ไทยฮอนด้า แถลงยอดจดทะเบียนครึ่งปี 65 ทะลุ 7.05 แสนคัน เติบโต 3% พร้อมลุยประกอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไตรมาส 4 ปีนี้
ล่าสุด นายชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเรายังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันฮอนด้ายังคงมุ่งเน้นการทำธุรกิจแบบ B2B และ B2C For B ออกมาในรูปแบบของโครงการปล่อยเช่ารถให้กับกลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี่ ตอนนี้มีรถอยู่ประมาณ 116 คัน ที่กระจายให้บริการอยู่ตามจุดต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการสนับสนุนจากภาครัฐออกมาด้านภาษีสรรพสามิตสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาขายไม่ถึง 150,000 บาท มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุน 18,000 บาท นั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่รถไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในเมืองไทยยังคงเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ จึงยังมีเรื่องของภาษีศุลกากรเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องรอดูว่ามาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในช่วงต้น จะยกเว้นหรือช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างไร
ด้านของทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ไทยครึ่งปีแรกมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 911,162 คัน เติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ในขณะที่ฮอนด้ามีตัวเลขอยู่ที่ 705,487 คัน เติบโตขึ้น 3% ใกล้เคียงกับตลาดรวม เซกเมนท์ที่มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุดคือกลุ่มรถ เอ.ที. ซึ่งมียอดรวมอยู่ที่ 397,733 คัน เติบโตขึ้น 6% สิ่งที่น่าสนใจก็คือฮอนด้ามีการเติบโตในกลุ่มนี้มากถึง 12% ด้วยตัวเลข 279,207 คัน เป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดรวมค่อนข้างมาก
ขณะที่สัดส่วนยอดจดทะเบียนของ Scoopy มียอด 96,679 คัน สูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มแฟชั่น เอ.ที. Click Series มียอด 64,732 คัน สูงที่สุดในกลุ่มสปอร์ต เอ.ที. PCX160 มียอด 77,708 คันสูงสุดในกลุ่มพรีเมียม เอ.ที. และ Forza350 มียอดจดทะเบียนถึง 10,988 คัน
นายชิเกโตะ กล่าวว่า “ตลาดโดยรวมของปีนี้จะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1,740,000 คัน เติบโต 8% ส่วนฮอนด้าตั้งเป้าหมายที่ 1,359,000 คัน เติบโต 10% มากกว่าตลาดรวม เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อมในการผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการ สามารถจัดการกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนได้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนและปัญหาระหว่างจีนกับไต้หวัน ยังไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด”
บริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสัญชาติไทยแบบ 100% ภายใต้ชื่อแบรนด์ ETRAN สตาร์ทอัพไทย เปิดตัวครั้งแรกในปี 2560 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทยโดยเฉพาะกับการทำโปรโมชั่นให้เช่ารถขับขี่ให้แก่เหล่า Robinhood Rider ด้วยรถ Etran Myra ในราคาเพียง 120 บาท/วัน เท่านั้นโดยรถจาก Etran Myra จะมาพร้อมชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังมากถึง 7,000 W ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. พร้อมแรงบิด 150 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7 วินาที
และตัวรถจะมาพร้อมแบตเตอรี่แบบ LMO (LMn2O4) กันน้ำ IPX67 ได้รับการ Certify จากสถาบัน PTEC ขนาด 72V40ah จำนวน 2 ลูกที่ทำให้ 2021 Etran Myra นั้นสามารถทำระยะทางไกลสุดที่ 180 กิโลเมตรต่อการเปลี่ยนแบต หรือการชาร์จ 1 ครั้ง (แบตเตอรี่ชาร์จเต็มภายใน 4 ชม. / 2 ชม.ต่อแบตเตอรี่ 1 ลูก) ซึ่งตัวรถมาพร้อมสายชาร์จแบบปลั๊กไฟบ้าน อยู่บ้านก็ชาร์จได้
โดยในปัจจุบัน Etran ประเทศไทยได้มีรถวางจำหน่าย 3 รุ่นด้วยกันคือ
- Myra Zero รุ่นเริ่มต้น ราคา 69,550 บาท ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานคู่กับ แพ็กเกจเช่าแบตเตอรี่รายเดือน
- Myra Plus 1 รุ่นกลาง ราคา 90,950 มาพร้อมแบตเตอรี่ 1 ก้อน ทำระยะทางสูงสุด 90 กม.
