อยากเรียนภาษาและทำงานในต่างประเทศรึเปล่า?
สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่เมื่อมองค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายประจำวันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะค่าครองชีพต่างประเทศนั้นมันแพงเหลือเกิน ดังนั้น การเรียนภาษาและทำงานไปด้วย อาจจะเป็นคำตอบของใครหลายๆคนที่หวังอยากจะเรียนต่อแถมได้ฝึกภาษาและทำงานในเวลาเดียวกัน นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังมีโอกาสได้ทำงานต่างประเทศและได้รายได้เสริมอีกด้วย Work and Study จะเปิดโอกาสให้นักเรียนเจอเพื่อนใหม่ๆ พบปะผู้คน เจ้าของภาษา เพื่อนต่างชาติ ทำให้มีโอกาสได้พัฒนาทักษะภาษาและเพิ่มความมั่นใจในการพูดกับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เรียนในห้องเรียนอย่างจริงๆจังๆ รวมไปถึงทำงานเพื่อหาประสบการณ์และเพิ่มรายได้พิเศษ การหางานในต่างประเทศเช่นในประเทศออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ไม่เป็นเรื่องยากอย่างที่ใครหลายๆคนคิด โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้อง คุณจะมีโอกาสได้นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ระหว่างการทำงานต่างประเทศ คุณมีโอกาส work and study ได้ในหลากหลายประเทศ ทั้งนี้จำเป็นต้องเป็นไปตามกฎหมายวีซ่าของแต่ละประเทศจะอธิบายต่อไป ไม่ว่าจะเป็น
มาตรการปิดพรมแดนระหว่างประเทศส่งผลกระทบต่อชะตาของคนวัยหนุ่มสาวหลายพันคนทั่วโลกที่เตรียมตัวเดินทางมาออสเตรเลียด้วยวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์
หลังจากใช้เวลาหลายปีเก็บหอมรอมริบรอคอยการเดินทางครั้งใหญ่ของชีวิต เตรียมการผ่านขั้นตอนจนได้รับอนุมัติวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ หลายคนจัดกระเป๋าแล้ว ลาออกจากงานในประเทศบ้านเกิด ยกเลิกสัญญาเช่าบ้าน พร้อมก้าวสู่การผจญภัยครั้งใหม่ในดินแดนซีกโลกใต้
ทว่า มาตรการปิดพรมแดนส่งผลให้ผู้ถือวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ที่ยังเข้าออสเตรเลียไม่ได้และมีอายุครบ 31 ปีในปีที่แล้ว อาจต้องสูญเสียโอกาสนี้ไปเมื่อถึงคราวพรมแดนกลับมาเปิดอีกครั้ง
วีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ (Work and Holiday Subclass 462) จำกัดอายุผู้สมัครระหว่าง 18 ถึง 30 ปี
คุณคริสตินา เปเรซ (Cristina Perez) ชาวสเปน เป็นคนหนึ่งที่ถือวีซ่านี้ แต่ความหวังของเธอที่จะได้ทำงานในออสเตรเลียกลับเลือนรางลงทุกที
เธอได้รับอนุมัติวีซ่าก่อนอายุ 30 ขณะอยู่ในสหราชอาณาจักร และบินมาออสเตรเลียไม่ทันปิดพรมแดน
หนึ่งปีผ่านไปนับตั้งแต่วันที่เธอตั้งใจย้ายประเทศ ตอนนี้คุณเปเรซขาดคุณสมบัติตามเกณฑ์อายุของวีซ่าแล้ว โอกาสไปออสเตรเลียของเธอยิ่งดูมืดมน
“ฉันพร้อมไปออสเตรเลียด้วยวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ แต่ต้องฝันสลายเพราะโควิด ... ฉันสมัครใหม่ไม่ได้แล้ว” เธอกล่าวกับเอสบีเอสภาคภาษาสเปน
คุณเปเรซเป็นหนึ่งในคนวัยหนุ่มสาวหลายพันคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน
พวกเขามองว่าไม่ยุติธรรมที่แผนที่วางไว้ต้องมาพังลง ทั้งที่พวกเขามีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์อนุมัติวีซ่า แต่ตอนนี้กลับเดินทางเข้าออสเตรเลียไม่ได้
“มันแย่มาก... ทุกอย่างล่มลงต่อหน้า ฉันเศร้ามาก ฉันเสียใจ วีซ่าของฉันหมดอายุแล้วหลังจากรอมานานเกินไป” คุณเปเรซกล่าว
“[ฉันมี] ความฝันมากมายที่นั่น [ออสเตรเลีย] ไปทำงาน ไปเก็บประสบการณ์ แล้วอยู่มาวันหนึ่งทุกอย่างก็พังลงเพราะเรื่องเหนือการควบคุม ความรู้สึกนี้มันแย่มาก”
เนื่องจากผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดพรมแดนไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามเงื่อนไขวีซ่า รัฐบาลออสเตรเลียให้ยื่นขอวีซ่าอีกครั้ง แม้มีสิทธิ์ขอคืนค่าธรรมเนียม แต่กลายเป็นว่าผู้ที่อายุครบ 31 ปีขาดคุณสมบัติตามข้อกำหนดการสมัครวีซ่า
“ฉันแปลกใจที่พวกเขา (รัฐบาลออสเตรเลีย) ไม่ยุติธรรมและไม่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน... พวกเขากีดกันคนที่อายุไม่เข้าเกณฑ์แล้ว แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีวีซ่าที่อนุมัติแล้วก็ตาม” คุณเปเรซเสริม
ฉันเคยคิดว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่เปิดกว้างต้อนรับทุกคน ไม่เข้าใจเลย
ผู้ถือวีซ่าที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้รวมตัวออกมาเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดีย หลายคนปฏิเสธไม่รับคืนเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า 485 ดอลลาร์
พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางออกเรื่องนี้ โดยอาจพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่า
“ถ้าต้องการกำลังคนทำงานฟาร์มในภาคเกษตรกรรม... หรืองานด้านอื่น ๆ ที่พวกเราเต็มใจทำ แล้ว [ทำไมไม่ให้พวกเรา] เข้าไปมีส่วนร่วม”
Australia's closed border means that workers from overseas aren't able to enter the country. Source: Supplied
กลุ่มผู้ถือวีซ่าหลายกลุ่มยื่นจดหมายต่อรัฐสภาออสเตรเลีย ส่งอีเมลถึงนักการเมืองและผู้บริหารองค์กรเอกชน ตลอดจนรวบรวมรายชื่อพยายามกดดันให้ทางการออกข้อยกเว้น แต่ยังคงไม่มีการตอบรับจนถึงขณะนี้
“[ทางออกที่] ยุติธรรมที่สุดคือพวกเขาขยายระยะเวลาวีซ่าให้เราอย่างที่แคนาดาทำ” คุณเปเรซกล่าว
อ่านบทความต้นฉบับภาษาสเปน
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
วันนี้พี่นิ่ม พามารู้จักกับน้องใหม่ QA บริษัทญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ในไทย
อะไรที่ทำให้ใหม่ตัดสินใจมาเรียนต่อต่างประเทศในวัย 30 กับหน้าที่ที่กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น วันนี้มารู้จักกับใหม่กันเลยค่ะ แล้วจะรู้ว่าอายุไม่ใช่ข้ออ้างในการเรียนภาษา
Q: แนะนำตัวเองนิดนึง แล้วทำงานอะไรมาคะ
สวัสดีค่ะ ใหม่นะคะ วราภรณ์ ตอนนี้อายุ 31 ปี ก่อนหน้านี้ทำงานเป็น QA บริษัทของญี่ปุ่น ตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานที่นี่มาตลอด ทำมา 8ปีแล้วค่ะ ซึ่งเราก็มีความรู้เรื่อง technical ในเชิงลึกของในบริษัทแล้ว แต่ด้วยความที่บริษัทเป็นบริษัทข้ามชาติ เป็นบริษัทค่อนข้างใหญ่ มีสาขาทั่วโลก ซึ่งมากกว่า 90 สาขา ดังนั้นเวลาเขียนอีเมล เขียนรายงานต่างๆ เราต้องใช้ภาษาอังกฤษหมดเลย ต้องบอกก่อนว่าตอนเรียนจบมาปุ้บ ภาษาอังกฤษคือแย่มาก แต่พอทำงานมันก็เริ่มซึมซึบ ใช้ผิดบ้าง ถูกบ้าง ส่วนใหญ่เราก็ทำงานกับคนญี่ปุ่นซึ่งส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ก็เลยเข้าใจกับแบบถูๆ ไถๆ พูดไทยผสมญี่ปุ่น ผสมอังกฤษบางครั้งก็ไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไร พอเราทำงานมาซักระยะ ตำแหน่งเรามันก็เพิ่มขึ้น ซึ่งมันก็ดีนะคะ ไม่ได้มีอะไรแย่เลย แต่ว่าพอเราโตขึ้นมันก็จะเริ่มมีไป Business Trip ที่ญี่ปุ่นบ้าง ไปต่างประเทศบ้าง มี VDO Conference หรือ VDO Call กับสาขาอื่นๆที่เป็นต่างประเทศ เราก็แบบ เห้ย !! ทักษะการพูด การสื่อสารของเรา เค้าจะเข้าใจเราไหม คือบางทีเราดูแล้วเค้าก็ไม่เข้าใจเรา แล้วเราก็ไม่มั่นใจด้วยว่าแบบนี่เราพูดถูกไหม เลยทำให้เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยกล้าพูด
Q: อะไรคือจุดเปลี่ยนที่คิดว่าต้องมาเรียนที่ต่างประเทศแล้ว
คือเวลาไปประชุม เค้าจะให้ออกไปพรีเซนต์หน้าห้อง คือให้โจทย์ปุ้บ ทำ group work แล้วขึ้นพรีเซนต์เลย มีครั้งนึงที่ไปแล้วคือช๊อค คือพูดไม่ได้ แล้วเค้าฟังเราไม่รู้เรื่อง แล้วในนั่นมีพนักงานที่มาจากอเมริกา จีน สิงค์โปร์ซึ่งเค้าสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ซึ่งทั้งห้องเราเป็นคนไทยคนเดียว ตอนนั้นก็ช๊อคกับตัวเอง ว่าแบบไม่ได้แล้วเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ตอนที่จะลาออกเค้าก็บอกว่าเออ ให้เราคิดดีๆนะ เพราะหน้าที่การงานเราก็ดี ผู้ใหญ่ก็สนับสนุน แต่เราก็คิดว่าถ้าเราภาษาเก่งกว่านี้ อย่างน้อยถ้าเค้าเลื่อนขั้นให้เรา เราก็จะได้ภูมิใจในตัวเองมากกว่านี้ ดีกว่าแบบให้เราเป็น manager แต่ถ้าภาษาเราไม่ได้ เราก็ไม่อยากเป็น นี่คือจุดเปลี่ยนที่มาที่นี่
Q: แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมาออสเตรเลียค่ะ แล้วลงเรียนคอร์สอะไรที่นี้ค่ะ
ตอนนี้ลงเรียนคอร์ส General English ที่สถาบัน ANCE 5 เดือนค่ะ จริงๆ เคยลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในไทย แต่เนื้อหาและการอธิบายก็เป็นภาษาไทย สอนแกรมมาร์ก็สอนเป็นภาษาไทย พอทำ Group work ก็มีแต่นักเรียนไทย คุยกันภาษาไทย ออกห้องก็เจอแต่คนไทย สภาพแวดล้อมก็คนไทย แล้วเราอยากปรับทักษะการพูดของเราว่าแบบถ้าคุยกับคนต่างชาติจะสื่อสารยังไงให้เค้าเข้าใจ
Q: มาที่ออสเตรเลียมีเจอ Culture shock อะไรบ้างไหมค่ะ
เจอค่ะ อย่างแรกเลยคือเรื่องอากาศ มันเย็นกว่าบ้านเราเยอะเลย สองคือเรื่องภาษาค่ะ มีแบบคุยไม่รู้เลย เลยต้องมีกระดาษแผ่นนึงมาอธิบายว่า ฉันเข้าใจแบบนี้ถูกไหม ถึงขั้นต้องใช้กระดาษกันเลยค่ะ
Q: คิดว่าอายุมีผลกับการเรียนหรือการปรับตัวกับเพื่อนๆในคลาสไหมค่ะ เผื่อจะได้แนะนำคนที่คิดว่า 30กว่าแล้วจะมาเรียนกับเด็กๆ ได้ไหม
ไม่เลยค่ะการเรียนที่นี เจอเด็กอายุ 18 เป็นคนลาวพึ่งจบ high school ที่ลาว เค้าเห็นเราเป็นคนไทยก็มาชวนคุย เราดูแล้วก็แบบเออ น้องเค้าเก่งดีเนอะ เค้าคงโชคดีมีครอบครัวคอยสนับสนุน เลยมีความพร้อมที่จะมาเร็ว อย่างเราเราต้องดูแลตัวเอตัวเองทุกอย่าง มันก็ไม่ผิดที่เราพึ่งมาพร้อมตอนนี้ คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เราสร้างโอกาสให้ตัวเอง อายุมันไม่ใช่อุปสรรคเลยค่ะ การหาเพื่อนใหม่ก็ไม่ยากเลยค่ะ ทุกคนมาจากหลากหลายประเทศ แล้วทุกคนคือพร้อมช่วยเหลือ อย่างเราพึ่งมาก็ยังไม่มีหนังสือ เพื่อนก็แบบเธอมาดูกับชั้นสิ แล้วคอยแนะนำเรา ในคลาสมีคนไทยกันแค่ 2 คนเองค่ะ ที่เหลือต่างชาติหมดเลย จะเป็นคนบราซิล ไต้หวัน ญี่ปุ่นโปรตุเกส หลากหลายเลยค่ะ
Q: พึ่งมาถึงได้ไม่นาน แต่ได้ยินมาว่าเราได้งานแล้วใช่ไหมค่ะ
ตอนนี้ได้งานแล้วค่ะ เป็นงานร้านนวดไทย ช่วงที่ลาออกจากงาน ก็กะว่าจะไปเที่ยวแต่ก็เสียดายเงิน ก็อยู่ว่างๆ เลยไปลง
คอร์สเรียนนวดไทยมาค่ะ กับสถาบันที่น่าเชื่อถือจากกรมแรงงาน เลยไปลงเรียนมา 150 ชั่วโมงค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็หางานใน aussietip เว็บไซด์คนไทย ที่เค้าชอบโพสหางานกัน แล้วเห็นเค้าลงหาพนักงานใหม่สมัครไปแค่ 2 ที่เองค่ะ ตอนบ่ายเค้าก็ติดต่อมาเลย ก็บอกเค้าไปว่าเราเคยเรียนนวดมาแต่ไม่เคยทำงานจริงๆ ถ้าสนใจก็ติดต่อกลับมานะอะไรแบบนี้ค่ะ
ร้านแรกก็ติดต่อให้ไปลองที่ร้านวันนั้นเลยค่ะ แต่มันอยู่นอกเมือง ร้านที่สองก็ติดต่อมาค่ะ แล้วน้องเจ้าของร้านที่สองคือแนะนำดีมาก ว่า พี่ยังไม่มีประสบการณ์ก็ค่อยๆ ฝึกไปนะครับ มีอะไรก็ปรึกษาผมได้ เก่งแล้วถ้าอยากไปทำร้านอื่นที่ดีกว่าก็ไปได้นะครับ เราเลยประทับใจ ว่าเค้าแนะนำเราดีเจอคนไทยดี เลยเลือกร้านที่สองค่ะแล้วร้านอยู่ใกล้กว่าร้านแรกด้วยค่ะ
Q: แนะนำสำหรับคนที่อยากมาแบบใหม่บ้าง คนที่ยังลังเลว่าจะมาดีไหม
อันนี้แล้วแต่คนนะคะ การมาที่นี่อาจจะใช้ค่าใช้จ่ายพอประมาณ แต่เราได้ทั้งความรู้และได้โอกาสในการทำงานด้วย แล้วเราไม่ได้จะมากอบโกยอะไรที่นี สิ่งที่เราต้องการคือ เราไม่อยากให้ใครมาว่าเราว่ามาเรียนที่ออสเตรเลีย แล้วพูดได้แค่นี้หรอ
เรื่องการทำงานตัววีซ่ามันสามารถทำงานได้ตามกฏหมาย 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ก็ทำพอเป็นค่าเช่าบ้าน ค่ากิน อะไรแบบนี้ค่ะ แล้วคิดว่ายังไงกลับไทยไป การหางานหรือกลับไปทำงานที่เก่ามันไม่ได้ยากอะไรค่ะ ยังไงสิ่งที่คาดหวังคือทักษะภาษาที่ดีขึ้นค่ะ
Q: แล้วอะไรที่ทำให้เราเลือกที่จะมาเรียนที่ต่างประเทศกับไทคูนค่ะ
เพื่อนที่เคยมาแนะนำมาค่ะ เค้ามากับพี่เมย์ แล้วเค้าส่งไลน์มาให้ แล้วเราได้ยินมาว่า มีเอเจ้นนั้นโกงบ้าง เอเจ้นนี้โกงบ้างเลย หรือดูแลไม่ดี เลยค่อนข้างกังวล แต่กับไทคูนเราค่อนข้างมั่นใจเพราะเพื่อนเราก็มาแล้วเค้าก็ยืนยันว่าดูแลดีนะ เราก็เลยโอเค แล้วตอนเราติดต่อใช่ไหมค่ะ เราถามอะไรไปก็ได้คำตอบทุกครั้งแล้วเคลียร์ด้วย พี่ๆ ก็โทรอธิบายด้วย มีการติดตาม หรือถ้าเอกสารเราไม่ครบเค้าก็ตาม แนะนำเรื่องการเตรียมเอกสารวีซ่าละเอียด อย่างเราทำงานออฟฟิศมาก่อน เราจะรู้ว่าการทำงานแบบไหนที่เคลียร์แบบไหนที่ไม่เคลียร์ แต่ที่ไทคูนคือทำงานชัดเจนดีมาก พอเรามาถึงวันแรกที่ออสเตรเลีย ก็มีแต่คนมาถามว่าไปยังไงไปกับที่ไหน คนถามมาเยอะเลยค่ะว่ามากับเอเจ้นไหน มีคนที่อยากจะมาแบบใหม่หลายคนเลยค่ะตอนนี้