หลักการทํางานของเครื่องซักผ้า 2 ถัง

เครื่องซักผ้า 2 ถัง เป็นประเภทของเครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติที่ผู้คนนิยมซื้อไว้ใช้งานในบ้านเป็นอย่างมาก ด้วยราคาที่ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าและเครื่องซักผ้าฝาบนแบบอัตโนมัติ ข้อดีที่เหนือกว่าของเครื่องชนิดนี้ก็คือประสิทธิภาพของมอเตอร์ที่ส่งแรงปั่นได้เต็มพลัง ทำให้การซักผ้าใช้เวลาไม่นาน การปั่นแห้งใช้เวลาสั้น ส่งผลให้กระบวนการทั้งหลายเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่เครื่องชนิดนี้เป็นเครื่องที่ทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติ หมายความว่าคนซักจะต้องคอยจัดการบางกระบวนการซักด้วยตัวเอง ไม่เหมือนกับเครื่องชนิดอื่นที่เพียงใส่ผ้า เติมน้ำยา กดปุ่ม แล้วก็รอรับผ้าไปตากได้เลย เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เรามาทำความเข้าใจกับขั้นตอนการทำงานของเครื่องซักผ้าชนิดนี้กันดีกว่า

ขั้นตอนเตรียมการก่อนซักที่ดี มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง

ต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนการเตรียมก่อนซักด้วยเครื่องซักผ้าแบบ 2 ถังแบบคร่าว ๆ ซึ่งแต่ละรุ่นอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป จึงควรศึกษาคู่มีที่ติดมากับเครื่องด้วยเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้

• ต่อท่อน้ำเข้า วางท่อระบายน้ำออกกับพื้น เปิดก๊อกให้น้ำสะอาดไหลเข้าเครื่อง หากผ้ามีปริมาณไม่มากไม่ควรเติมน้ำจนเต็ม
• เสียบปลั๊กไฟและควรตั้งเครื่องซักผ้าบนพื้นราบที่มีความมั่นคง พยายามอย่าให้เครื่องซักผ้าเอียงเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการซัก
• ตรวจสอบเสื้อผ้าที่จะนำมาซักว่ามีข้อปฏิบัติพิเศษหรือไม่เช่น ข้อห้าม ข้อควรระวัง ตรวจสอบว่าน้ำหนักผ้าไม่เกินที่เครื่องกำหนด (น้ำหนักผ้าตอนแห้ง) ซึ่งควรนำความหนาของผ้ามาพิจารณาด้วย รวมถึงควรติดกระดุมและรูดซิปเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน และนำของในกระเป๋าออกให้หมดก่อนซัก
• การใส่ผงซักฟอกในถังซัก ควรเติมน้ำเล็กน้อยก่อนจึงค่อยใส่ผงซักฟอกในปริมาณที่ต้องการ โดยดูความเข้มข้นของผงซักฟอกด้วย จากนั้นคนให้เข้ากันกับน้ำเป็นเวลาประมาณ 30 วินาที

• เลือกปุ่มทำงานแบบซัก (Wash) บนเครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง หากต้องการปั่นให้เลือกการโหมดปั่น (Spin)
• เติมน้ำและผงซักฟอกลงไปในปริมาณที่เหมาะสม เปิดให้เครื่องตีผงซักฟอกละลายจนกลมกลืนกับน้ำ
• ใส่เสื้อผ้าลงไปในถังซักผ้า ตรวจสอบปริมาณน้ำว่าเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม
• เลือกรูปแบบการซักตามผ้าที่จะซัก หากเป็นไปได้ควรแยกผ้าซักแต่ละชนิดเพื่อป้องกันเสื้อผ้าเสียหาย ไม่ควรนำมาปะปนกันเพราะกระแสน้ำและความเร็วการหมุนของมอเตอร์จะขึ้นอยู่กับโหมดการใช้งานและประเภทผ้า
• เมื่อทุกอย่างถูกใส่ลงไปในถังซักแล้ว ให้หมุนปุ่มตั้งเวลาได้เลยแล้วกดเริ่มเพื่อปล่อยให้เครื่องทำงาน
• ปกติเมื่อซักเสร็จเครื่องซักผ้าจะส่งเสียงเตือน ให้ปรับปุ่มไปที่ระบบระบายน้ำทิ้งเพื่อระบายน้ำออก
• ในกรณีที่ต้องการซักน้ำเปล่า ควรตั้งเวลาให้น้อยกว่าโดยอาจตั้งประมาณ 5 – 7 นาที และเช่นเดียวกับการซักผงซักฟอกคือจะต้องใช้ความแรงให้เหมาะสมกับผ้าที่จะซักด้วย หากปั่นผ้าให้ทำการระบายน้ำที่แช่อยู่ในถังประมาณ 2 – 3 ครั้ง
• ในขั้นตอนของการปั่นแห้งเพื่อสลายฟองให้วางผ้าลงไปยังก้นถังตรง ๆ แล้วปิดผาให้สนิททั้งด้านในและด้านนอก เลือกความแรงตามลักษณะเนื้อผ้า ผ้าปูเตียงหรือผ้าห่มใช้เวลา 4 – 5 นาที ผ้าถัก 2 – 4 นาที ผ้าใยสังเคราะห์ 1 – 2 นาที และ 1 นาทีสำหรับผ้าเนื้อบาง
• หากพบปัญหาควรศึกษาคู่มือการใช้งานให้ละเอียด เพราะเครื่องซักผ้าแต่ละเครื่องอาจไม่เหมือนกัน ไม่ควรแกะเครื่องซ่อมเองหากไม่มีความรู้

แนะนำเครื่องซักผ้า 2 รุ่นเด่นจาก LG ที่มีดีไม่แพ้แบรนด์ใด

LG รุ่น WP-1350ROT

ความคลาสสิกที่ลงตัว ซักสะอาดถนอมผ้าและทรงพลังในการซักกับ LG รุ่นนี้ ที่มากับ Drum size หรือความจุถังซักขนาด 9.5 กก. จุได้เยอะ ให้ประสิทธิภาพการซักที่ไม่ธรรมดาจากจานซักแบบ Roller Jet Punch + 3 ที่พร้อมขจัดคราบได้ลึกถึงใยผ้าแต่ก็อ่อนโยนกับเนื้อผ้าในเวลาเดียวกัน ผสานเข้ากับเทคโนโลยี Wind Jet Dry ทำให้การซักและการปั่นแห้งทำได้อย่างรวดเร็วและลงตัว ผ้าแห้งเร็วได้ดั่งใจ เท่านั้นยังไม่พอยังมาพร้อมกับฟังก์ชันพิเศษในการซักอีกหลากหลาย ช่วยให้การซักทำได้ดียิ่งขึ้น ตัวถังซักรุ่นนี้ทำจากเรซิ่นคุณภาพดี จึงมีความทนทานและไร้ปัญหาเรื่องสนิม ในส่วนของแผงควบคุมก็ดีไซน์สวยใช้งานง่าย ลูกบิดเป็นแบบโครเมียม ดูลงตัวเข้ากันกับแผงควบคุม จัดเต็มขนาดนี้ราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ราคาแค่ครึ่งหมื่นก็ซื้อได้แล้ว ใครมองหาเครื่องซักใช้งานง่าย ไม่ต้องปวดหัวกับเทคโนโลยีหรือฟังก์ชันเยอะ รุ่นนี้ต้องคว้าไว้เลย

LG รุ่น WP-1650ROT

อีกหนึ่งรุ่นจาก LG ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะบ้านไหนที่ต้องการซักผ้าครั้งละมาก ๆ รุ่นนี้ก็น่าจะตรงใจเพราะมาในถังความจุขนาด 13 กก. การดีไซน์ระบบในรุ่นนี้ใช้สไตล์คล้าย ๆ กับรุ่นก่อน กับจานซักแบบ Roller Jet Punch + 3 ที่ทรงประสิทธิภาพ ขจัดคราบสกปรกที่ฝังอยู่ในเนื้อผ้าได้หมด และยังอ่อนโยนต่อเนื้อผ้า มีเทคโนโลยี Wind Jet Dry เช่นกันทำให้การปั่นแห้งทำได้เร็ว ผ้าแห้งเร็วขึ้นอย่างที่คุณต้องการ ส่วนที่เพิ่มเติมเข้าในรุ่นนี้และทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ Health+ Filter หรือระบบป้องการเชื้อราและแบคทีเรีย สามารถขจัดแบคทีเรียและป้องกันเชื้อราที่จะเกิดขึ้นกับผ้าได้อย่างดี และยังสามารถตั้งโปรแกรมการซักได้ด้วย ซึ่งโปรแกรมการซักจะตั้งได้ 3 รูปแบบ นั่นคือ Gentle, Normal, Strong ช่วยให้คุณเลือกโหมดที่จะปั่นกับผ้าชนิดต่าง ๆ ได้ละเอียดขึ้น ตัวถังทำจากเรซิ่นเกรดดีเช่นกัน ทำให้หมดกังวลเรื่องสนิมไปได้เลย เป็นเครื่องซักผ้า 2 ถังอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อไม่น้อย ประสิทธิภาพขนาดนี้ คุณจะเชื่อหรือไม่ว่ามาในราคาเกินครึ่งหมื่นไปไม่มาก 6,000 นิด ๆ ถึง 7,000 ปลายๆก็เป็นเจ้าของ LG รุ่นนี้ได้แล้ว

ประสิทธิภาพแห่งการซักสุดเจ๋ง Sharp ไว้ใจได้เสมอ

Sharp รุ่น ES-TW140BL

ใครต้องการเครื่องซักผ้า 2 ถังที่จุผ้าได้เยอะ ซักผ้านวมได้ หรือซักผ้าได้ครั้งละมาก ๆ รุ่นนี้น่าจะตรงใจ เพราะมากับขนาดถังซักความจุ 14 กก. 2 ถัง ความจุถังปั่นแห้ง 7.5 กก.พร้อมที่จะช่วยให้การซักผ้าของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น จัดหนักให้กับเทคโนโลยีที่มอบความคุ้มค่าเกินราคาให้กับคุณ ทั้งจานซักประสิทธิภาพสูงทรงพลังแบบ High-Pulse Pulsator ที่ช่วยสร้างกระแสน้ำทำความสะอาดผ้าได้อย่างละเอียดและลึกถึงเนื้อในผ้า ขณะเดียวกันก็ช่วยถนอมผ้าด้วย มีระบบเลือกทางเข้าน้ำถึง 2 ทางจะเลือกเข้าทางถังซักหรือถังปั่นแห้งก็ได้ ช่วยให้คุณสะดวกในการล้างผงซักฟอกมากยิ่งขึ้น มีโปรแกรมการซักให้คุณเลือกถึง 2 ระบบ ให้คุณควบคุมการซักได้เองตามความเหมาะสมของเนื้อผ้า สามารถตั้งเวลาการซักได้สูงสุด 15 นาที ด้านในมีถุงกรองเศษด้ายต่าง ๆ มาให้ด้วย ตัวถังทำจากพลาสติก ABS ที่แข็งแกร่งและทนทาน ไว้ใจได้ว่าปลอดสนิมแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอยังมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานด้วยระบบความปลอดภัยของเครื่องที่จะหยุดทำงาน เมื่อมีการเปิดฝาระหว่างที่เครื่องทำการปั่นผ้าอยู่ เครื่องสำหรับซักผ้าหนึ่งรุ่นที่ปลอดภัย ประสิทธิภาพการซักดี ซักได้สะอาดถนอมผ้า และราคาก็โดนใจ ดีขนาดนี้คุณรู้ไหมว่าราคา 6,000 นิด ๆ ถึง 7,000 ปลายๆ เท่านั้นเอง

เครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ราคาไม่แพงและประหยัดเวลาซักผ้าของคุณได้อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการผู้ใช้ที่มีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการซักและปั่นผ้าที่ถูกต้องด้วย เพราะเครื่องซักผ้าชนิดนี้เป็นระบบกึ่งอัตโนมัติที่ต้องคอยควบคุมการทำงานบางขั้นตอนเอง ไม่ใช่ระบบอัตโนมัติแบบเต็มร้อยที่ทำให้เองทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ใช้จึงควรศึกษาระบบเครื่องแต่ละรุ่นรวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ และขั้นตอนการทำงานของเครื่องให้ละเอียด เพื่อให้การซักผ้ามีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ออกที่ดีที่สุดสมกับความตั้งใจ