- Myra Plus 2 รุ่นท็อป ราคา 107,000 มาพร้อมแบตเตอรี่ 2 ก้อน ทำระยะทางสูงสุด 180 กม.
Etran Myra
Myra Zero
69,550 บาท
Myra Plus 1
90,950 บาท
Myra Plus 2
107,000 บาท
2.NIU Electric Scooter
แบรนด์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 100% ระดับโลกที่ถูกนำเข้ามาโดยบริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด โดยแบรนด์อย่าง NIU มีการเปิดตัวครั้งแรกของโลกในปี 2014 โดยปัจจุบัน NIU มีหน้าร้านกว่า 500 ร้านทั่วโลก ทั้งยุโรป South Africa เอเชีย และเป็น Smart Electric Scooter อันดับหนึ่งของโลกที่มียอดขายสูงที่สุดในประเทศเยอรมนี โดย NIU ทุกคันที่จำหน่ายไปแล้วทั่วโลกกว่า 400,000 คัน วิ่งรวมกันเป็นระยะทางกว่า 800 ล้านกิโลเมตรทั่วโลก
โดยในตอนนี้ถือว่าแบรนด์ NIU Electric Scooter นั้นสามารถพบเจอได้บ่อยที่สุดแล้วในกรุงเทพฯ เนื่องมาจากทางแบรนด์ได้มีการจับมือกับ บางจาก ในการให้บริการ "Winnonie" หรือ "วินโนหนี้" บริการให้เช่าพร้อมดูแลรักษารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบครบวงจรสำหรับวินมอเตอร์ไซค์ในราคาเพียง 3,000 บาท/เดือน เท่านั้น
และนอกจากสกู๊ตเตอร์ให้เช่าแล้ว NIU Electric Scooter ยังได้มาพร้อมกับรถในหลากหลายรุ่นให้คุณได้เลือกกับสมรรถนะ และราคาในแต่ละรุ่นที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น
- NIU Gova พร้อมความเร็วสูงสุด 65 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 60v. 40Ah. กับระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ 60-70 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ซึ่งใช้ระยะเวลาในการชาร์จไฟเต็มที่ 6 ชม.
- NIU MQi Sport ที่มาพร้อมความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม. พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3,000 วัตต์ ตัวรถสามารถขับขี่เดินทางได้ไกล 60-70 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
- NIU NQiGT Sport มาพร้อมความเร็วสูงสุดที่ 80 กม./ชม. พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3,000 วัตต์ กับระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ไกลกว่า 80-120 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
NIU Electric Scooter
NIU Gova
57,900 บาท
NIU MQi Sport
59,000 บาท
NIU NQiGT Sport
109,000 บาท
3.HSEM Motor
HSEM Motor คืออีกหนึ่งในแบรนด์รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสัญชาติไทยระดับคุณภาพที่แต่เดิมทำธุรกิจในทางฝั่งของรถกอล์ฟมาก่อน และหันมาเปิดธุรกิจทางฝั่งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งจุดเด่นของทาง HSEM Motor นั้นคงจะเป็นในเรื่องของการมีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้เลือกมากมายหลากหลายรุ่น หลากหลายราคา และในทุกรุ่นสามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบัน HSEM Motor มีรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้เลือกดังนี้
- H SEM Ciao มาพร้อมขนาดที่เล็กกะทัดรัดพร้อมน้ำหนักตัวที่เบาเน้นความคล่องตัว โดยตัวรถมาพร้อมมอเตอร์ขับแบบ DC 60V. ขนาด 2,000 วัตต์กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 60V20Ah โดยตัวรถสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 60 กม./ชม. กับระยะทางสูงสุดที่ 48 กม.
- H SEM Mobila S จะมาพร้อมกับมอเตอร์ขับจาก Bosch แบบ HUB Motor 72V. ขนาด 3,000 วัตต์ พร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมจาก Sumsung ขนาด 72V20Ah กับความเร็วสูงสุดที่ 60 กม./ชม. พร้อมระยะทางสูงสุด 60-70 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
- H SEM Mobila G จะมีความแตกต่างกับเจ้า H SEM Mobila S ตรงระบบขับเคลื่อนเท่านั้นซึ่งนอกนั้นจะมีความเหมือนกันทั้งหมด โดยในรุ่น G ระบบขับเคลื่อนจะถูกส่งผ่านชุดเกียร์อีกครั้งหนึ่งแทนที่จะส่งลงล้อโดยตรงแบบรุ่น S
- H SEM Wing คือรุ่นท็อปที่สุดตัวรถจะมาพร้อมมอเตอร์ขับเคลื่อน DC 72V. ขนาด 3,000 วัตต์ ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 60 กม./ชม. ที่สามารถเลือกปรับความเร็วได้ 3 ระดับ พร้อมติดตั้งระบบถอยหลัง
HSEM Motor
H SEM Ciao
49,700 บาท
H SEM Mobila S
89,900 บาท
H SEM Mobila G
92,200 บาท
H SEM Wing
95,700 บาท
4. AJ EV Bike
AJ แบรนด์ที่เราเชื่อว่าทุกคนในประเทศไทยจะต้องคุ้นหู และเคยได้ยินกันมาก่อนอย่างแน่นอนเพราะเมื่อก่อนนั้นแบรนด์อย่าง AJ เติบโตมาจากเครื่องเล่น DVD และเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนที่จะผันตัวเองเข้ามาสู้ธุรกิจของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยการวางจำหน่ายผ่านตัวแทนสาขาเดิมที่จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าของ AJ ที่มีอยู่เดิมทั่วประเทศนั่นเอง ซึ่งสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ ในปัจจุบันมี 4 รุ่นด้วยกันคือ
- AJ EV Bike รุ่น Q5 ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 1,200 วัตต์ สามารถวิ่งทำความเร็วสูงสุดได้ 50กม./ชม. พร้อมทั้งวิ่งได้ไกลสุด 85 กม./ชาร์จ
- AJ EV Bike รุ่น C-LIKE ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2,000 วัตต์ สามารถวิ่งทำความเร็วได้ 60 กม./ชม. พร้อมทั้งวิ่งได้ไกล 120 กม./ชาร์จ
- AJ EV Bike รุ่น C-LION ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2,000 วัตต์ สามารถวิ่งทำความเร็วได้ 60 กม./ชม. พร้อมทั้งวิ่งได้ไกล 120 กม./ชาร์จ
- AJ EV Bike รุ่น Z3 ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2,000 วัตต์ สามารถวิ่งทำความเร็วได้ 70 กม./ชม. พร้อมทั้งวิ่งได้ไกล 120 กม./ชาร์จ ด้วยความเร็วไม่เกิน 35 กม./ชม.
AJ EV Bike
AJ EV Bike รุ่น Q5
39,900 บาท
AJ EV Bike รุ่น C-LIKE
39,900 บาท
AJ EV Bike รุ่น C-LION
44,900 บาท
AJ EV Bike รุ่น Z3
49,900 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้ง 4 แบรนด์ที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าในอนาคตจะต้องมีแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเยอะขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน รวมไปถึงแบรนด์ระดับโลกที่ยังไม่เข้ามาเล่นในตลาดนี้อีกมากไม่ว่าจะเป็น Honda , Yamaha หรือ BMW และเราเชื่อว่าต่อไปราคาของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะต้องจับต้องได้ง่ายขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน