วิธีการทําธุรกิจออนไลน์ คือ

การจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง ไม่เคยมีคำว่าง่าย การเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ก็เช่นกัน หลังจากค้นคว้าเรื่องของตลาดว่าตอนนี้ตลาดต้องการอะไร มีสิ่งไหนบ้างที่กลุ่มเป้าหมายยังไม่ได้รับการตอบสนอง และได้ตั้งชื่อแบรนด์เป็นของตัวเอง สร้างคาแรกเตอร์ของร้านค้าออนไลน์แล้ว แต่การจะเริ่มเข้าหากลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งวันนี้ MyShop จะมาแนะนำวิธีการและหลักการง่ายๆ ในการเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่นักธุรกิจมือใหม่ควรทราบมี 5 ขั้นตอนดังนี้

ขั้นที่ 1 Search Engine Optimization (SEO)

ไม่ว่าจะเป็นการการเขียนบทความในเว็บไซต์ หรือเนื้อหาในเว็บไซต์ จำเป็นต้องมีการตั้งคีย์เวิร์ดขึ้น เพราะในการทำธุรกิจออนไลน์ คีย์เวอร์ดที่คนใช้เสิร์ช คือ สิ่งที่คุณสามารถนำมาใช้เขียนบทความในเว็บไซต์และเนื้อหาในเว็บไซต์เพื่อที่คุณจะได้ติดหน้าแรกของ Search Engine ซึ่งทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การทำ Search Engine Optimization ยังไม่มีค่าใช้จ่ายเหมือนการทำโฆษณารูปบแบบอื่นๆ เช่น การทำแบนเนอร์ออนไลน์ หรือการทำแคมเปญบนโซเชียลมีเดีย

ขั้นที่ 2 การโปรโมทแบรนด์และสินค้าที่น่าดึงดูด

การโปรโมทสินค้าออไลน์มีได้หลายวิธี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนิยมโปรโมทกันผ่าน Social Media เช่น Facebok, Instragram, LINE Oficial Account ฯลฯ ซึ่งการโปรโมทแบรนด์และสินค้ามีตั้งแต่การโปรโมทด้วยภาพ วีดิโอ และบทความ ซึ่งต่อให้คุณมีภาพสินค้าที่สวยอย่างไร หรือมีวิดีโอที่ถ่ายทำและตัดต่ออย่างดีอย่างไร การพึ่งพาแต่ภาพสวยๆ อย่างเดียวก็ไม่สามารถดึงกลุ่มเป้าหมายให้มาซื้อสินค้าที่คุณขายอยู่ได้ การเขียนแคปชั่น และข้อมูลสินค้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็สำคัญไม่แพ้กัน การให้ข้อมูลที่ชัดเจนแก่ลูกค้าจะช่วยทำให้ลูกค้าสนใจในตัวสินค้ายิ่งขึ้น ดังนั้นภาษาที่ใช้ควรจะเป็นภาษาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและเป็นมิตร

ในการเขียนโฆษณาเพื่อจำหน่ายสินค้า นอกจากการเขียนบรรยายสรรพคุณของสินค้าแล้ว คุณต้องให้ความสำคัญกับวิธีการใช้งาน และนำเสนองานบริการ แนะให้ผู้บริโภคเห็นว่าสินค้าของคุณสามารถช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้ ในขั้นตอนการโปรโมทนี้จำเป็นที่จะต้องอาศัยเงินเข้าไปช่วยเพื่อเพิ่มโอกาสที่คนจะเห็น ซึ่งนอกจากจะเพิ่มเงินเข้าไปด้วยแล้ว การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุดก็เป็นเรื่องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาได้มากขึ้น

ขั้นที่ 3 อย่า Hard Sale จนเกินไป

การให้ข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้าเป็นเรื่องที่ดี แต่จะเอาแต่โปรโมทข้อดีของสินค้าและบริการที่คุณมีอย่างเดียว อาจจะทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกถูกบังคับ อึดอัดและรำคาญ เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าเลิกติดตาม ซึ่งบางครั้งการทำคอนเทนต์ประเภทแบ่งปันความรู้ดีๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคุณอ้อมๆ หรือเกร็ดน่ารู้ที่ไม่จำเป็นต้องขายสินค้าสามารถช่วยให้คนยังติดตามสนใจในแบรนด์ของคุณอยู่

ขั้นที่ 4 E-Mail Marketing ไม่ได้ล้าสมัยอย่างที่คิด

ถึงแม้ทุกวันนี้เราจะมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้คุณสะสมผู้ติดตาม ทำให้บทบาทของอีเมลนั้นลดน้อยลงจากแต่งก่อน แต่นั่นไม่เป็นความจริง แอปพลิเคชันทุกอันล้วนต้องพึ่งพาอีเมลในการสมัครทั้งนั้นและมีการตั้งเตือนเสมอ และทันทีที่กลุ่มเป้าหมายเลือกที่จะติดตามข่าวสารจากร้านค้าออนไลน์ของคุณก็ต้องใช้อีเมล ทำให้ Email Marketing สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง อีกทั้งยังสามารถนำเสนอข้อมูลหรือสินค้าที่มีสิทธิ์ที่จะก่อให้เกิดการขาย และพัฒนาความสัมพันธ์เหล่านี้ได้ในระยะยาว การใช้ E-Mail Marketing นั้นมีต้นทุนที่ไม่สูง เมื่อเทียบกับโทรทัศน์ และวิทยุ

ขั้นที่ 5 กระตุ้นยอดขายด้วยการเชียร์สินค้า

การกระตุ้นยอดขายอย่างเช่น โปรโมชั่นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการลดแลกแจกแถมต่างๆ หรือแม้แต่การแนะนำสินค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาก็เป็นการช่วยกระตุ้นการขายของออนไลน์ของคุณ ซึ่งคุณสามารถใช้แพลตฟอร์มการขายต่างๆ ที่คุณมีได้อย่างอย่างเต็มที่

นาทีนี้เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรงคงหนีไม่พ้นการ ขายของออนไลน์ แน่นอน โดยเฉพาะหลังจากผ่านช่วงวิกฤตโควิด-19 มีธุรกิจหลายเจ้าที่ผันตัวมาทำออนไลน์กันมากขึ้น

แต่การจะทำให้ร้านค้าของเราแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน มีทั้งคนที่ทำแล้วรุ่ง และคนที่ทำแล้วร่วง หากคุณอยากให้ร้านค้าของคุณประสบความสำเร็จ นี่คือ 4 ขั้นตอน ขายของออนไลน์ ที่คุณต้องรู้

1. วางแผนการตลาด

แน่นอนว่าการจะทำธุรกิจ หากเราคิดปุ๊บ ทำปั๊บ ไม่มีการวางแผน ก็มีความเสี่ยงสูงที่ธุรกิจของเราจะไปไม่รอด เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราควรจะทำก็คือ “การวางแผน”

ชื่อร้าน / แบรนด์

การตั้งชื่อร้านค้า หรือแบรนด์ ควรใช้ชื่อที่กระชับ จดจำได้ง่าย เป็นเอกลักษณ์ และไม่ซ้ำกับคนอื่น วิธีการตรวจสอบชื่อแบรนด์ว่าซ้ำกับคนอื่นหรือไม่ เราอาจนำชื่อที่คิดได้มาลองค้นหาบน Google Search, Facebook หรือ Instragram ดูก่อนก็ได้ว่า มีใครตั้งชื่อเพจ ร้านค้า และเว็บไซต์นี้แล้วหรือยัง

ค้นหากลุ่มลูกค้าที่ใช่

การขายของออนไลน์ หากเรารู้จักกลุ่มเป้าหมาย หรือรู้ว่าลูกค้าของเราเป็นใคร จะช่วยให้เราสามารถทำการตลาดออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านของการทำคอนเทนต์ ทำโฆษณา รวมถึงแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้บริการ โดยสิ่งที่คุณต้องค้นหาก็คือ

  • ลูกค้าของเราเป็นใคร : เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ
  • ลูกค้าของเราอยู่ที่ไหน : ประเทศ จังหวัด หรือพื้นที่ ที่มีความเฉพาะเจาะจง
  • ลูกค้าของเรามีพฤติกรรมแบบไหน กำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่

คุณอาจเคยเห็นคอนเทนต์บน Facebook แล้วรู้สึกว่าคำมันโดน สินค้าชิ้นนี้ ตรงกับที่เรากำลังสนใจอยู่ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลด้วย นั่นเพราะว่าเขาค้นหาคุณเจอแล้วนั่นเอง

 

ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน วัดผลได้

หลายคนมีความคิดที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์เพราะคิดว่ามันดูง่าย ใครๆ ก็ทำกัน แต่ความจริงถ้าคุณแค่ทำตามคนอื่น ไม่มีการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ก็มักจะเริ่มท้อ ขี้เกียจ และล้มเลิกไป สำหรับการขายของออนไลน์ คุณอาจจะเริ่มตั้งเป้าหมายจากง่ายๆ ก่อนก็ได้เช่น

  • มีจำนวนการสั่งซื้อ 10 ออเดอร์ ต่อวัน หรือ 30 ออเดอร์ต่อเดือน
  • มียอดขาย 50,000 บาท ต่อเดือน
  • มีคนติดตาม Facebook 10,000 คน (ที่เป็นคนจริงๆ ไม่ใช่การซื้อ Like)
  • มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ 10,000 คนต่อเดือน

เมื่อธุรกิจของคุณมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การหาเส้นทางเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น

ตอนนี้ธุรกิจของคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วหรือยัง ?

 

2. เลือกช่องทางโปรโมทสินค้า

เมื่อเราได้ชื่อแบรนด์ และรู้แล้วว่าลูกค้าของเราคือใคร สเต็ปถัดไปคือการเลือกช่องทางการขายสินค้า ซึ่งความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะขายเฉพาะช่องทางไหน เพราะแต่ละช่องทางก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น

Social Media

Facebook และ Instagram คนที่คิดจะขายของออนไลน์ต้องมีช่องทางนี้อยู่ในหัวด้วยอย่างแน่นอน โดยจุดเด่นของ Social Media จะอยู่ที่การเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย สามารถพูดคุย จัดกิจกรรม และมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดี ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์

ร้านค้าที่ขายของผ่าน Facebook ไม่จำเป็นต้องแข่งขันในเรื่องของราคา แถมยังสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ด้วยผ่านการทำคอนเทนต์ที่ดี สำหรับร้านค้าที่พึ่งเปิดเพจใหม่ๆ อาจช่วยให้คนรอบตัวกด Like เพจ หรือช่วยกันแชร์ให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักได้ หากมีต้นทุนก็สามารถลงโฆษณาเพื่อโปรโมทร้านค้าได้เช่นกัน

Marketplace

หรือที่เรารู้จักกันชื่อของ Shopee หรือ LAZADA เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ให้เราสามารถเข้าไปสร้างโปรไฟล์ร้านค้า และนำสินค้าไปลงขายได้ เป็นช่องทางที่นักช้อปมากมายเข้ามาค้นหาสินค้าที่ตัวเองต้องการ และเปรียบเทียบราคาจากหลายๆร้านก่อนซื้อ ทำให้ Marketplace มีการแข่งขันเรื่องราคาค่อนข้างมาก

แต่พฤติกรรมของนักช้อปก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน นอกจากการเปรียบเทียบราคา ยังมีการหาข้อมูลรีวิว เพื่อเปรียบเทียบเพิ่มเติมอีกด้วย ร้านไหนที่มีรีวิวเยอะ และดี ก็สามารถสร้างรายได้จากตรงนี้ได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับร้านค้าที่พึ่งเข้ามาใหม่ รีวิวยังไม่ค่อยมี หากขายสินค้าเหมือนกับร้านอื่นๆ ก็ยังต้องแข่งในเรื่องของราคา ทำให้ร้านค้าอาจจะต้องหาช่องทางอื่นๆ มาช่วยโปรโมทในช่วงแรกอีกด้วย

Website

หากร้านค้าของคุณมีเว็บไซต์ด้วย ก็จะช่วยให้ร้านสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มาจาก Google Search ได้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะมีคุณภาพค่อนข้างมากเพราะคนที่ค้นหาข้อมูล หรือสินค้าบางอย่างบน Google โดยส่วนใหญ่จะมีความต้องการสินค้านั้นอยู่แล้ว

ยิ่งถ้าเราสามารถทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google ได้ ร้านค้าของคุณก็จะมีคนเข้ามาซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง และระยะยาว

//www.4u2thailand.com/

 

นอกจากนี้เว็บไซต์ยังช่วยต่อยอดการตลาดออนไลน์ในช่องทางอื่นๆ ได้อีกมากเลย ยกตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูลของคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์เพื่อนำไปกำหนดกลุ่มเป้าหมาย สำหรับการทำโฆษณาในช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Google Ads

คุณอาจจะเคยเห็นโฆษณาสินค้า จากเว็บไซต์ที่คุณพึ่งเข้าไปดูมา อยู่บน Facebook นี่ก็เป็นอีกรูปแบบของการตลาดออนไลน์ที่ร้านของคุณสามารถทำได้หากมีเว็บไซต์ การทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์จะนิยมอยู่ 2 ประเภทคือ จ้างทำด้วย WordPress และการใช้เว็บไซต์ สำเร็จรูป

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บสำเร็จรูป MakeWebEasy ที่นี่

LINE Official Account

จริงๆ แล้ว LINE OA นับว่าเป็น Social Media อีกช่องทางหนึ่ง แต่ที่ผมแยกมันออกมาเพราะว่า เราใช้มันโดยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เราไม่ได้ใช้เพื่อโปรโมท แต่เราใช้ LINE OA เพื่อพูดคุยให้ข้อมูลกับลูกค้าโดยเฉพาะ

หลายคนอาจจะคิดว่าแล้วทำไมไม่ใช้ Facebook Messenger ล่ะ

ก็ไม่ผิดครับ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าที่แอด LINE OA เพื่อเข้ามาสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า มีโอกาสปิดการขายได้มากกว่า Facebook Messenger ถึง 70% และตอนนี้เราก็สามารถลงสินค้าผ่าน LINE My Shop ได้อีกด้วย เมื่อลูกค้าสนใจสินค้าเราสามารถส่งลิงก์นี้ให้ลูกค้ากดซื้อ และชำระเงินได้ทันที

 

3. เลือกช่องทางการชำระเงิน

สิ่งสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์จะขาดไปไม่ได้เลยคือ ช่องทางการรับชำระเงินออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์หลายแบรนด์อาจเริ่มต้นจากการจากใช้บัญชีธนาคารในการรับเงิน แต่ถ้าจะให้ดี หากร้านค้าสามารถรับชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตได้ ร้านของคุณจะมีโอกาสปิดการขาดเพิ่มขึ้นอีก 30% เลยทีเดียว

การรับชำระด้วยบัตรเครดิตนั้นสามารถทำได้โดยใช้บริการ Payment Gateway ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

  • ของธนาคาร : K-Payment Gateway ของธนาคารกสิกร
  • ไม่ใช่ของธนาคาร : Paypal, GB Prime Pay

แน่นอนว่าหลายคนพอเห็นว่ามีการเก็บค่าธรรมเนียมด้วยเลยไม่อยากใช้งาน แต่ผมแนะนำว่า ควรใช้ครับ เพราะสิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือ โอกาสปิดการขาย และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

 

4. วัดผลลัพธ์การตลาดออนไลน์

ไม่ใช่แค่การขายของออนไลน์ แต่การทำธุรกิจทุกประเภทหากต้องการให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้จักการวัดผลลัพธ์ด้วย เพื่อให้เรารู้ว่าเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ตั้งแต่ต้นนั้น เราทำสำเร็จ หรือใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น

  • เป้าหมายคือ มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ 5,000 คนต่อเดือน
  • ผลลัพธ์คือ เดือนทีแล้วมีคนเข้ามาดู 50 คน
  • แนวทางการปรับปรุง ลองเขียนคอนเทนต์ที่น่าสนใจ โดยใช้ Keyword ที่มีปริมาณการค้นหา หรือ โฟกัสที่การทำ SEO ให้มากขึ้น

การวัดผลลัพธ์นั้นช่วยให้เรารู้ว่าจุดบ้างไหนที่เราควรปรับปรุง เพื่อที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้

แต่ถ้าผลลัพธ์ที่คุณได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปก็คือ ตั้งเป้าหมายให้ให้สูงขึ้น เพื่อธุรกิจของคุณโตขึ้นไปตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้

 

Tips

สำหรับร้านค้าที่มองไม่เห็นทางว่าเราควรจะพัฒนายังไงต่อไป แนะนำให้ “ศึกษาจากคู่แข่ง” คู่แข่งของเราขายสินค้าช่องทางไหนบ้าง มีวิธีการโปรโมทยังไงให้น่าสนใจ รูปภาพ การเขียนแคปชั่น กิจกรรมทางการตลาด การตลาดของคู่แข่งในแต่ละช่องทางเขาทำยังไง การศึกษาจาก Case Study จากคู่แข่ง จะช่วยให้เรามีแนวทางในการพัฒนาร้านค้าได้อย่างแน่นอน

Get Start !

หากคุณอยากให้ร้านค้าประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ เริ่มต้นทำตั้งแต่วันนี้

  1. เริ่มวางแผน ตั้งชื่อร้านให้แตกต่าง หากลุ่มเป้าหมายให้เจอ และที่สำคัญตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
  2. เลือกช่องทางการโปรโมทสินค้าให้ครอบคลุม เข้าถึงลูกค้าทุกช่องทาง
  3. เลือกช่องทางการชำระเงิน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสปิดการขาย
  4. สุดท้ายที่คุณทำมาทั้งหมด ต้องวัดผลได้ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนา ให้ไปถึงไปหมายที่ตั้งไว้

Kim Karun

คิม การุณธ์ ปัจจุบันเป็น Content Marketing & SEO Specialist ของบริษัท Clicknext เขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวกับ Digital Marketing บนเว็บไซต์ MakeWebEasy และ Chatcone

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita