Category Archives: :: เฉลยใบงานประวัติศาสตร์ ม.6 ::
06/08/2012 · 2:22 pm
:: ประว้ติศาสตร์หน้า 8 ::
- การเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ได้แก่
- ชักชวนให้ประชาชนเปลียนแปลงการแต่งกาย โดยหันมาสวมกางเกงและสวมเสื้อนอกผูกเนคไทตามแบบตะวันตก
- ประกาศยกเลิกพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
- ยกย่องสติว่ามีความสามารถและมีฐานะเท่าเทียมบุรุษ
- การจัดตั้งสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ เพื่อวางระเบียบประเพณีวัฒนธรรม
- จงยกตัวอย่างวัฒนธรรมไทย สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้แก่
- ลัทธิทหารนิยม ตั้งกรมยุวชนทหาร
- แนวคิดการสร้างชาติ
- รัฐนิยม
- รัฐนิยมซึ่งมีส่วนสร้างความทันสมัยในสังคมไทย
ได้แก่
- เปลี่ยนชื่อสยามเป้นไทย
- เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษา เป็น 1 มกรา
- เปลี่ยนเนื้อร้อง และทำนองเพลงชาติไทย และเพลงสรรเสริญพระบารมีให้เข้ากับชื่อใหม่ของประเทศ
- กำหนดวันชาติขึ้นใหม่เป็น 24 มิถุนายน
- ปรับปรุงวิถีชีวิตของคนในสังคม เช่น กำหนดให้ประชาชนเคารพธงชาติ เลิกกินหมาก พลู ใช้ช้อนส้อมแทนรับประทานด้วยมือ
- การใช้ภาษาเขียน และภาษาพูด รัฐบาลสั่งงดใช้สระ 5 ตัว พยัญชนะ 13 ตัว
- บังคับให้ใช้คำสรรพนามให้ถูกต้อง เช่น ฉันสำหรับ บุรุษที่ 1 ท่านสำหรับบุรุษที่ 2 และยกเลิกใช้ภาษาต่างประเทศทั้งหมด
- การล้มเลิกการพระราชทานราชทินนามเป้น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา ยกเลิกราชทินนามกลายเป็นนายกันหมด
- ปัญหาสังคมไทยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ ปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยภายใน ได้แก่ ปัญหาโจรผ้ร้าย การทุจริต ฉ้อราษฏร์บังหลวง
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีขึ้นในสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
- การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
คือ
- การขยายตัวด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาไปยังส่วนภูมิภาค มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัย 3 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
- เกิดภาวะความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคม
- การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก
- การหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตก
06/08/2012 · 2:21 pm
:: ประวัติศาสตร์หน้า 7 ::
- ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยดังนี้
- การใช้ พ.ร.บ.ประถมศึกษา พ.ศ.๒๔๖๔ เมื่อคนรุ่นใหม่ได้รับการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วิทยาการและวัฒนธรรมตะวันตกเข้าสู่เมืองไทยทั้งทางตรง และผ่านทางการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น
- มีการใช้นามสกุล
- แนวความคิดเรื่องการมีภรรยาเดียว
- จัดตั้งกองลูกเสือ
- เลิกบ่อนเบี้ย เลิกหวย ก ข ค
- ให้สตรีไว้ผมยาว
- สวมเสื้อแบบตะวันตก พร้อมผ้าซิ่น ผ้าถุงหรือกระโปรงและรองเท้า
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทย พ.ศ.2475 ถึงปัจจุบัน
- ผลกระทบของการปฏิวัติ พ.ศ.2475 ต่อสังคมไทย มีดังนี้
- มีการขยายการศึกษาอย่างกว้างขวางโดยเสมอภาค ไม่จำกัดเพศ เชื้อชาติและศาสนาตามกำลังภูมิปัญญาและทุนทรัพย์
- ระบบชนชั้นในสังคมไทยถูกยกเลิกไป รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่าบุคคลมีความเสมอภาคกันตามกฏหมาย
- ในด้านวัฒนธรรม มีการนำวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาใช้ในสังคมไทย โดยเฉพาะการแต่งกาย การรับประทานอาหาร การดำรงชีวิตที่มีการนำเทคโนโลยีแบบตะวันตกเข้ามาใช้
- หลัก 6 ประการของคณะราษฏรได้แก่
- เอกราช
- ความสงบภายใน
- การบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฏร หรือหลักเศรษฐกิจ
- สิทธิเสมอภาค
- เสรีภาพ
- การศึกษา
- การศึกษาเป็นนโยบายสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่
- การขยายการศึกษา
- ความเสมอภาคในสังคม
- การขยายการศึกษา ประกอบด้วย
- ประกาศใช้แผนการศึกษาชาติในปี พ.ศ.2475 เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับการศึกษา เพื่อเป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพ
- ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา 2478 ทำให้ทุกตำบลมีโรงเรียนและถือเป็นการศึกษาภาคบังคับ
- ในปี พ.ศ. 2486 ได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยชึ้นอีก 3 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ หรือมหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศีลปากร
06/08/2012 · 2:20 pm
- จงสรุปขั้นตอนของการเลิกทาส ตามลำดับ
- ออกพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไทย พ.ศ. 2417 มีผลให้ลูกทาสในเรือนเบี้ยและลูกไทย ส่วนหนึ่งสามารถหาเงินมาไถ่ตนได้ และพระราชบัญญัตินี้ยังบังคับให้ลูกทาสลูกไทยที่เกิดในปี พ.ศ. 2411 ปีที่รัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ เป็นอิสระในปี พ.ศ.2432 คือ เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์
- ในปี พ.ศ.2420 รัชกาลที่ 5 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ไถ่ทาส 44 คน เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ขุนนางในการเลิกทาส
- รัชกาลที่ 5 ทรงออกพระราชบัญญัติลักษณะทาส ซึ่งมีผลให้เลิกทาสในมณฑลต่างๆ ทั่วประเทศ
- รัชกาลที่ 5 ทรงออกพระราชบัญญัติทาส ร.ศ. 124 อันเป็นการบังคับให้เลิกทาสหมดทั้งประเทศ
- ผลกระทบของการเลิกทาสต่อสังคมไทย ได้แก่
- การเลิกทาสทำให้เกิดแรงงานอิสระ ไพร่กลายเป็นพลเมืองเสรีที่มีอิสระในการดำเนินชีวิตและอาชีพ
- เป็นผลดีต่อการปฏิรูประบบราชการแผ่นดินในรูปกระทราวง ทบวงและกรม
- ทำให้ราษฏรหันมาจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ทำให้พระองค์มีพระราชอำนาจมากขึ้น
- การเลิกระบบไพร่แล้วเปลี่ยนราษฏรมาเป็นทหารอย่างแท้จริง ทำให้เกิดกองทัพแผ่นใหม่
- การเลิกระบบไพร่และทาสทำให้รัชกาลที่ 5 สามารถลดอิทธิพล และอำนาจของขุนนางลงได้
- ปัจจัยผลักดันให้เกิดการปฏิรูปการศึกษา ได้แก่
- การเข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ของมิชชันนารี
- การเสด็จประพาสต่างประเทศของรัชกาลที่ 5 ทำให้ทรงพบเห็นความเจริญก้าวหน้าของต่างชาติ และเห็ความสำคัญของการจัดการศึกษา
- ความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสมัยใหม่
- จุดประสงค์ของการปฏิรูปการศึกษา ได้แก่
- เพื่อผลิตบุคลากรเข้ารับราชการเป็นสำคัญ
- การจัดการศึกษาในสมัยนี้ ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
- เปิดโอกาสให้คนสามัญเข้ารับราชการได้
- สามัญชนมีโอกาสเลื่อนฐานะในสังคมของตนได้
- การปฏิรูปการยุติธรรมและกฎหมายในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่
- ตั้งกระทรวงยุติธรรม
- ตราพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
- การชำระกฏหมาย
06/08/2012 · 2:17 pm
:: ประวัติศาสตร์หน้า 5 ::
การปฏิรูปสังคมสมัยรัชกาลที่ 5
- สาเหตุสำคัญของการปฏิรูปสังคมสมัยรัชกาลที่ 5 คือ
- สภาพสังคมไทยยุคใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนกฏระเบียบของสังคมเดิมไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมไท เช่น ระบบการคุมกำลังคน ระบบกฏหมาย ระบบการศึกษา
- เพื่อให้รอดพ้นจากภัยคุกคามจากจักรวรรดินิยมตะวันตก
- เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ราชบัลลังก์ เอกภาพและเอกราชของชาติ
- เพื่อลดทอนอิทธิพลอำนาจของขุนนาง
- การปฏิรูปสังคมที่สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ การเลิกไพร่ และการเลิกทาส
- สาเหตุสำคัญของการเลิกไพร่สมัยรัชกาลที่ 5 คืออะไร
- ระบบการควบคุมไพร่ที่มีมาแต่เดิมไร้ประสิทธิภาพ พระมหากษัตริย์ไม่สามารถควบคุมคนได้ ขณะทีมูลนายอื่นได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากไพร่ และใช้ไพร่เป็นฐานอำนาจทางการเมือง
- ไพร่บางพวกได้รับการกดขี่จากมูลนาย หนีเข้าป่า
- การเกิดวิกฤติการณ์วังหน้า พ.ศ. 2417 เป็นเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า ไพร่พลที่ถูกผึกหัดตามแบบทหารตะวันตก สามารถสร้างความไม่มั่นคงให้แก่ราชบัลลังก์ได้
- การทำสนธิสัญญาเบาริงกับอังกฤษ ทำให้เกิดการขยายตัวทาการค้า โดยเฉพาะข้าว ทำให้ความต้องการแรงงานสูงขึ้น
- การคุกคามจากลัทธิจักรวรรดินิยม มองว่า ไพร่ การเกณฑ์แรงงาน การสักเลกเป็นเรื่องเลวร้าย
- ความจำเป็นที่ต้องใช้แรงงานเกณฑ์ไพร่ลดความต้องการลง เพราะคนจีน มีค่าแรงถูกและมีประสิทธิภาพกว่าไพร่
- เพื่อลดทอนอิทธิพลอำนาจมูลนาย / ขุนนาง ให้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของพระมหากษัตริย์
- ขั้นตอนการเลิกไพร่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่
- การแก้ไขปรับปรุงระเบียบบริหารในกรมพระสุรัสวดี ปิดทางไม่ให้มูลนายทุจริตหาประโยชน์จากไพร่
- การฟื่นฟูกรมทหารหน้า ซึ่งพระมหากษัตริย์ควบคุมโดยตรง
- การควบคุมคนให้ขึ้นสังกัด ตามท้องที่การทำสำมะโนครัว โดยมีข้าราชการท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล และเป็นการยกเลิกการควบตุมไพร่ผ่านมูลนาย
- พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์จ้าง พ.ศ. 2443 กำหนดว่า การเกณฑ์แรงงานถ้าไม่ใช่เพื่อป้องกันราชอาณาจักร ต้องให้ค่าจ้างแก่ผู้ถูกเกณฑ์
- พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร พ.ศ. 2448 กำหนดให้ชายฉกรรจ์ทุกคนอายุ 18-60 ปีต้องเป็นทหาร กฏหมายฉบับนี้เป็นขั้นตอนสุดทด้ายของการยกเลิกการควบคุมไพร่แบบเดิม
- สาเหตุสำคัญของการเลิกทาส คือ
- การเสด็จประพาสต่างประเทศทำให้รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นความเจริญด้านการปกครองและสถานภาพของประชาชนประเทศ อื่นๆ การที่ไทยมีทาสทำให้ถูกดูถูกว่าป่าเถื่อนล้าหลัง
- ปัญหาเกี่ยวกับทาส เช่น การกดขี่ข่มเหง การพิพาทระหว่างนายเงินและทาส
06/08/2012 · 2:02 pm
:: ประวัติศาสตร์ หน้า 4 ::
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทยสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 6
- ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทยยุคใหม่ ได้แก่ ระบบสังคมเดิมมีจุดอ่อน
- ระบบสังคมเดิมมีจุดอ่อนอย่างไร และเพราะสาเหตุใด ระบบการควบคุมกำลังคนในระบบไพร่เริ่มเสื่อมประสิทธิภาพเพราะ
- สภาพสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเปลี่ยนไป ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังคนมากเหมือนในอดีต
- กลไกของรัฐบาลในการควบคุมไพร่เสื่อมลง ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกแก่มูลนาย
- การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ จากพึ่งตนเองมาเป็นการค้า ข้าวเป็นสินค้าออกสำคัญ ระบบไพร่เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มการผลิต
- ปัจจัยภายนอกที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมคือ อิทธิพลตะวันตก
- อิทธิพลตะวันตกที่สำคัญที่แพร่เข้าสู่ประเทศไทยมี 3 ประการ คือ
- การปฏิวัติอุตสาหกรรม
- การปกครองระบบประชาธิปไตย
- ลัทธิจักรวรรดินิยมและการล่าเมืองขึ้น
การปรับตัวของสังคมไทยสมัยรัชกาลที่ 4
- รัชกาลที่ 4
ถือเป็นยุคหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างระบบเก่าและระบบใหม่ ได้มีการปรับตัวทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่
- ประกาศยกเลิกการยิงกระสุนและอนุญาตให้ราษฏรเข้าเฝ้าในเวลาเสด็จพระราชดำเนิน
- ออกหมายประกาศรับฏีกาจากราษฏรเดือนละ 4 ครั้ง
- ให้สิทธิผู้หญิงในด้านต่างๆ เช่น การสมรส การศึกษา
- ประกาศให้ราษฏรทำงานกับฝรั่งได้ เป็นการเปลี่ยนค่านิยมของสังคมไทย
- สถาบันหนังสือพิมพ์เริ่มมีบทบาท ในสมัย รัชกาลที่ 4 มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้แก่ บางกอกรีคอร์เดอร์ บางกอกคาเลนดาร์ สยามไทม์สวีคลี ซึ่งล้วนเป็นของมิชชันนารี
06/08/2012 · 1:48 pm
:: ประวัติศาสตร์ หน้า 3 ::
ความสัมพันธ์ของชนชั้นต่างๆ ในสังคม
- ความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างชนชั้นในอดีตเป็นไปโดยผ่านการควบคุมในระบบ มูลนาย ไพร่ และเป็นความสัมพันธ์ในระบบอุปถัมภ์
- ลักษณะของการควบคุมภายใต้ระบบมูลนายไพร่ของสังคมไทยเป็นอย่างไร ไพร่ต้องจงรักภักดีต่อมูลนาย และมูลนายต้องให้ความคุ้มครองไพร่ การควบคุมภายใต้ระบบมูลนายไพร่ จึงแบ่งคนในสังคมเป็น 2 ชนชั้น คือ มูลนาย และไพร่
- ความสัมพันธ์ในระบบอุปถัมภ์มีลักษณะ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ไม่ใช่ญาติ และผู้หนึ่งอยู่ในฐานะเหนือกว่าาอีกผู้หนึ่ง โดยเฉพาะระบบมูลนาย กับไพร่ หรือที่เรียกว่า ผู้อุปถัมภ์กับผู้ใต้อุปถัมภ์
- ผลกระทบของระบบอุปถัมภ์ต่อสังคมไทย ได้แก่
- ทำให้สังคมไทยเป็สังคมที่เน้นเรื่องความแตกต่างในฐานะของคนในสังคมเป็นสำคัญ
- ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยึดตัวบุคคลเป็นสำคัญมากกว่ากฏเกณฑ์หรือระเบียบใดๆ
- ทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่เน้นการพึ่งพาผู้อื่นเป็นสำคัญ
- ระบบอุปถัมภ์นำไปสู่การเกิดระบบเส้นสายในสมัยต่อมา
- จงอธิบายการเลื่อนฐานะของคนในสังคมไทย
- เป็นไปได้ยากโดยเฉพาะจากไพร่สู่ขุนนาง ขึ้นกับพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้แต่งตั้ง ตำแหน่งขุนนางเป็นตำแหน่งที่เปิดโอกาสให้เฉพาะบุตรหลานในแวดวงของขุนนางหรือเจ้านาย แต่บรรดาขุนนางก็อาจถูกถอดถอนได้ เช่น ทุจริตในหน้าที่ หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กดขี่ข่มเหงหรือกรรโชกไพร่ เป็นต้น
- ทาสมีโอกาสเป็นอิสระได้ เมื่อนายเงินอนุญาตให้บวช / พ่อหรือพี่น้อง ลุกหลานนายเงินเอาทาสเป็นภรรยา / ทาสไถ่ถอนตนเอง
- พระสงฆ์เมื่อลาสิกขาบทก็คืนสู่สภาพเดิม เช่น คืนสู่การเป็นไพร่ หรือเป็นไทยหลุดพ้นจากการเป็นทาส
- การเลื่อนฐานะทางสังคมครั้งสำคัญๆ จะเกิดขึ้นเมื่่อมีการเปลี่ยนแปลงทารการเมือง เพราะผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองได้สำเร็จก็สถาปนาตนเป็นกษัตริย์ และแต่งตั้งญาติให้มีฐานะเป็นเจ้า และแต่งตั้งผู้ช่วยเหลือให้เป็นขุนนาง เป็นต้น
06/08/2012 · 12:45 pm
:: ประวัติศาสตร์ หน้า 2 ::
- การแบ่งสมาชิกของสังคมเป็นลำดับขั้นตอนระบบศักดินา มีดังนี้
- เจ้า หมายถึง พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์
- ขุนนาง หมายถึง บุคคลที่กฏหมายแบ่งแยกฐานะออกจากไพร่อย่างเด่นชัด โดยกำหนดเอาผู้มีศักดินาตั้งแต่ 400 ไร่ขึ้นเป็นเกณฑ์
- ไพร่ หมายถึง บุคคลที่อยู่ในความควบคุมของชนชั้นนาย และเป็นกำลังคนส่วนใหญ่ของสังคมไทย
- ทาส หมายถึง กลุ่มชนในชนชั้นผู้ใต้ปกครอง ซึ่งไม่มีอิสระในการดำเนินชีวิต ต้องอยู่ภายใต้ความควบคุมของนายทาส
- พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงสุดของสังคม ฐานะของพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยาแตกต่างกันอย่างไร
สมัยสุโขทัยพระมหากษัตริย์มีฐานะเป็นพ่อขุน ต่อมามีฐานะเป็นธรรมราชา ในสมัยพระยาลิไทตามคติที่ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา และสมัยอยุธยาได้รับคติและอิทธิพลจากลัทธิเทวราชาจากกัมพูชา ทำให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทวราช สมัยรัตนโกสินทร์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทวราชาอยู่แต่ทรงประพฤติพระองค์ตามหลักพระพุทธศาสนา คือ ทรงเป็นธรรมราชาด้วย
- เจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีฐานันดรสูงศักดิ์ ได้แก่บรรดาเจ้านายหรือพระญาติเกี่ยวดองใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ เป็นชนชั้นที่มีการสืบสายเลือด โดยได้รับเกียรติยศและอภิสิทธิ์มาตั้งแต่เกิด เจ้านายแต่ละองค์จะมีอำนาจมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่การงาน กำลังคนในความควบคุมและความโปรดปรานของพระมหากษัตริย์
- ความเป็นขุนนางจะเกิดขึ้นได้เมื่อ พระมหากษัตริย์พระราชทานบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง ราชทินนามและศักดินาให้ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีหรือถอดออก ขุนนางไทยไม่สืบสายโลหิต แต่ลูกหลานก็มักได้รับราชการเป็นขุนนางเหมือนบรรพบุรุษ
- ขุนนางมีอภิสิทธิ์เหนือไพร่ คือ
- ขุนนางได้อยู่ใกล้ชิดกับศูนย์อำนาจและได้รบส่วนแบ่งแห่งอำนาจนั้น
- ขุนนางไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานเหมือนไพร่
- ได้รับสิทธิในการครอบครองไพร่ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากไพร่ในรูปของแรงงานหรือสิ่งของทำให้ฐานะเศรษฐกิจดี
- เมื่อต้องคดี สามารถให้ทหารแก้ต่างคดีได้โดยตัวเองไม่ต้องมา
- จงบอกความแตกต่างระหว่างไพร่หลวง ไพร่สมและไพร่ส่วย ไพร่มี 3 ประเภท ไพร่หลวงเป็นคนหรือข้าของรัฐโดยตรง เป็นผู้รับราชการในสังกัดของรัฐบาลและราชการในพระมหากษัตริย์ ไพร่สมเป็นไพร่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่เจ้านายและขุนนางไม่ได้สังกัดกรมกองของทางราชการ เมื่อมูลนายตายก็จะโอนเป็นไพร่หลวง หรือเป็นไพร่สมของมูลนายคนใหม่ ส่วนไพร่ส่วยคือ ไพร่ที่ไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงาน เนื่องจากส่งสิ่งของที่ทางราชการต้องการแทนการเกณฑ์แรงงาน
- สถานภาพและบทบาทของไพร่ มีดังนี้
- ไพร่เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของสังคมทั้งชายและหญิง มีศักดินาระหว่าง 10-25 ไร่ต้องสังกัดมูลนาย มิฉะนั้นไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมาย ไพร่มีหน้าที่รับราชการ หรือเข้าเดือนทำงานให้ทางราชการทุกปี การเกณฑ์แรงงานนี้จะอยู่อยู่จนกระทั่งอายุถึง 60 ปี
- ฐานะของไพร่มีมาตั้งแต่เกิด แต่จะแยกขึ้นสังกัดมูลนาย หรือกรมกองเมื่ออายุ 9 ปี ตั้งแต่สมัยธนบุรีเป็นต้นมา ไพร่จะต้องถูกสักหมายหมู่ คือ สักเลก เมื่อส่วนสูงถึงกำหนด
- ไพร่เป็นกำลังผลิตในทางเศรษฐกิจ เป็นแรงงานให้แก่ราชการ เป็นกำลังรบในยามสงคราม และยังเป็นฐานอำนาจทางการเมืองของมูลนาย เพราะมูลนายที่มีไพร่พลขึ้นสังกัด มาก จะทำให้มีกำลังผลิต กำลังแรงงานและกำลังรบมากขึ้นด้วย
- ไพร่สามารถเลื่อนฐานะทางสังคมได้โดย
- ออกบวช และศึกษาพระธรรมจนจบเปรียญแล้วลาสึกมารับราชการ
- ออกรบถ้าได้รับชัยชนะกลับมากก็อาจได้รับการแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นขุนนางต่อไป
- ทาสที่มากที่สุดในสังคมไทยคือ ทาสสินไถ่ คือ ทาสที่มีหนี้สินผูกพัน จะเป็นอิสระได้ต่อเมื่อนำเงินมาไถ่ตนเอง
- จงสรุปสถานภาพและบทบาทของทาสได้แก่
- กฏหมายระบุให้บิดามารดามีสิทธิ๋ขายบุตร สามีมีสิทธิขายภรรยาไปเป็นทาส นาเงินมีสิทธิ์ขายทาสในครอบครอง การซื้อขายต้องมีสารกรมธรรม์ ซึ่งมีตำหนิรุปพรรณของทาสไว้ด้วย ค่าตัวของทาสจะเพิ่มขึ้นตามอายุจนถึงจุดหนึ่งจะลดลงตามลำดัีบ
- ทาสเป็นสมบัติของนายเงินที่ยกขายให้ใครก็ได้ มีสิืทธิลงโทษทาส แต่ไม่ให้ถึงตาย ส่วนไพร่หลวงที่ขายตัวเป็นทาสนั้นต้องรับภาระที่จะต้องเข้าเดือนต่อไป ทาสอื่นๆ นั้นก็ต้องถูกเกณฑ์แรงงานหรือเสียส่วยตอบแทน คือ ปีละ 8 วัน หรือเสียเงิน 6 สลึง ทาสทั้งหลายนั้นยกเว้น ทาสเชลย สามารถไถ่ถอนตัวเองได้
- เหตุใดจึงกล่าวว่า พระสงฆ์และชาวจีนเป็นชนชั้นพิเศษในสังคมไทย ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์แรงงานในระบบไพร่ตราบเท่าที่ยังบวชอยู่ เนื่องจากพระสงฆ์เป็นธรรมทายาทและเป็นผู้ได้รับการศึกษาสูงจึงได้รับการยอมรับนับถือจากคนในสังคมอย่างสูง ส่วนชาวจีนมีบทบาทต่อสังคมไทย โดยเฉพาะด้านการค้าขาย ทำให้มีอิสระเดินทางไปทำการค้าได้ทั่วประเทศ เป็นแรงงานรับจ้างมีโอกาสดีกว่าไพร่ไทย สามารถสร้างตัวจนกลายเป็นผู้มีฐานะทางสังคมได้ ต่อมาคนจีนเหล่านี้ได้อาศัยทุนไปสร้างฐานะเป็นเจ้าภาษีนายอากรและนายทุนในสังคมไทย
06/08/2012 · 12:30 pm
:: ประวัติศาสตร์ หน้า 1 ::
ใบงานที่ 4 พัฒนาการสังคมไทย
พัฒนาการสังคมไทยสมัยสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
สังคมไทยสมัยสุโขทัย มีดังนี้
- สภาพสังคม สังคมแบบระบบครอบครัวและเครือญาติ เริ่มตั้งแต่คนไทยตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย โดยมีลักษณะการรวมกลุ่มเพื่อช่วยตนเองในหมู่ญาติและอยู่กันเหมือนครอบครัวใหญ่
- ลักษณะสังคมและการปกครอง พ่อบ้านกับลูกบ้าน หรือพ่อขุนกับลูกขุน ขนาดของชุมชนก็เป็นเพียงหมู่บ้าน ต่อมาจีงพัฒนาจากบ้านมาเป็นเมืองและขยายเป็นแคว้นในที่สุด
- สถานะของคนในสังคม ไม่มีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน การแบ่งชนชั้นแบบศักดินายังไม่เด่นชัด แต่ในตอนปลายสุโขทัยเริ่มมีการแบ่งชนชั้นในสังคม คือ แบ่งเป็นชนชั้นสูงและล่าง หรือผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง เพราะได้รับอิทธิพลการปกครองตามระบบเทวสิทธิ์หรือสมบูรณาญาสิทธิราช ทำให้สังคมการปกครองแบบพ่อกับลูกเสื่อมคลาย กลายเป็นสังคมแบบนายกับบ่าวหรือเจ้ากับข้า
สังคมไทยสมัยอยุธยาถึงสมัยต้นรัตนโกสินทร์
สังคมศักดินา
- สังคมไทยสมัยอยุธยาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สังคมไทยถือว่าเป็นสังคมศักดินา คือมีการแบ่งชนชั้นซึ่งกำหนดสิทธิและหน้าที่ของแต่ละบุคคลในสังคมอย่างชัดเจน
- สภาพสังคมไทยเป็นสังคมศักดินา เพราะปัจจัยสำคัญคือ ความต้องการกำลังคนหรือแรงงาน
- ระบบศักดินาสมัยอยุธยาได้รับการจัดให้มีระเบียบและมั่นคงตั้งแต่ สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
- การกำหนดศักดินาหรือกำหนดฐานะของคนในสังคม มีดังนี้
- พระมหากษัตริย์ มีศักดินา สูงสุดจนไม่อาจนับจำนวนได้
- ขุนนาง มีศักดินา เกินกว่า 400-1000 ไร่
- ไพร่ มีศักดินา ตั้งแต่ 10 ถึง 25 ไร่
- ทาส มีศักดินา 5 ไร่
การแบ่งชนชั้นในสังคม
- การแบ่งชนชั้นสังคมไทยสมัยสุโขทัยถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น แบ่งได้เป็น 2 ชนชั้นใหญ่
โดยชนชั้นผู้ปกครองประกอบด้วย กษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง
ส่วนชนชั้นผู้ใต้ปกครองประกอบด้วย ไพร่ ทาส
- การแบ่งชนชั้นในสังคมไทยเห็นได้ชัดเจนในสมัย อยุธยา ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) และมีการออกกฎหมายศักดินาในสมัย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
กฎหมายเกี่ยวกับศักดินาเรียกว่า พระอัยการตำแหน่งนาพลเรือนและพระอัยการตำแหน่งนาทหารหัวเมือง
ซึ่งข้อดีของระบบศักดินา คือ เป็นเครื่องมือในการวางหลักปฏิบัติของคนในสังคม