รู้จัก ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำอัดลมหลายแบรนด์ดังในไทย
14 เม.ย. 2022
รู้จัก ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำอัดลมหลายแบรนด์ดังในไทย | BrandCase
ถ้าถามว่า ธุรกิจที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานมีอะไรบ้าง ?
หนึ่งในนั้นน่าจะมีธุรกิจน้ำอัดลมอยู่ด้วย ซึ่งพอพูดถึงน้ำอัดลมที่หลายคนคุ้นเคย
แบรนด์ Coca-Cola หรือที่คนไทยมักเรียกติดปากว่า “โค้ก”
ซึ่งรู้หรือไม่ว่า “ไทยน้ำทิพย์” ถือว่าเป็นบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกเครื่องดื่มโค้กในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ..
จริง ๆ แล้ว โค้ก เข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2492 หรือเมื่อ 73 ปีที่แล้ว
โดยตั้งโรงงานผลิตแห่งแรกที่ถนนหลานหลวง ในกรุงเทพมหานคร
ซึ่งในสมัยนั้น โค้กขายในราคาเพียงขวดละ 1 บาท ขนาด 6.5 ออนซ์
ด้วยราคาที่ย่อมเยา หาซื้อได้ง่าย
คนไทยสมัยนั้น มักเห็นสัญลักษณ์ของโค้ก แทรกซึมไปอยู่ในเกือบทุกที่ สามารถเห็นได้ง่าย ทำให้โค้กเริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในปี 2502 กลุ่มนักธุรกิจชาวไทยตระกูลสารสิน, เคียงศิริ และบุญสูง ได้ร่วมกับ บริษัท โคคา-โคลา เอ็กซ์ปอร์ตคอร์ปอเรชั่น เปิดบริษัทผู้บรรจุขวดรายแรกของประเทศไทย
บริษัทนั้นชื่อว่า บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด
เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจของไทยน้ำทิพย์ก็เจริญเติบโต ตามตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเต็มรูปแบบ
รวมทั้ง การผลิตน้ำอัดลมแบรนด์อื่น ๆ ตามมาอีกหลายแบรนด์
ไม่ว่าจะเป็นโค้ก ซีโร่, โค้ก ไลท์, แฟนต้า, สไปรท์, ชเวปส์, รูตเบียร์ เอ แอนด์ ดับบลิว, น้ำส้มมินิทเมด สแปลช, มินิทเมด พัลพิ รวมไปถึงน้ำดื่มแบรนด์ น้ำทิพย์
แล้วรายได้ของ กลุ่มไทยน้ำทิพย์ เป็นอย่างไร ?
- บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ทำธุรกิจบริหารจัดการด้านการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
ปี 2562 รายได้ 4,166 ล้านบาท กำไร 550 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 4,037 ล้านบาท กำไร 498 ล้านบาท
- บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอมเมอร์เชียล จำกัด ทำธุรกิจขายปลีกเครื่องดื่ม
ปี 2562 รายได้ 34,494 ล้านบาท กำไร 2,113 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 34,786 ล้านบาท กำไร 2,161 ล้านบาท
- บริษัท ไทยน้ำทิพย์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม
ปี 2562 รายได้ 21,136 ล้านบาท กำไร 476 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 21,346 ล้านบาท กำไร 998 ล้านบาท
สำหรับอุตสาหกรรมน้ำอัดลมในประเทศไทย หรือหลาย ๆ ที่ทั่วโลก
แม้จะมีสินค้าในตลาดที่มีลักษณะคล้ายกัน ๆ หรือต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly) และมีโอกาสที่คู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้นได้ยาก
แต่ปัจจุบันในประเทศไทย มีผู้ผลิตและจำหน่ายโค้กเพียง 2 บริษัทเท่านั้น
คือ เครือบริษัท ไทยน้ำทิพย์
และ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)
แม้จะขายโค้กเหมือนกัน แต่ความแตกต่างกันคือ พื้นที่ขายของทั้ง 2 บริษัท
โดย ไทยน้ำทิพย์ จะผลิตและจำหน่าย โค้ก
ในทุกจังหวัดของประเทศ ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ ส่วนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นพื้นที่จำหน่ายของ “หาดทิพย์” นั่นเอง
ในขณะเดียวกัน บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จะทำหน้าที่เป็นเพียงเจ้าของแบรนด์ ที่รับผิดชอบในกิจกรรมการตลาดเท่านั้น
โดยยกหน้าที่การผลิตและการจำหน่าย ให้กับไทยน้ำทิพย์ และหาดทิพย์
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
จากข้อมูล Statista พบว่าปี 2563 แบรนด์น้ำอัดลมที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศไทยคือ โค้ก
โดยครองส่วนแบ่งตลาด 37% ตามมาด้วย เป๊ปซี่ 22% และแฟนต้า 14%
References:
-แบบฟอร์ม 56-1 ปี 2563, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)
-//www.thainamthip.co.th/company/history
-//www.statista.com/statistics/1106249/thailand-value-share-of-carbonated-drinks-market-by-major-brands/
Tag:รู้จัก ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำอัดลมหลายแบรนด์ดังในไทย
เราให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกับผู้ใช้ ดูรายละเอียด นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกับผู้ใช้ ดูรายละเอียด นโยบายความเป็นส่วนตัว
คุณเคยสังเกตข้างขวดไหมว่า เวลาดื่มโค้ก, แฟนต้า, สไปร์ท, ชเวปส์, รูทเบียร์ เอ แอนด์ ดับบลิว, มินิเมด สแปลช, มินิเมด พัลพิ, มินิเมด ไวตา คิดส์, อควาเรียส และน้ำดื่มน้ำทิพย์ บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายคือใครคนกรุงเทพ อีสาน เหนือ ตะวันออก ตะวันตก อาจจะมีคำตอบเดียวกันว่า “ไทยน้ำทิพย์” ไง จะใครล่ะ
แต่คนภาคใต้อาจจะบอกว่า บ้านฉันมาจากหาดทิพย์ต่างหาก
คนละบริษัทกันอย่างนี้ แล้วใครเป็นผู้ผลิตที่แท้จริงล่ะ?????
แล้วบริษัท โคคา-โคล่า ประเทศไทย เขาทำอะไร
เราอยากจะบอกว่า ไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ เป็นผู้ผลิตที่ถูกต้องทั้งคู่ นั่นแหละ
ส่วนบริษัท โคคา-โคลา ประเทศไทย ก็เป็นเพียงเจ้าของแบรนด์ ที่รับผิดชอบในกิจกรรมการตลาดเท่านั้น
และที่สำคัญ ทั้งไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ โคคา-โคลา ประเทศไทย เสียด้วย แถมยังแยกบริหารขาดจากกัน เพราะไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์มีผู้ก่อตั้งมาจากคนละตระกูลกัน แถมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการและผู้บริหารคนละชุดกันเสียด้วย
แต่ไทยน้ำทิพย์เกิดก่อน และถือเป็นผู้บุกเบิกเครื่องดื่มโค้กในประเทศไทย โดยเริ่มต้นธุรกิจในปี 2502 ในเขตกรุงเทพมหานคร
และ 10 ปีต่อมา หาดทิพย์นำโค้กมาจำหน่ายในภาคใต้ปี 2512 จากการขอลิขสิทธิ์การผลิตจากโคคา-โคลา คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา) เมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย
เมื่อทั้ง 2 บริษัท เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่ถูกต้อง ทำให้ไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ ต้องแบ่งพื้นที่จัดจำหน่ายอย่างชัดเจน โดยไทยน้ำทิพย์ได้พื้นที่ 63 จังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก ตะวันตกไป ส่วนหาดทิพย์ก็ขอยึดหัวหาด 14 จังหวัดภาคใต้เช่นกัน
ไทยน้ำทิพย์กับหาดทิพย์ มีรายได้เท่าไร และมีต้นกำเนิดอย่างไร เราไปดูกัน
เริ่มจากไทยน้ำทิพย์ก่อน
ไทยน้ำทิพย์ มีต้นกำเนิดมาจาก 3 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลสารสิน ตระกูลเคียงศิริ และตระกูลบุญสูง ร่วมกับบริษัท โคคา-โคลา เอ็กซ์ปอร์ตคอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดตั้ง บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ในปี 2502 เพื่อทำธุรกิจโคคา-โคลา หรือโค้กในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่โคคา-โคลา เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2491
การเริ่มต้นของธุรกิจไทยน้ำทิพย์มี ฯพณฯ พจน์ สารสิน เป็นผู้บริหารหลักที่วางรากฐานให้กับธุรกิจไทยน้ำทิพย์ ก่อนที่จะส่งต่อให้พงส์ สารสิน ลูกชายคนโตรับไม้ต่อ
ปัจจุบันไทยน้ำทิพย์บริหารโดย พรวุฒิ สารสิน ลูกชายคนเดียวของพงส์ สารสิน นั่งประธานกรรมการ
และในไทยน้ำทิพย์ยังมีตระกูลบุญสูง เคียงศิริ และโคคา-โคลา (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทด้วยเช่นกัน
ในวันนี้อาณาจักรของกลุ่มไทยน้ำทิพย์ประกอบด้วยบริษัทที่สำคัญ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัทไทยน้ำทิพย์ คอมเมอร์เชียล จำกัด และบริษัท ไทยน้ำทิพย์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบว่า กลุ่มไทยน้ำทิพย์มีรายได้จาก 3 บริษัท ในปีที่ผ่านมารวมกันได้มากถึง 58,877 ล้านบาท กำไร 5,599 ล้านบาท
แบ่งเป็น
บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด
2559 รายได้ 3,863 ล้านบาท กำไร 433 ล้านบาท
2560 รายได้ 5,091 ล้านบาท กำไร 1,878 ล้านบาท
2561 รายได้ 7,064 ล้านบาท กำไร 3,536 ล้านบาท
บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอมเมอร์เชียล จำกัด
2559 รายได้ 32,122 ล้านบาท กำไร 1,444 ล้านบาท
2560 รายได้ 30,892 ล้านบาท กำไร 1,683 ล้านบาท
2561 รายได้ 31,689 ล้านบาท กำไร 1,514 ล้านบาท
บริษัท ไทยน้ำทิพย์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
2559 รายได้ 20,534 ล้านบาท กำไร 595 ล้านบาท
2560 รายได้ 19,713 ล้านบาท กำไร 261 ล้านบาท
2561 รายได้ 20,124 ล้านบาท กำไร 548 ล้านบาท
ส่วน บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ที่ดูแลโค้กภาคใต้ทั้งหมด มีต้นกำเนิด และรายได้เท่าไร
บริษัทหาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ได้รับลิขสิทธิ์โดยตรงจากโคคา-โคลา คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา) ให้เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม โคคา-โคลา ได้ทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้
โดยการกำเนิดของหาดทิพย์มาจากบริษัท นครทิพย์ จำกัด นักธุรกิจภาคใต้ที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก โคคา-โคลา คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา) ในการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มโค้กใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา, สตูล และยะลา ตั้งแต่ปี 2512 และไทยธนา จำกัด ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา พร้อมด้วยร้อยตรีไพโรจน์ รัตตกุล และวิไล รัตตกุล
ในปีที่ผ่านมา หาดทิพย์มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,704 ล้านบาท กำไร 249 ล้านบาท มาจากธุรกิจ น้ำอัดลม 5,401 ล้านบาท และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำอัดลม 303 ล้านบาท
แม้ทั้ง 2 บริษัทต่างเดินเกมกันคนละพื้นที่ แต่อย่างที่เราได้บอกไปตั้งแต่ต้นว่าการบริหารการตลาดและสร้างแบรนด์ทั้งหมดก็ยังต้องเป็นของ โคคา-โคลา (ประเทศไทย)
ซึ่งในปีที่ผ่านมา ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์พบว่า โคคา-โคลา (ประเทศไทย) มีรายได้ทั้งสิ้น 2,061 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากการขายวัตถุดิบการผลิตและอื่นๆ ให้กับทั้ง 2 บริษัทเพื่อผลิตเป็นโค้ก และเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้องออกจำหน่ายให้กับผู้บริโภคต่อไป