- อาการไข้ : วิธีการดูแลตนเองเมื่อมีไข้ คือ ประคบผ้าเย็นที่บริเวณศีรษะ พิจารณาทานยาลดไข้
หากมีภาวะไม่สุขสบายจากอาการไข้สูง (ไม่แนะนำให้ทานยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน บรูเฟน) อาการไข้สูงจะเป็นอยู่ไม่นานเกิน 2-3 วัน หากเกินกว่านั้นแนะนำให้รีบพบแพทย์ ถ้าเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 ปี อาจเกิดภาวะไข้สูงแล้วชักได้ มักเกิดในวันแรก ๆ ให้สังเกตหากเด็ มีอาการ หนาวในขณะที่มีอาการไข้และตัวซีดลง จับมือแล้วมือเย็น เสี่ยงต่อการเกิดอาการชักได้ การรักษาคือ หากเด็กมีอาการไข้ให้ใช้ผ้าเย็นประคบที่ ศีรษะเพื่อลดอุณหภูมิและหากมีอาการชักให้รีบพบแพทย์
- อาการน้ำมูก : รับประทานยาลดน้ำมูก ในเด็กเล็กใช้ลูกยางหรืออุปกรณ์เฉพาะเพื่อดูดน้ำมูกออกจมูก
- อาการคัดแน่นจมูก : ใช้กลิ่นหอมระเหย เช่น เปราะหอมแดง ใส่ผ้าขาววางไว้รอบห้อง เพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหย สามารถช่วยลดอาการไอคัดแน่นจมูกตอนกลางคืน
- อาการไอ : แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยในการละลายเสมหะขับเสมหะออกง่าย น้ำขิงใส่มะนาว หรือน้ำผึ้ง ก็ช่วยลดอาการได้ หลีกเลี่ยงอาหารระคายคอ ของทอดของมัน รับประทานยาแก้ไอตามคำแนะนำของแพทย์
- อาการเจ็บคอ : บรรเทาอาการเจ็บคอด้วยยาแก้เจ็บคอ หรือใช้ยาสมุนไพร
- อาการท้องเสีย : จำเป็นต้องดื่มน้ำมาก ๆ และผสมน้ำเกลือเพื่อให้ได้สารน้ำและเกลือแร่ชดเชย
ในเด็กอาจจะทำผสมน้ำเกลือแร่และผสมน้ำหวานทำเป็นไอครีมแช่แข็งก็ช่วยให้กินได้ ให้ระวังถ้าเด็กมีอาการซึมลงให้รีบปรึกษาแพทย์
อาการไอ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองอย่างหนึ่งของร่างกายที่มีขึ้นเพื่อกำจัดสารคัดหลั่ง สิ่งระคายเคือง สารแปลกปลอมอื่นๆ และจุลชีพออกจากทางเดินหายใจ การไอประกอบด้วยสามระยะ เริ่มจากการหายใจเข้าเพื่อเพิ่มปริมาตรอากาศและแรงดันในช่องอกและท้อง ส่งผลให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อท้องทำให้เกิดการหายใจออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเปิดของกล่องเสียง จึงเกิดเสียงไอพร้อมกับขับเอาสิ่งตกค้างในทางเดินหายใจออกมา
อาการไอ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิด ตามระยะเวลา ดังนี้
- ไอเฉียบพลัน คือ มีระยะเวลาของอาการไอน้อยกว่า 3 สัปดาห์
- ไอกึ่งเฉียบพลัน คือ อาการไอที่มีระยะเวลาระหว่าง 3-8 สัปดาห์
- ไอเรื้อรัง คือ มีระยะเวลาของอาการไอมากกว่าหรือเท่ากับ 8 สัปดาห์
ไอเรื้อรัง เกิดจากอะไร?
อาการไอเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การรับประทานยารักษาความดันโลหิตสูงกลุ่ม Angiotensin converting enzyme inhibitors (ACE inhibitors) เป็นระยะเวลานาน
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง แล้วมีน้ำมูกไหลลงคอ
- การใช้เสียงมาก ทำให้เกิดสายเสียงอักเสบเรื้อรัง
- เนื้องอกบริเวณคอ กล่องเสียง หรือหลอดลม
- หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
- โรคหืด
- วัณโรคปอด
- โรคกรดไหลย้อน
ประมาณร้อยละ 85 ของอาการไอเรื้อรัง มักเกิดจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง แล้วมีน้ำมูกไหลลงคอ โรคหืด และโรคกรดไหลย้อน
ผู้ป่วยบางรายอาจมีสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังมากกว่าหนึ่งชนิด การตรวจวินิจฉัยที่อาศัยความร่วมมือจากแพทย์หลายสาขา เช่น แพทย์หู คอ จมูก อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้และโรคปอด อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร จะทำให้ค้นหาสาเหตุของอาการไอได้ง่ายขึ้น
ไอเรื้อรัง วินิจฉัยได้อย่างไร?
แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยหาสาเหตุของอาการไอเรื้อรังที่เกิดขึ้น โดยแพทย์จะปฏิบัติ ดังนี้
- การซักประวัติ เช่น การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการไอ (เช่น ฝุ่น ควัน อากาศเย็น), อาการทางจมูกหรือโรคไซนัส, ประวัติโรคภูมิแพ้ของผู้ป่วยและคนในครอบครัว, การสูบบุหรี่, ประวัติการใช้ยากลุ่ม ACE inhibitors, อาการของโรคกรดไหลย้อน (เช่น เรอเปรี้ยว ท้องอืด เจ็บหน้าอก)
- การตรวจร่างกายโดยเฉพาะในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง และอาจส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น ส่งตรวจภาพถ่ายรังสีของโพรงไซนัสและปอด, การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินหายใจ, การตรวจเสมหะ, การตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด
ไอเรื้อรัง รักษาอย่างไร?
การรักษาอาการไอเรื้อรังที่สำคัญที่สุด คือ การหาสาเหตุของอาการไอ และรักษาตามสาเหตุนั้นๆ นอกจากนี้ การปฏิบัติตัวในขณะที่มีอาการไออย่างถูกต้อง ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น หรือไม่แย่ลง โดยสิ่งที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติในขณะที่มีอาการไอ ได้แก่
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้ไอมากขึ้น เช่น สารก่ออาการระคายเคือง ฝุ่น สารเคมี ควันบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง เนื่องจากอากาศที่เย็นสามารถกระตุ้นหลอดลมให้เกิดการหดตัว ทำให้มีอาการไอมากขึ้นได้
- ควรให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้เพียงพอขณะนอน เช่น นอนห่มผ้า
- ผู้ที่สูบบุหรี่ควรหลีกเลี่ยงหรืองดการสูบบุหรี่
- ถ้าหากอาการไอมีไม่มาก อาจให้การรักษาเบื้องต้นโดยการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการไอ กรณีที่มีเสมหะร่วมด้วย ควรได้รับยาละลายเสมหะ เพื่อให้เสมหะที่เหนียวข้นมากขับออกจากหลอดลมได้ง่ายขึ้น แต่หากผู้ป่วยได้รับยาดังกล่าวแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุ
ยาบรรเทาอาการไอ
ถึงแม้ว่าการใช้ยาบรรเทาอาการไอจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ แต่บางครั้งก็มีความจำเป็น เนื่องจากการไอมีผลรบกวนคุณภาพชีวิต โดยเราสามารถแบ่งยาบรรเทาอาการไอออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน คือ
- ยาบรรเทาอาการไอสำหรับอาการไอแบบมีเสมหะ ได้แก่
- ยาขับเสมหะ ออกฤทธิ์ระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจมีการหลั่งสารคัดหลั่งมากขึ้น และไอออกมาได้ง่ายขึ้น เช่น Glyceryl guaiacolate, Ammonium chloride
- ยาละลายเสมหะ ออกฤทธิ์โดยทำลายพันธะภายในเสมหะ ทำให้เสมะหะละลายน้ำได้ดีขึ้น เช่น Ambroxol, Bromhexine, Carbocysteine, Acetylcysteine
- ยาบรรเทาอาการไอสำหรับอาการไอแห้ง หรือยากดอาการไอ เช่น Dextromethorphan, Codeine เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยการกดศูนย์การไอ มักใช้สำหรับบรรเทาอาการไอที่เกิดจากการแพ้หรืออาการไออื่นๆ ที่ไม่มีเสมหะ เพราะหากใช้ในอาการไอแบบมีเสมหะ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสมหะถูกขับออกมาจากทางเดินหายใจได้ยากขึ้น อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น ง่วง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก
จะเห็นได้ว่าอาการไอเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากโรคที่ไม่ร้ายแรง เช่น โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง ได้แก่ โรคหวัด หลอดลมอักเสบ หรืออาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคร้ายแรง เช่น ปอดอักเสบ เนื้องอกบริเวณคอ กล่องเสียง หรือหลอดลม ได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้วอาการไอยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการไอ และรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลยาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง
ยาแก้ไอขับเสมหะยี่ห้อไหนดี
แนะนำ 6 ยาแก้ไอและละลายเสมหะ ให้คล่องคอหายใจสะดวก.
Brown Mixture GPO ยาแก้ไอน้ำดำ 60ml. ยาแก้ไอน้ำดำชนิดช่วยขับเสมหะ จากองค์กรเภสัชกรรม ขนาด 60 มล. ... .
Bisolvon Ex 60ml. ... .
ยาแก้ไอน้ำดำ LP ตราเสือดาว 60 – 120 ml. ... .
ยาแก้ไอ Solmax ชนิดแคปซูล 500 mg. ... .
ยาแก้ไอน้ำเชื่อม ชวนป๋วยปี่แปกอ ของ เนียมฉื่ออำ ... .
ยาแก้ไอ ตรา อาปาเช่.
ไอ มาก ๆ อันตราย ไหม
ในกรณีที่ผู้ป่วยอายุมาก การไอมากๆ อาจทำให้กระดูกอ่อนซี่โครงหัก, ถุงลมหรือเส้นเลือดฝอยในปอดแตกออกสู่โพรงเยื่อหุ้มปอด, เกิดภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด, เลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือ เกิดอาการหอบเหนื่อยและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการไอมีเสมหะ กี่วันหาย
อาการไอมีเสมหะ มี 2 ชนิด คือ การไอมีเสมหะแบบเฉียบพลัน จะมีอาการไม่เกิน 3 สัปดาห์ และการไอแบบเรื้อรัง มีอาการไอ 8 สัปดาห์ขึ้นไป สำหรับเด็ก 4 สัปดาห์ โดยทั่วไปแล้วไอมีเสมหะแบบเฉียบพลัน สามารถหายเองได้ 2-3 สัปดาห์ หากมีอาการในระยะเวลานานกว่านี้ ควรมาทำการพบแพทย์ เพื่อทำการรรักษา เพราะอาจจะเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ และหากไม่ ...
อาการไอแห้งๆ เกิดจากอะไร
ไอแห้ง เกิดจากการระคายคอหรือระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง จนกระตุ้นให้เกิดการไอ โดยไม่มีเสมหะปน สาเหตุที่พบได้ เช่น ภาวะกรดไหลย้อน โรคหลอดลมอักเสบ ยาลดความดันโลหิตกลุ่มของ ACEi inhibitor และเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนไข้ COVID-19.