ไกด์หมีพาเที่ยวกรุงเทพ 2 วัน 1 คืน หยุดสุดสัปดาห์เที่ยวกรุงเทพไม่ต้องลางาน เที่ยวใกล้ๆ ในกรุงเทพฯ เดินทางด้วยเรือใช้ชีวิตแบบวิถีชีวิตดั้งเดิม ลองเปลี่ยนบรรยากาศที่นอนสักคืนหนึ่งกับสไตล์ที่พักกรุงเทพฯ เก๋ๆ สุดคลาสสิก เพื่อเติมความสุขให้ตัวเองและครอบครัว
Must Do
ถ่ายรูปเก๋ๆ กับ
เดอะแก๊งค์ ที่จุดเช็คอิน คลองประเวศบุรีรมย์
ชมวิว ทิวทัศน์ และพันธุ์ไม้ต่างๆ ริมคลอง
เรียนรู้งานผ้าปักแบบท้องถิ่นกับ “ชมรมบ้านผ้าปักสุนิสา”
Cycling ออกกำลังในเส้นทางริมคลองเก่า
กิจกรรมเรียนรู้ ที่ ชุมชนบ้านเจียระไนพลอย
Must Go
ชมความงามของสิ่งก่อสร้างโบราณ สะพานไม้เก่าอายุกว่า 100 ปี (The Ole Wooden Bridge at Prawet)
นอนโรงแรมสุดคลาสสิก พระยาพาลาซโซ (Praya Palazzo) ในบรรยากาศริมน้ำ
Must Eat
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเคียงคลอง
รับประทานอาหารแบบ 5 ดาว ที่ พระยาไดน์นิ่ง (Praya Dining)
เที่ยวกรุงเทพฯ วันที่ 1
คลองประเวศบุรีรมย์
ไฮไลต์คือ สะพานไม้เก่าอายุกว่า 100 ปี (The Ole Wooden Bridge at Prawet) แลดูมีความขลังมิใช่น้อย
2 ฝั่งจะมีทางเล็กๆ สามารถมาปั่นจักรยานเล่นรับลมเย็น ได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำตลอดทาง เกร็ดประวัติเล็กๆ ของคลองแห่งนี้มีอยู่ว่า เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงต้องการใช้เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลบำรุงจากเมืองหลวงไปทำสงครามกับญวน ซึ่งรบกันในดินแดนลาวและเขมร ภายใต้การนำทัพของเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แต่ยังขุดไม่ทันเสร็จ รัชกาลที่ 3 ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ
ให้ พระยาประเวศบุรีรมย์ เป็นแม่กองคุมคนขุดคลองต่อจากที่ได้ขุดค้างไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เพื่อเปิดพื้นที่เพาะปลูกให้มากขึ้นในบริเวณสองฝั่งคลอง จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2423 รวมความยาวทั้งสิ้น 46 กิโลเมตร และด้วยเหตุนี้เองคลองแห่งนี้ จึงมีชื่อว่า คลองประเวศบุรีรมย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ใกล้ๆ กัน มีจุดเช็คอินให้ได้นั่งพัก ถ่ายรูปกับอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น กับเจ้าสะพานไม้เก่าอายุกว่า 100 ปี (The Ole Wooden Bridge at Prawet) ในสเกลย่อส่วน
เหมือนได้มาถึงสะพานนี้แล้วยังไงยังงั้นเลย ใกล้ๆ กันจะเห็นบ้านพร้อมเครื่องประดับแปลกๆ“ชมรมบ้านผ้าปักสุนิสา” แหล่งเรียนรู้ของคนในพื้นที่ ได้ถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ให้วิถีความเป็นอยู่ของท้องถิ่นไม่เลือนหายจางไป
มาเที่ยวคลองประเวศบุรีรมย์ ห้ามพลาด ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเคียงคลอง เหล่าคนรักเนื้อปลื้มแน่นอน เส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวนุ่มกำลังกิน เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ
หอมกรุ่นอย่างมีเอกลักษณ์ ท็อปด้วยเนื้อแสนละมุนตามคอนเซ็ปต์ของทางร้าน อร่อยแบบชามเดียวไม่พอ
บ้านเจียระไนพลอย
คลองประเวศบุรีรมย์ยังคงเสน่ห์และใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ชุมชนโบราณที่ยังคงวิถีชีวิตอันแสนเรียบง่ายมีกิจกรรมให้เราได้เรียนรู้ บ้านเจียระไนพลอย ใครสนใจเข้าชม หรือทำกิจกรรม Workshop สามารถติดต่อเข้ามาทางชุมชนได้เลยนะ ความประทับใจคือ คุณลุง คุณป้า แสนใจดี ที่คอยให้ข้อมูล ความรู้ และคอยเติมเต็มประสบการณ์อันแสนดี
โรงแรมพระยาพาลาซโซ
หลังจากเที่ยวเช็คอินคลองประเวศบุรีรัมย์กันแล้ว
ทริปนี้ผมขอเลือกที่พักให้เข้ากับบรรยากาศการเที่ยวหน่อย คือ โรงแรมพระยาพาลาซโซ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีบริการเรือรับส่งฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการเดินทางมาโรงแรมของผมคือขับรถส่วนตัว ไปจอดรถที่วัดราชาธิวาสวิหาร เดินไปท่าเรือวัดราชาธิวาสวิหาร แจ้งโรงแรมว่าเรามาถึงแล้วจากนั้นไม่นานเรือของโรงแรมก็มารับเรา
ที่ท่าเรือของโรงแรมพนักงานรอต้อนรับอย่างอบอุ่น ตัวอาคารสวยงามในสไตล์ พาลาดิโอ ผสมชิโน - โปรตุกีส ที่พักอบอวลไปด้วยบรรยากาศสุดแสนคลาสสิก ใครชอบถ่ายรูปรับรองว่าถูกใจโรงแรมนี้แน่นอน
ห้ามพลาดมื้อเย็นด้วยความอร่อยแบบ 5 ดาว ห้องพระยาไดน์นิ่ง เรียกได้ว่าเป็นค่ำคืนที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว
ขอสอดแทรกความเป็นมาของที่พักสักหน่อย “บ้านบางยี่ขัน” คือ ชื่อเดิมของโรงแรมพระยาพาลาซโซ แต่เดิมนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือนหอของพระยาชลภูมิพานิช (ไคตั๊ค อเนกวณิช) ขุนนางซึ่งรับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับคุณหญิงส่วนข้าหลวง ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เที่ยวกรุงเทพฯ วันที่ 2
อีกหนึ่งสิ่งห้ามพลาดหากได้มาพักที่ โรงแรมพระยาพาลาซโซ อาหารมื้อเช้าแสนอร่อยของทางโรงแรม มีเมนูให้เลือกเยอะเป็นสไตล์บุฟเฟ่ต์ อิ่มอร่อยได้ทุกอย่างแบบไม่อั้น ปิดทริปเที่ยวกรุงเทพฯ ด้วยการพักผ่อนกับครอบครัว เก็บความสบายจากการบริการที่ดีเยี่ยมจากพนักงานที่ดูแลเราอย่างดี และรูปภาพสวยๆ ในโรงแรมสุดคลาสสิกให้มากที่สุด
เที่ยวกรุงเทพฯ เป็นประสบการณ์ที่วิเศษจริงๆ เพราะนอกจากการได้เดินทางท่องเที่ยวออกไปสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ที่เราได้เคยเห็นแต่ในรูป หรือคำบอกเล่าจากคนรอบข้าง คือ มิตรภาพจากคนท้องถิ่นแสนใจดี รอยยิ้มจากพนักงานในโรงแรมทุกคน ความช่วยเหลือต่างๆ ที่เราได้รับ และสิ่งสำคัญคือ ช่วงเวลาอันสุดแสนพิเศษสำหรับครอบครัว จึงทำให้เราหลงรักการท่องเที่ยวมากขึ้นทุกวัน