เบนซ์กับบีเอ็มอันไหนแพงกว่ากัน



เปิด 3 ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้ค่ายใบพัดฟ้าขาว “บีเอ็มดับเบิลยู” กลับมาทวงตำแหน่งแชมป์ยอดขายรถยนต์หรูของประเทศไทยได้อีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งตลอดกาลอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนานถึง 19 ปี





สำหรับในปี 2020 ยอดขายอย่างเป็นทางการที่มีการประกาศโดยผู้ผลิตบีเอ็มดับเบิลยู มียอดขายทั้งสิ้น 11,242 คัน ลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นยอดขายที่ไม่รวมแบรนด์ในเครืออย่าง มินิ ที่มียอดขาย 1,184 คัน ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 10,613 คัน ลดลง 29.7%

ดังนั้นจึงเป็นอันชัดเจนว่า ในปีนี้แชมป์ยอดขายตลาดรถยนต์หรูของไทย มีการเปลี่ยนมือมาเป็นบีเอ็มดับเบิลยู โดยทีมงานเอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูประสบความสำเร็จในปีนี้ รวมถึงการเดินหมากที่เรียกว่า “ผิดทาง” ของค่ายแห่งดวงดาว จากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ลองติดตามกันดู



รถใหม่

สิ่งสำคัญที่สุดในการเพิ่มยอดขายหรือรักษายอดขายท่ามกลางวิกฤต แน่นอนที่สุดคือ ผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปี 2020 นี้นับเป็นจังหวะที่ดีงามที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู เนื่องจากรถรุ่นที่ขายดีที่สุดเป็นตัวหลักในการทำยอดมาโดยตลอดอย่าง ซีรีส์ 3 นั้น เวียนมาบรรจบกับการเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศ เมื่อเดือนมีนาคม ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด ทำให้มีราคาถูกลงกว่ารุ่นนำเข้าถึงกว่า 400,000 บาท โดยมีราคาที่ 2,519,000 บาท ในรุ่น 320d และ 2,769,000 บาท ในรุ่น 330e

เช่นเดียวกับรุ่น เอ็กซ์ 1 ที่มีการทำราคารุ่นเริ่มต้นให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาท พร้อมกับการไมเนอร์เชนจ์ปรับโฉมกระตุ้นความสดใหม่ รวมถึงการมีรถรุ่นอื่นๆ ทยอยออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่รุ่นที่โกยยอดขายเป็นกอบเป็นกำ แต่ส่งผลในแง่ของจิตวิทยาได้เป็นอย่างดี เหนืออื่นใดคือ การมีรถพร้อมส่งมอบ ลูกค้าไม่ต้องรอนาน จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยูรักษาระดับการขายเอาไว้ได้โดยลดลงเพียง 4.3%



ในทางกลับกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในปี 2020 ที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นปีที่ผิดแผนในหลายจุด โดยเฉพาะเรื่องของรถใหม่ ที่เป็นจังหวะของการเปลี่ยนโมเดลในการทำตลาดของตัวขายที่สำคัญอย่าง ซีแอลเอ (CLA) ที่มีการหยุดทำตลาดไปและมีรุ่น เอ-คลาส มาทำตลาดเป็นหลักแทนด้วยรุ่นนำเข้าตั้งแต่เมื่อปี 2019 โดยในปี 2020 นั้น เอ-คลาสจะมีรุ่นประกอบในประเทศออกจำหน่าย ซีแอลเอ จึงถูกถอดจากไลน์อัพการขายไปและไม่มีรถส่งมอบ

เช่นเดียวกับ เอ-คลาส รุ่นนำเข้าจำเป็นต้องชะลอการนำเข้า เพื่อรักษาระดับสต๊อกให้สมดุลกับยอดขาย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดทำให้ประเมินยาก และกว่าที่รุ่นประกอบในประเทศ จะมีการเปิดตัว ก็ล่วงเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2020 ทำให้แม้จะมียอดสั่งจองเข้ามาแต่ดีลเลอร์ ไม่สามารถหารถส่งมอบให้ได้



เหนือสิ่งอื่นใด นอกจาก ซีแอลเอที่หายไป ยังมีอีกรุ่นที่หายไปเช่นเดียวกัน คือ จีแอลเอ (GLA) ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลที่ขายที่สุดในลำดับต้นๆ ของค่ายแห่งดวงดาว เนื่องจากถึงรอบของการเปลี่ยนโมเดลใหม่ โดยมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี พร้อมกับรุ่น เอ-คลาส ประกอบในประเทศ ดังนั้นตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา จีแอลเอ จึงต้องลดการผลิตลงเพราะอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนโมเดลใหม่ และไม่มีตัวนำเข้ามาทำตลาดก่อนเหมือนเช่นเคย (เนื่องจากโควิด) เพราะจะทำตลาดด้วยรุ่นประกอบในประเทศเพียงอย่างเดียว


ทั้งนี้ ยังมีเรื่องของการจะนำเข้ารถรุ่น EQC ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า 100% เข้ามาจำหน่ายภายใต้เงื่อนไขของการขอส่งเสริมการลงทุน แต่กลับมีปัญหาเรื่องจำนวนในการนำเข้ามา ส่งผลให้สุดท้ายแล้วเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องยุติแผนดังกล่าวไป ซึ่งยอดขายในรุ่นนี้ประเมินตามการขอนำเข้าคือราว 500 คัน ต้องหายไป

เมื่อ 2 โมเดลหลักที่ขายดี (เพราะเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ถูกที่สุดราคาราว 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่าย) ต้องขาดช่วงในการทำตลาดไป ส่วนรถรุ่นอื่นๆ ที่จะนำเข้ามาทำตลาดเสริมความคึกคักดันเกิดปัญหากับเงื่อนไขของรัฐ ดังนั้น ในแง่ของผลิตภัณฑ์ บีเอ็มดับเบิลยูจึงมีความพร้อมมากกว่าอย่างชัดเจน



โควิดระบาด

แน่นอนว่าปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ย่อมส่งผลกระทบไม่เลือกแบรนด์ โดยทุกคนต่างได้รับผลกระทบไม่แตกต่างกัน แต่สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ถือว่าหนักกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยนั้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว เมื่อโควิดระบาดทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก ได้รับผละกระทบอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้

แล้วเหตุใด เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงโดนหางเลขแบบตรงตัวด้วย เหตุผลง่ายๆ ยอดขายรถฟลีตที่ประจำโรงแรมต่างๆ รวมถึงสนามบินหรือรถเช่าระดับหรูนั้น ไม่ต้องบอกทุกท่านน่าจะทราบเป็นอย่างดีว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครองตลาดนี้มียอดขายเป็นกอบเป็นกำในทุกๆ ปี เนื่องจากรถประเภทนี้จะต้องมีการเปลี่ยนใหม่ เมื่อถึงกำหนดอายุการใช้งาน แต่ทว่าในปี 2020 นั้น แม้จะถึงกำหนดเปลี่ยนแต่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดสั่งซื้อหรือเปลี่ยนรถ เนื่องจากไม่มีลูกค้ามาใช้บริการนั่นเอง

ฉะนั้น ยอดขายของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์จำนวนมากจึงหดหายไปอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่บางคนอาจจะสงสัยว่าการไม่เข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นั้นส่งผลกระทบในแง่ของยอดขายด้วยหรือไม่


จากการสอบถามเชิงลึก ดีลเลอร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ระดับต้นๆ นั้น ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีผลกระทบในแง่ลบ ยอดขายไม่แตกต่าง เพราะมีการจัดงานที่โชว์รูมแทน ซึ่งกลับกลายเป็นผลดีมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องไปหั่นราคาขายแข่งกันในงานและเซลส์เข้าถึงตัวลูกค้าได้ดีกว่าด้วย



บริการหลังการขาย

สำหรับหัวข้อนี้หลายท่านอาจจะนึกไปถึงเรื่องของการนำรถเข้าศูนย์หรือการซ่อมบำรุงดูแล ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อรถสักหนึ่งคัน แต่ทว่าไม่ใช่ในคราวนี้เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์นี้ มีความแข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งศูนย์บริการและการดูแลลูกค้า แล้วเรากำลังพูดถึงอะไร?

ท่ามกลางภาวะวิกฤตของการมีโรคระบาดเช่นนี้ ปัจจัยที่ทำให้คนกล้าซื้อรถระดับหรูหราได้ คงไม่ใช่เรื่องความจำเป็น แต่คือเรื่องของ “สิทธิประโยชน์ด้านจิตใจ” ซึ่ง บีเอ็มดับเบิลยู ทำอย่างต่อเนื่องผ่านสิ่งโปรแกรม “BMW Ultimate Joy”



โปรแกรมดังกล่าวนี้จะให้สิทธิประโยชน์พิเศษสุดแก่ผู้ครอบครองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่น ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงคุณเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ก็มีสิทธิ์เข้าโปรแกรมนี้ได้ ซึ่งสิทธิประโยชน์จะเป็นในด้านของไลฟ์สไตล์ เช่น การไปตีกอล์ฟในสนามระดับโลก, การเข้าร่วมการวิ่งแข่งมาราธอนรายการระดับโลก หรือการไปเข้าร่วมอบรมการขับรถแข่งในสนามระดับโลก เป็นต้น กิจกรรมทั้งหมดนี้ต่อให้คุณมีเงินจ่ายก็ไม่สามารถไปทำเองได้ เนื่องจากเป็นกิจกรรมพิเศษเฉพาะลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู ในฐานะสปอนเซอร์ของการแข่งขันเท่านั้นจึงมีสิทธิเข้าร่วม

แม้ว่าในปีที่ผ่านมากิจกรรมเหล่านี้ต้องหยุดชะงักไม่สามารถไปทำได้ แต่ในแง่ของจิตใจแล้ว ลูกค้าที่เคยได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษเหล่านั้นต่างเกิดความชื่นชอบในแบรนด์และแน่นอนว่าต้องมีการบอกต่อ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งกลายเป็นการสื่อสารที่ทรงพลังไปถึงยังกลุ่มเพื่อนของตัวลูกค้าเองโดยอัตโนมัติ



สุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากกิจกรรมเหล่านี้คือ ความจงรักภักดีในแบรนด์ อันนำไปสู่ยอดขายที่สะท้อนให้เห็นในหัวงเวลาแบบนี้

จากปัจจัยหลัก 3 ประการทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู กลับมาคว้าแชมป์ยอดขายรถหรูได้ ซึ่งการเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การรักษาแชมป์นั้นยากกว่าแน่นอน เพราะในปี 2021 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีอาวุธหนักเตรียมพร้อมอย่างครบครัน ฉะนั้นการแข่งขันในตลาดรถหรูปีนี้จึงดุเดือดอย่างแน่นอน ทั้งยังต้องไม่ลืมผู้เล่นอย่าง “อาวดี้” ที่พร้อมสอดแทรกสร้างเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง


  • BMW
  • บีเอ็มดับเบิลยู
  • เมอร์เซเดส-เบนซ์
  • Mercedes-Benz

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita