2,000 บาท
โดยในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้กฎหมายข้อนี้จะเป็นเพียงแค่ตักเตือนและแก้ไขก่อน ไม่ได้มาในรูปแบบจับปรับทันทีค่ะ
ใช้ได้แค่คาร์ซีท (Car Seat) เพียงเดียว ?
อันที่จริงแล้วในข้อกฎหมายที่ประกาศมาตอนนี้ยังไม่ระบุอย่างชัดเจนว่าจะต้องเป็นคาร์ซีทเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหากคุณสามารถจัดที่นั่งนิรภัยหรือที่นั่งพิเศษที่สามารถป้องกันเด็กได้จริงก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมายค่ะ
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อสงสัยมากมายว่า เราสามารถให้เด็กนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยไปเลยหรือให้เด็กมานั่งบนตักผู้ปกครองและคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งตัวเด็กและผู้ใหญ่ในคราวเดียวได้หรือไม่? ทั้งนี้ก็ต้องรอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่างข้อกำหนดให้เสร็จเสียก่อนว่าเราสามารถใช้วิธีแบบไหนได้บ้าง ซึ่งจะใช้เวลาในการร่างไม่เกินวันที่ 5 กันยายน 2565 แต่หากยังร่างไม่เสร็จก็สามารถยืดออกไปได้อีก 90 วัน หรือประมาณวันที่ 5 ธันวาคม 2565 ดังนั้นต้องรอติดตามความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งนะคะ
รถโดยสาร รถแท็กซี่ รถประจำทาง หรือรถโรงเรียน ต้องใช้คาร์ซีทด้วยหรือไม่ ?
ในกรณีนี้จะต้องรอให้กรมการขนส่งทางบกออกประกาศและลงรายละเอียดอีกครั้ง ว่ารถยนต์ประเภทไหนบ้างที่จะต้องใช้คาร์ซีทด้วย ซึ่งเราจะกลับมาอัปเดทข่าวสารให้ทันทีที่มีการยืนยันข้อมูลเท็จจริงค่ะ
ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนคลายกังวลเรื่องจับปรับในส่วนนี้ไปก่อน เพราะจะเริ่มใช้กฎหมายจริง ๆ เกือบปลายปี อีกทั้งเราก็ยังต้องรอร่างกฎหมายที่ละเอียดกว่านี้ ว่าจำเป็นต้องใช้คาร์ซีทเพียงเดียวหรือไม่ หรือสามารถใช้วิธีอื่นร่วมด้วยได้หรือเปล่า ? รวมถึงรถโดยสารสาธารณะประเภทไหนบ้างที่ต้องใช้คาร์ซีทสำหรับเด็ก
ทั้งนี้เราอยากให้คุณตระหนักถึงความสำคัญของคาร์ซีทที่เป็นประโยชน์ต่อลูกน้อยมากกว่าการกลัวข้อกฎหมาย หรือกลัวว่าจะโดนจับปรับเสียเงินไปโดยใช่เหตุ เพราะถึงแม้ว่าคาร์ซีทจะทำคุณต้องเสียเงินซื้อ และอาจทำให้ลูกของคุณร้องไห้งอแงไปบ้าง แต่ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่ เราก็จะรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่บนท้องถนนว่าลูกของเราจะปลอดภัย สำหรับใครที่กลัวว่าเด็ก ๆ จะไม่ชอบนั่งคาร์ซีท เราแนะนำให้คุณเลือกรุ่นที่มีของเล่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเด็ก ๆ ค่ะ
คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เสริมที่สำคัญมากสำหรับเด็ก เพราะหากไม่มีคาร์ซีทการเดินทางไปไหนมาไหนก็จะมีแต่ความกังวลตลอดเส้นทาง สิ่งที่ผู้ปกครองควรคำนึงเป็นอย่างแรกในการซื้อคาร์ซีท คือระบบความปลอดภัยของตัวสินค้าและควรจะเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสรีระของลูก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขอยืนยันค่ะว่าการลงทุนเพื่อลูกครั้งนี้ของคุณจำเป็นมาก ลองเลือกคาร์ซีทหาซื้อที่ถูกใจกันนะคะ