เบนซ์ 190e วาง เครื่อง อะไร ดี

ในรายชื่อรถยนต์ที่ดีที่สุดของ Mercedes-Benz หนึ่งในนั้นจะต้องมีรุ่น W201 Mercedes 190 series เวอร์ชันพิเศษ Cosworth ที่ทั้งแรร์และเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก มันคือรถ Road-legal ที่ถูกสร้างจากต้นแบบสำหรับลงแข่งรายการ Deutsche Tourenwagen Meisterschaft (DTM) เพื่อแข่งกันชิงตำแหน่งแชมป์กับ BMW M3 อย่างดุเดือดตลอดยุค ’80s – 90s

Mercedes-Benz 190 E Cosworth เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Mercedes-Benz และสำนักแต่งรถชื่อดังจากอังกฤษ ‘Cosworth’ ซึ่งในช่วงปี 1980s เป็นครั้งแรกที่ค่ายตราดาวเปิดตัวรถซีดานหรูขนาด Compact ก่อนหน้าที่จะมี C-Class ในอีกหลายปีต่อมา ผลงานการออกแบบโดย Bruno Sacco หัวหน้าฝ่ายออกแบบผู้สร้างผลงานระดับตำนานมากมายในช่วง 1975 – 1999 ไม่ว่าจะเป็น S-Class W126, W140 รวมถึง R129 SL convertible ซึ่งเกือบทุกรุ่นที่ผ่านมือล้วนถูกยกย่องว่าเป็น ‘over-engineered’ ทั้งสิ้น

ใน W201 190 E ใช้ตัวถังที่พัฒนาจากวัสดุ light-weight high-strength steel มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมากมายตั้งแต่ airbags, ABS brakes, anti-roll bars หน้าหลัง ช่วงล่างหลัง multi-link และตัวอักษร E ในโมเดลนี้ไม่ใช่ E-Class แต่มาจากคำว่า “Einspritzung” หรือระบบหัวฉีด ทำให้มันมีพละกำลังมากกว่ารถหลาย ๆ รุ่นในยุคนั้น มีการพัฒนาตลอดเครื่องยนต์ตลอดอายุทำตลาดตั้งแต่ปี 1982 – 1993 สร้างยอดขายถล่มทลายไปเกือบสองล้านคัน

ด้วยความเป็นโมเดลยอดนิยม Mercedes-Benz จึงแพลนจะสร้างเรื่องราวต่อยอดขึ้นไป ด้วยการตั้งโปรเจคนำ 190 E ไปลงแข่งอวดความล้ำหน้าในรายการ Rally แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสสนามแข่งก็ต้องเปลี่ยนใจ เมื่อ Audi ดันมาเปิดตัวมาด้วยเครื่องยนต์ turbocharged พร้อมระบบ Quattro 4WD เป็นครั้งแรก

เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ NA ขับเคลื่อนล้อหลังของตัวเอง ก็รู้ทันทีว่าอาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะพัฒนา 190 E เพื่อลงแข่งขันได้ทัน จึงเปลี่ยนเป้าหมายหันไปส่งรถ 190 E เพื่อต่อกรกับ E30 BMW M3 ในรายการ DTM racing series แทน ซึ่งดูจะเหมาะสมกับพื้นฐานของรถและทำได้ง่ายกว่า

Mercedes-Benz จึงตัดสินใจมองหา partner ที่เชี่ยวชาญในวงการ motorsport สามารถปลุกเสกรถบ้านให้แรงพร้อมลงสนามแข่งได้ในเวลาอันสั้น หันไปจับมือกับ Cosworth เพื่อสร้างรถแข่ง touring พร้อมโมดิฟายขุมพลัง 2.3-liter M102 four-cylinder 8-valve 136 hp ด้วยการสร้างฝาสูบใหม่จาก light alloy ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในเครื่องยนต์ใหม่หมด พร้อมอัพเกรด dual overhead camshafts และเพิ่มจำนวนเป็น 4 valves ต่อสูบ กลายเป็นขุมพลัง track-ready 2.3-liter 16-valve I6 Dry Sump, Kugelfischer fuel injection

แต่ด้วยข้อบังคับของ DTM homologation requirements ทำให้ Mercedes-Benz ต้องผลิตรถรหัส 190 E 2.3-16 ออกมาวางขายราว 500 คัน โดยมีการ detuned ความแรงลง รวมถึงถอดเอาเทคโนโลยีบางอย่างเช่น Dry Sump ออก แต่มันก็ยังคงเป็นรถบ้านที่มากับสมรรถนะ 183 hp 236 Nm of torque 0-100 km/h ไม่ถึง 8 วินาที ความเร็วสูงสุดถึง 230 km/h

ด้วยตัวเลขที่น่าสนใจในบอดี้ที่ฮอตฮิต มันจึงขายหมดภายในเวลาชั่วพริบตา ด้วยชื่อเสียงในการเป็นรถขับสนุก สมถรรนะดี ทำให้ในปี 1988 มันถูกอัพเกรดเครื่องยนต์อีกครั้งเพิ่มความจุเป็น 2.5-liter 16-valve 201 hp และใช้รหัสว่า 190 E 2.5-16 เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับแฟน motorsport อีกครั้ง

ในปี 1989 เมื่อคู่แข่งโดยตรง BMW เปิดตัว M3 Sport Evolution ออกมา แน่นอนว่า Mercedes-Benz ต้องรีบขยับตาม เป็นที่มาของโมเดล 190 E 2.5-16 Evolution ต่อมาถูกเรียกว่า Evo I แตกต่างจาก 2.5-16 ด้วยการเสริมชุดแต่งที่ดูดุดันมากขึ้น มี rear spoiler ใหญ่ขึ้น ซุ้มล่อที่กว้างขึ้น รวมถึงการอัพเกรดชุดเบรกและช่วงล่าง adjustable suspension ที่ปรับระดับความเตี้ยและหนึบได้จากสวิตซ์ในห้องโดยสาร

เครื่องยนต์ให้พละกำลัง 201 hp เท่าเดิม แต่ผ่านการปรับแต่งลดระยะชัก (Stroke) ให้สั้นลงเพื่อแรงบิดที่จัดจ้านและลากรอบได้สูงขึ้น ถูกผลิตออกมาทั้งหมด 502 คัน ตามกฎ homologation

ต่อมาในปี 1990 มีการพัฒนาไปอีกขั้นกับรหัส 190 E 2.5-16 Evolution II ซึ่งเป็น edition สุดท้ายของตระกูล W201 ถูกผลิตออกมาวางขายอีก 502 คัน ซึ่งถูกจองหมดตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดตัว โดยคราวนี้มาพร้อม AMG PowerPack เป็นมาตรฐาน เครื่องยนต์ short-stroke 2.5-liter inline-four ให้กำลังสูงสุด 232 hp แรงบิด 245 Nm ภาพนอกมีการออกแบบ body kit ใหม่รอบคัน ซึ่งโหดและดุดันยิ่งกว่า Evo I ตามหลักการวิทยาศาสตร์ทุกอย่างโดย Prof. Richard Eppler จาก University of Stuttgart ล้อขนาด 17 นิ้ว ด้านท้ายรถเตะตาด้วย adjustable rear wing ขนาดใหญ่แบบสปอร์ต ซุ้มล้อใหญ่ขึ้น สเกิร์ตรอบคันออกแบบใหม่หมด ซึ่งไม่ใช่แค่แต่งให้ดูเก๋า แต่มันช่วยลด drag ลงเหลือเพียง 0.29 Cd แถมยังมี downforce เพิ่มขึ้น

ด้วยจำนวนที่มีจำกัด และดีไซน์ที่มาพร้อมชุดแต่งที่แตกต่างจากโมเดลอื่น ๆ ทำให้มูลค่าของ 1990 Mercedes-Benz 190E 2.5-16 Evolution II ยังคงสูงมากอยู่ถึงวันนี้ โดยตัวเลขอ้างอิงจากการประมูลในปีที่ผ่านมาทาง Bringatrailer จบด้วยราคาสูงถึง $199,000 หรือเกือบ 7 ล้านบาทเลยทีเดียว

ดังนั้นถ้ามีใครถามว่าซื้อรถรุ่นไหนแล้วจะทำกำไรได้ บอกเลยว่า Mercedes-Benz 190 E 2.5-16 Evolution II นี่แหละคือ Iconic Cars ที่น่าสะสมอีกรุ่นนึง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita