เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้ประสบความสําเร็จ

วัตถุประสงค์ของการตัดสินใจเลือกเรียนภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของแต่ละคน อาจจะคล้ายคลึงหรือแตกต่างกันออกไป แต่การมีเป้าหมายจะช่วยให้เราสามารถเรียนภาษาได้เร็วขึ้น

ความจริงก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบและถนัดในการเรียนด้านภาษา หากน้องๆ คือหนึ่งนั้น หรือรู้สึกว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นไม้เบื่อไม้เมา และยังหาเหตุผลที่จะทำให้ตั้งใจเรียนให้มากขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ ลองอ่านบทความต่อไปนี้ เผื่อว่าน้องๆ จะค้นพบแรงบันดาลใจ Guidelines และเป้าหมายของการเรียนภาษาของตัวเองในที่สุดครับ

การตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษ

ถามตัวเองว่าความฝันของเราคืออะไร

ลองจินตนาการถึงชีวิตในฝัน หรือความต้องการในชีวิต อะไรที่เราอยากได้ อะไรที่จะทำให้เรามีความสุข และมีความกระตือรือร้นที่จะเอามันมาให้ได้ แล้วเขียนมันลงไปในสมุดบันทึก การรู้จักความต้องการหรือความฝันของตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของการดึงดูดความสำเร็จ จากนั้น ถามตัวเองต่อด้วยคำถามที่ว่า “การเรียนภาษาอังกฤษจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายหรือความฝันนั้นๆ ได้อย่างไร” แม้ตอนนี้ เราอาจจะยังนึกไม่ออก แต่วางใจเถอะ วิธีการที่เรายังมองไม่เห็น จะปรากฏขึ้นมาเองในภายหลัง

ตอบคำถามให้ชัดเจน

หลังจากที่เราได้เขียนความฝัน และถามตัวเองด้วยคำถามสำคัญไปแล้ว มาถึงตอนนี้ ให้น้องๆ เขียนถึงสิ่งที่น้องๆ ต้องการให้ชัดเจนลงไปอีก ด้วยคำตอบของคำถาม วิธีนี้เป็นการทำความฝันของเราให้มันชัดเจนขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

  • การเรียนภาษาอังกฤษจะทำให้ฉันฉลาดขึ้น มีทักษะในการทำความฝันได้สำเร็จ
  • การเรียนภาษาอังกฤษจะทำให้ฉันเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
  • การเรียนภาษาอังกฤษจะทำให้ฉันสามารถสื่อสารกับคนจำนวนมาก ทั่วโลก
  • การเรียนภาษาอังกฤษจะทำให้ฉันสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากภาษาที่ฉันใช้ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น

ฯลฯ

เลือกวิธีการ และตั้งเป้าหมายเบื้องต้น

เมื่อเราพอได้ไอเดียแล้วว่าเป้าหมายของเราคืออะไร และมองเห็นความเชื่อมโยงและประโยชน์ของการเรียนภาษาอังกฤษกับการทำความฝันให้สำเร็จ ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกวิธีการ กำหนดทิศทางและตั้งเป้าหมายเบื้องต้น โดยการเลือกวิธีการว่าจะทำยังไง จึงจะทำให้การเรียนภาษาอังกฤษของเราพัฒนาขึ้น หรือประสบความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น

  • ฉันจะต้องท่องคำศัพท์ทุกวันให้ได้อย่างน้อยวันละ 3-5 คำ
  • ฉันจะฝึกดูหนังโดยไม่อ่านซับไตเติลอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
  • ฉันจะทบทวนบทเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน
  • ฉันจะลองทำข้อสอบ TOEIC หรือ IELTS วันละ 2 ข้อทุกวัน
  • ฉันจะสมัครเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศในช่วงปิดเทอม

ฯลฯ

ฝึกฝนจนเกิดเป็นนิสัยด้วยกฏ 21 วัน

ขั้นตอนสุดท้ายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด น้องๆ อาจจะเคยได้ยินเรื่องของ กฏ 21 วัน ที่ว่าเมื่อเราทำอะไรติดต่อกันอย่างน้อย 21 วัน สิ่งนั้นจะกลายมาเป็นนิสัยและความเคยชินของเราในที่สุด เมื่อเราเลือกวิธีการและฝึกฝนจนมันกลายเป็นนิสัยของเราแล้ว คราวนี้ทุกอย่างจะง่ายและใกล้ความจริงมากขึ้น ถึงตอนนี้ เราก็จะรู้แล้วว่า ทำไมเราจึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ เราจะเริ่มรู้สึกชินกับการเรียน การใช้ และชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ จนความรู้สึกเกลียด กลัว หรือขี้เกียจเหล่านั้นหายไป เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะว่าเรามีเป้าหมายแล้วยังไงล่ะ

ในระหว่าง 21 วัน ถ้าหากน้องๆ รู้สึกท้อหรือขี้เกียจ ก็ให้นึกถึงเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ นึกถึงสิ่งที่เราได้เสียสละ ระยะเวลาแรงกายแรงใจที่เราทุ่มเทมาโดยตลอด คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากเราจะล้มเลิกไปกลางคัน ถูกไหม แต่หากจนแล้วจนรอด เราก็ยังนึกไม่ออกถึงเป้าหมายในการเรียนภาษา พี่ๆ ก็มีตัวอย่างของเป้าหมายของคนที่เรียนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่มาให้ดูเป็น Guidelines พร้อมๆ กับข้อดีและประโยชน์ของการเรียนภาษาอังกฤษ ที่น้องๆ อาจไม่เคยทราบมาก่อน ใน บทความต่อไป มาฝึกเรียนภาษาด้วยการตั้งเป้าหมายกันเถอะ (2) อย่าลืมติดตามกันต่อนะครับ

สำหรับน้องๆ ที่มีข้อสงสัย หรือต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในต่างประเทศ ทั้ง USA, UK, Australia, New Zealand, Canada และ Ireland สามารถขอรับคำปรึกษาจากพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อต่างประเทศของ SI-English ได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้เลยครับ

คำถามที่พบบ่อยมากจากประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษในกรุงเทพมานานกว่า 4 ปีคือ ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ? 

คำตอบต่อคำถามนี้ง่ายมาก การปฏิบัติก็ไม่ซับซ้อน นั่นคือ
(1) ตั้งเป้าหมาย
(2) กำหนดวิธีการ และ
(3) ลงมือปฏิบัติ

(1) ตั้งเป้าหมาย

เป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษที่มีมากมายและสามารถแยกย่อยออกไปได้หลายแขนง ไม่ว่าจะเพื่อสอบ เพื่อใช้งาน หรือเพื่อการเรียนการสอนนั้น ต้องมีเป้าหมายหลักอย่างเดียวกันนั่นคือผู้เรียนต้องสามารถ (1) ฟังออก (2) พูดได้ (3) อ่านเก่ง และ (4) เขียนคล่อง ได้ก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อบรรลุเป้าหมายหลักทั้ง 4 อย่างเรียบร้อยแล้ว การจะมุ่งไปด้านใดๆ เป็นการเฉพาะ ก็สามารถเป็นไปได้ทั้งหมด ผู้เรียนที่ไม่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ จะตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษไว้ผิดลำดับขั้นตอน เช่น บางคนคิดว่าขอแค่หาคนมาติวข้อสอบเพื่อไปสอบ TOEIC หรือ TOEFL ให้ได้คะแนนตามเกณฑ์ก็พอ แล้วค่อยไปหาทางบรรลุเป้าหมายหลักทั้ง 4 ทีหลัง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคนที่จะสามารถได้คะแนนตามเกณฑ์ TOEIC TOEFL หรือ IELTS ได้นั้นจะต้องบรรลุเป้าหมายทั้ง 4 ให้ได้ก่อน ส่วนการเรียนเพื่อใช้งานก็เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น “เรียนเพื่อไปสัมภาษณ์งาน” การเรียนเพื่อสัมภาษณ์งานนั้นผู้เรียนไม่ควรทำแค่การเรียนรู้วิธีการสัมภาษณ์ ดูตัวอย่างคำสัมภาษณ์ หรือฝึกแต่งประโยคเพื่อตอบคำสัมภาษณ์ให้ได้เท่านั้น อันดับแรกสุดเลยนั้นผู้เรียนควรจะต้องฝึกฟังกับพูดภาษาอังกฤษให้คล่องก่อน เพราะถ้าผู้เรียนยังฟังฝรั่งพูดไม่ออก ยังพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง ยังพูดแบบเคอะๆเขินๆ ยังพูดลิ้นพันกันอยู่ การเรียนวิธีการการสัมภาษณ์งานที่ได้ลงทะเบียนไปก็สูญเปล่า

(2) กำหนดวิธีการ

เมื่อได้เป้าหมาย [นั่นคือเรียนเพื่อให้ (1) ฟังออก (2) พูดได้ (3) อ่านเก่ง และ (4) เขียนคล่อง] มาแล้ว ต่อไปก็เป็นการหาวิธีการที่เหมาะสม มีคนเก่งภาษาอังกฤษมากมายในบ้านเรา แต่ละคนก็มีวิธีการเรียนที่แตกต่างกัน บางคนเลือกที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาอังกฤษ บางคนลงทะเบียนเรียนกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษใกล้บ้าน บางคนหาซื้อคู่มือการเรียนภาษาอังกฤษมาศึกษาเองที่บ้าน การฝึกเพื่อบรรลุเป้าหมายทั้ง 4 นั้นจะประกอบไปด้วยเครื่องมือและวิธีการสำหรับใช้ฝึกดังนี้ คือ a. การฝึกฟังจากคลิบ b. ฝึกอ่านจากหนังสือ c. ฝึกเขียนจากการได้ยิน และ d. ฝึกพูดตามเจ้าของภาษา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาต้องฝึกด้วยจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมจำนวนหนึ่ง [อย่างต่ำ 240 ชั่วโมง] ซึ่งสิ่งที่จำเป็นที่สุดของผู้เรียนคือเรื่องของเวลาเพราะถ้าผู้เรียนไม่มีเวลาให้กับการฝึก การเตรียมเครื่องมือและวิธีการเอาไว้ก็สูญเปล่า

(3) ลงมือปฏิบัติ

เมื่อมีเป้าหมาย มีวิธีการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือขั้นตอนที่จำเป็นที่สุด สำคัญที่สุด และท้าทายที่สุด ของการเรียนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ ซึ่ง “การบรรลุเป้าหมายทั้ง 4” นั้นแปลความได้อีกทีว่า “การมีทักษะ 4 อย่าง” คือมีทักษะในการฟัง มีทักษะในการพูด มีทักษะในการอ่าน และมีทักษะในการเขียน ตามลำดับ คำว่า “ทักษะ” ในภาษาไทยแปลว่า “ชำนาญ” นั่นคือผู้เรียนมีทักษะในด้านไหน ก็แปลว่ามีความชำนาญในด้านนั้นนั่นเอง การจะสร้างความชำนาญได้มีวิธีการอย่างเดียวคือ “ลงมือทำบ่อยๆ” ทำบ่อยจนชำนาญ คือฟังบ่อยๆ จนมีทักษะในการฟัง พูดบ่อยๆ จนมีทักษะในการพูด อ่านบ่อยๆ จนมีทักษะในการอ่าน และเขียนบ่อยๆ จนมีทักษะในการเขียน ส่วนการที่ผู้เรียนจะฟังอะไร พูดอะไร อ่านอะไร และเขียนอะไรนั้น ให้เป็นไปตามลำดับของเครื่องมือและวิธีการที่เตรียมเอาไว้

“ทำตามคู่มืออย่างเคร่งครัด” เป็นหัวใจของการปฏิบัติ ครั้งหนึ่ง Anna Pavlova นักบัลเล่ย์ที่ยิ่งใหญ่ของรัสเซียเคยกล่าวว่า “To follow, without halt, one aim: there’s the secret of success.” ขอเพียงผู้เรียนมุ่งมั่น (ในเป้าหมายที่ตั้งไว้) ไม่ลดละ (ความพยายามในการฝึกตามวิธีการที่เตรียมมา) และลงมือปฏิบัติ (จนครบทุกขั้นตอนดังที่ตั้งใจ) นั่นคือก้าวแรกของการประสบความสำเร็จ

โปรดระลึกไว้เสมอว่าความสำเร็จของคุณอยู่ไกล้แค่เอื้อมเท่านั้น ถ้าเพียงคุณ กล้าตั้งเป้าหมาย กล้ากำหนดวิธีการ และกล้าลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง คุณจะประสบความสำเร็จ โอกาสเป็นของคนที่ลงมือทำ คนที่ประสบความสำเร็จก่อนคุณ คือคนที่ทุ่มเทให้กับการลงมือปฏิบัติมาก่อนคุณนั่นเอง

ขอให้โชคดีกับการฝึกของคุณ

มีผู้เรียนมากมายที่ยังสับสนระหว่างคำว่าการเรียนเพื่อให้เกิดความรู้ กับการลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดความชำนาญ  “คนไทยทุกคนที่กำลังเรียนหนังสือในระดับชั้นมัธยมปลาย หรือที่เรียนจบชั้นมัธยมปลายในระบบการศึกษาของบ้านเรามาแล้วนั้น มีความรู้ภาษาอังกฤษมากพอที่จะนำมาฝึกให้เกิดความชำนาญได้” การเรียนเพื่อให้เกิดความรู้เปรียบได้กับการนั่งเรียน “วิธีการขับรถ” ในห้องเรียน ส่วนการลงมือปฏิบัติก็คือการลงไปนั่งหลังพวงมาลัยแล้วลงมือ “ขับรถไปตามถนน” นั่นเอง ถ้าจะเปรียบไปแล้วการฝึกภาษาอังกฤษมีอันตรายน้อยกว่าการฝึกขับรถมากมายนัก ผู้ฝึกไม่ต้องทำประกันชีวิต ไม่ต้องเสี่ยงกับอุบัติเหตุ แถมเครื่องมือและพลังงานในการฝึกก็ถูกกว่ากันจนเทียบไม่ได้

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita