ตามกรมสรรพกร เมื่อบริษัทฯ จ่ายค่าจ้างให้ชาวต่างชาติ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้ ตามมาตรา 50 (1) วรรคสี่ แห่งประมวลรัษฎากร
บริษัทจะจ่ายค่านายหน้า 567 US ประมาน 20,000 บาทไทยประมาณ
ต้อง หัก ณ ที่จ่าย ชาวกัมพูชา 15 % ใช่ไหมคะ
และเราต้องใช้เอกสารอะไรในการกรอกข้อมูลหัก ณ ที่จ่าย
ยื่นภงด อะไร คะ
ใบหัก ณ ที่จ่าย เราต้องออกให้เขาไหมคะ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการยื่นแบบชำระภาษีของชาวต่างชาติผู้มิได้อยู่ในประเทศไทย
วันที่เอกสาร
3 ธันวาคม 2544
เลขที่หนังสือ
กค 0811(กม.15)/245
ข้อหารือ
นาย จ. และนาย ว. ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี มีเงินได้พึงประเมินตาม
มาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร จากการเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทในประเทศไทย ซึ่งไม่เข้า
เงื่อนไขที่จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย
ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ
15.0 ของเงินได้พึงประเมินไว้ทุกคราวที่จ่ายและได้นำส่งครบถ้วนแล้ว แต่ชาวต่างชาติทั้งสองซึ่งมิได้มี
ภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยก็มิได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่
ประเทศไทย สำนักงานสรรพากรจังหวัดเห็นว่า
1. กรณีบริษัทฯ ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40(2) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ที่จ่ายให้แก่ นาย จ. และนาย ว.
ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีในอัตรา
ร้อยละ 15.0 และนำส่งครบถ้วนแล้ว บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้มีเงินได้ในการเสีย
ภาษี
2. ถึงแม้ว่าชาวต่างชาติทั้งสองจะถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) วรรคสี่
แห่งประมวลรัษฎากร ไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี เงินได้
บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร หากมิได้ยื่นแบบชำระภาษี เจ้าพนักงานย่อม
มีอำนาจประเมิน ตามมาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร
แต่การส่งหมายเรียกและหนังสือแจ้งให้ชำระ
ภาษีอากรตามมาตรา 8 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากชาวต่างชาติทั้งสองไม่เคยมี
ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานในประเทศไทย อันเป็นกรณีไม่อาจอาศัยอำนาจตามมาตรา 49 แห่ง
ประมวลรัษฎากร ทำการประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม
สภ. มีความเห็นว่า เนื่องจากนาย จ. และนาย ว. ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
มีเงินได้จากการเป็นที่ปรึกษาให้กับ บริษัทในประเทศไทยอันเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา
40(2) แห่งประมวลรัษฎากร
จึงต้องนำเงินได้ดังกล่าวมาเสียภาษีในประเทศไทย อันเป็นประเทศที่
เงินได้เกิดขึ้น ตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร และไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับยกเว้น
ไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทย ตามข้อ 15(ก)(ข) และ (ค) แห่งอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่าง
ประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี กรณีดังกล่าวชาวต่างชาติทั้งสองต้องมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและ
ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร แต่เมื่อปรากฏ
ข้อเท็จจริงว่าชาวต่างชาติทั้งสองมิได้อยู่ในประเทศไทย
จึงไม่อาจบังคับให้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี
ในประเทศไทยได้ เว้นแต่จะได้เข้ามาในประเทศไทย อันเป็นกรณีที่จังหวัดจะต้องดำเนินการให้เป็นไป
ตามประมวลรัษฎากร และระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป สำหรับกรณีบริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้ หาก
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้หักและนำส่งภาษี ณ ที่จ่ายไว้ครบถ้วนแล้วก็ไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับการเสียภาษี
ดังกล่าวร่วมกับผู้มีเงินได้แต่อย่างใด ตามนัยมาตรา 54 แห่งประมวลรัษฎากร
แนววินิจฉัย
ความเห็นของสำนักงานสรรพากรภาคถูกต้องแล้ว เนื่องจากบทบัญญัติตามประมวลรัษฎากรที่
กำหนดให้บุคคลใดมีหน้าที่ต้องเสียภาษีอากรหรือไม่ อย่างไร หรือกำหนดให้ต้องดำเนินการอย่างใดนั้น
คงใช้บังคับได้แต่เฉพาะบุคคลที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้น หากชาวต่างชาติดังกล่าวซึ่งมีหน้าที่ต้อง
ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย แต่มิได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว ก็
มิอาจบังคับให้ยื่นแบบฯ
ในประเทศไทยได้เว้นแต่จะเข้ามาในประเทศไทยและบริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้ซึ่งได้
หักและนำส่งภาษี ณ ที่จ่ายครบถ้วนแล้วก็ไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวร่วมกับผู้มีเงินได้
กรมสรรพากรแก้ไขล่าสุด
22 พฤษภาคม 2563
หน้าแรก
Blog
กฎหมาย/ภาษี
ภาษีเงินได้ชาวต่างชาติ
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าประเทศไทยจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยใช้หลักแหล่งเงินได้และหลักถิ่นที่อยู่ ตามนัยมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งสรุปได้ดังนี้
หลักแหล่งเงินได้มาจาก 4 แหล่งใหญ่ คือ
1.เงินได้จากงานที่ทำในประเทศไทย* โดยผู้มีเงินได้ปฏิบัติงานในประเทศไทย เช่น บริษัทในอเมริกา ส่ง นาย A ซึ่งเป็นพนักงานเข้ามาปฏิบัติงานในไทย นาย A ต้องนำเงินเดือนค่าจ้างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ปฏิบัติงานในไทยมายื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
อย่างไรก็ตาม นาย A อาจจะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย หากเข้าหลักเกณฑ์เงื่อนไขยกเว้นภาษีตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
2.เงินได้จากกิจการที่ทำในประเทศไทย* เช่น นายเอกเปิดร้าน ขายอาหารในประเทศไทย นายเอกต้องนำเงินได้ที่เกิดขึ้นมายื่นเเบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
3.เงินได้จากกิจการนายจ้างในไทย* ผู้รับเงินได้อาจจะปฏิบัติงานอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ได้ เช่น บริษัท ข. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตามกฎหมายไทย ได้ส่ง นายเอก ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท ไปปฏิบัติงาน ณ สาขาของบริษัทที่ประเทศฝรั่งเศส โดยบริษัท ข. จำกัด เป็นผู้จ่ายเงินได้ให้ทุกเดือน นายเอกพนักงานต้องนำเงินได้มายื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย
4.เงินได้จากทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย* กรณีนี้เป็นเรื่องของเงินได้ที่เกิดขึ้นจากทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าเจ้าของทรัพย์สินนั้นจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ เช่น ค่าเช่าบ้าน ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล เป็นต้น
ดังนั้น บุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ หากมีเงินได้จากแหล่งเงินได้ข้างต้น ผู้มีเงินได้นั้นต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ไม่ว่าเงินได้นั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศ และจะได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม กฎหมายบังคับให้จัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นนั้น
หลักถิ่นที่อยู่ จะเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเมื่อครบเงื่อนไข 3 ข้อ คือ
1.ผู้มีเงินได้มีเงินได้จากงานที่ทำในต่างประเทศหรือจากกิจการ
ที่ทำในต่างประเทศ หรือจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ
2.ได้นำเงินได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีนั้น และ
3.ผู้มีเงินได้นั้นอยู่อาศัยในประเทศไทยถึง 180 วัน
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติก็ตาม หากมีเงินได้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยได้นำเงินได้ที่เกิดขึ้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีนั้น และได้อาศัยอยู่ในเมืองไทยถึง 180 วัน ก็ต้องนำเงินนั้นมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ กรณีที่ไม่ครบเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมา ผู้มีเงินได้นั้นก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใด
ได้มีผู้จ่ายเงินได้ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เมื่อจ่ายเงินได้ ให้ชาวต่างชาติ เข้าใจผิดคิดว่าชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่ถึง 180 วัน ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ซึ่งแท้จริงแล้วถ้าเป็นกรณีแหล่งเงินได้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ชาวต่างชาติผู้รับเงินได้จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามอนุสัญญาภาษีซ้อนที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศที่ผู้มีเงินได้ มีถิ่นที่อยู่เท่านั้น
ขอบคุณบทความจาก ::
www.rd.go.th
ประกาศบทความโดย :: www.prosofterp.com