ประวัติความเป็นมาของอิเหนา
เรื่องอิเหนามีหลักฐานปรากฏครั้งแรกในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ในเรื่อง ปุณโณวาทคำฉันท์ ของพระมหานาควัดท่าทราย
ซึ่งกล่าวถึงการสมโภชพระพุทธบาทพรรณนาการมหรสพต่าง ๆ ไว้ตอนหนึ่งว่า
“ร้องเรื่องระเด่นโดย / บุษบาตุนาหงัน
พักพาคูหาบรร / พตร่วมฤดีโลม”
ซึ่งแสดงว่าในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีเรื่องอิเหนาเล่นแล้ว
กล่าวกันว่าเจ้าฟ้าหญิงกุณฑล เจ้าฟ้าหญิงมงกุฎ พระราชธิดาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นผู้นิพนธ์
โดยฟังเรื่องจากนางข้าหลวงชาวมลายูชื่อยะโว เป็นผู้เล่า เห็นเป็นเรื่องสนุกจึงทรงนำมาแต่งเป็นบทละคร
เจ้าฟ้าหญิงกุณฑลทรงนิพนธ์เรื่องดาหลัง (อิเหนาใหญ่)
เจ้าฟ้าหญิงมงกุฎทรงนิพนธ์เรื่องอิเหนา (อิเหนาเล็ก)
ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า ต้นฉบับทั้งสองเรื่องคงเสียหายไปครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
เรื่องดาหลังและเรื่องอิเหนาที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
โดยรัชกาลที่ 1 ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องดาหลังตลอดเรื่อง
และรัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธ์อิเหนาตลอดเรื่องเช่นเดียวกัน
อิเหนาพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2 นี้ ถือว่าเป็นฉบับที่ดีเลิศทั้งในกระบวนวรรณศิลป์และนาฏศิลป์
จึงได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดของกลอนบทละครรำ วรรณคดีเรื่องอิเหนามีเนื้อหาเป็นพงศาวดาร
แต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติกษัตริย์ชวาพระองค์หนึ่งซึ่งทรงเป็นนักรบ นักปกครอง
และทรงสร้างความเจริญให้แก่ชวาเป็นอย่างมาก
อิเหนาเป็นกษัตริย์ชวาที่มีตัวตนอยู่จริงตามประวัติศาสตร์ ชาวชวาถือว่าอิเหนาเป็นวีรบุรุษ
เป็นกษัตริย์ที่ทรงอานุภาพมาก ทรงปราบปรามหัวเมืองน้อยใหญ่ให้อยู่ในอำนาจ
จนได้ชื่อว่าเป็นมหาราชพระองค์หนึ่งในพงศาวดาร
ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับอิเหนา จึงมีการต่อเสริมเติมแต่งกลายเป็นนิทานเล่าสืบต่อกันมา
เนื่องจากนิทานปันหยีหรืออิเหนาเป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมจากชาวชวาเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องจึงปรากฏหลายสำนวน
เมื่อเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อนำมาทำเป็นบทละครก็ได้รับความนิยมอย่างสูง ตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาจนถึงสมัยกรุงธนบุรี ครั้นมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้กวีช่วยกันรวบรวมแต่งเติมเรื่องดาหลังและอิเหนาไว้
ดังที่ปรากฏในบทนำของอิเหนาว่า "แต่ต้นเรื่องตกหายพลัดพรายไป" คงเหลือสมบูรณ์อยู่เฉพาะเรื่องดาหลังหรืออิเหนาใหญ่
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนาขึ้นใหม่ มีความไพเราะจนได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรดังกล่าวมาแล้ว
เรื่องย่ออิเหนา ตัวละคร คุณค่าที่ได้รับจากเรื่องอิเหนา
เป็นบทละครที่มีคุณค่าสมควรรักษาไว้เป็นมรดกไทย ประกอบด้วยศิลปะในการแต่งที่ประณีต บทละครมีขนาดกะทัดรัด รักษาขนบในการชมเมืองที่ได้แบบอย่างจากเรื่องรามเกียรติ์และเน้น องค์ห้าของละครดี จนกลายเป็นแบบ แผนของการแต่งบทละครในสมัยหลัง สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิตทรงยกย่องว่าบทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนี้ เป็นบทละครที่ครบองค์ห้าของละครดี คือ
๑. ตัวละครงาม (หมายถึง
เครื่องแต่งตัวหรือรูปร่าง)
๒. รำงาม
๓. ร้องเพราะ
๔. พิณพาทย์เพราะ
๕. กลอนเพราะ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ครองราชย์ปี พ.ศ ๒๓๕๒ – ๒๓๖๗) เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณความดีทั้งในด้านการปกครอง การสาธารณสุขและศิลปวัฒนธรรมหลายด้าน เช่น ด้านสถาปัตยกรรม ดนตรี วรรณคดี และการละคร
เนื้อเรื่องของบทละครเรื่องอิเหนามาจากพงศาวดารชวา กล่าวถึงกษัตริย์วงศ์เทวัญสื่อองค์ซึ่งเป็นพี่น้องกัน และครองนคร ๔ นคร คือ กุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัดส่าหรี อิเหนาแห่งเมืองกุเปันได้หมั้นหมายกับบุษบาราชธิดาเมืองดาหา ต่อมาได้พบกับจินตะหราก็หลงรักเมื่อถูกบังคับให้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับบุษบา จึงลอบหนีออกจากเมืองไปหาจินตะหรา จนกระทั่งเมื่ออิเหนาไปช่วยท้าวดาหารบกับท้าวกะหมังกุหนิงและได้พบบุษบาก็หลงรัก จึงทำอุบายเผาเมืองดาหา แล้วลักพาบุษบาไป ท้าวอสัญแดหวาโกธรแค้นในการกระทำอันมิชอบของอิเหนา จึงบันดาลให้ลมหอบบุษบาไปตกที่แคว้นปะมอตันอิเหนาต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายระหว่างตามหาบุษบา จนกระทั่งได้เข้าพิธีอภิเษกสมรส เรื่องจึงจบลงด้วยความสุข
คุณค่าพิเศษของบทละครเรื่องอิเหนาซึ่งเป็นวรรณคดีมรดกนี้คือ ความบันเทิงอย่างสมบูรณ์ที่ได้จากบทละครร้อยกรองประเภทละครรำ ทุกองค์ประกอบของบทละคร เช่น ท่ารำและทำนองเพลงมีความสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืน บทชม โฉมก็สัมพันธ์กับการทรงเครื่อง ทุกอย่างสามารถกำหนดได้บนเวทีละครอย่างสมเหตุสมผล ก่อให้เกิดประเพณีการละคร โดยเฉพาะละครใน การดำเนินเรื่อง การแต่งบทร้อง ความยาวของบทเข้ากับลีลาท่ารำ นับเป็นศิลปะการแสดงที่ประณีต งดงามยิ่งของละครไทย
ตัวอย่าง คำประพันธ์ที่แสดงให้เห็นลักษณะอาการของตัวละครเมื่อเสียใจ หรือผิดหวัง
ฯ๑๐คำฯ
(ร่าย)เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
ค้อนให้ไม่แลดูสารา
กัลยาคั่งแค้นแน่นใจ
แล้วว่าอนิจจาความรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์
โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก
เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต
จะออกชื่อฦาชั่วไปทั่วทิศ เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร
เสียแรงหวังฝังฝากชีวี พระจะมีเมตตาก็หาไม่
วรรณคดีสโมสร ซึ่งตั้งขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๖ ได้ตัดสินเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ ให้บทละครเรื่องอิเหนาเป็น “ยอดของกลอนบทละคร”เพราะเนื้อเรื่องสนุก มีครบทุกรสทั้งบทรัก กล้าหาญ หึงหวง บทบาทของตัวละครมีความเหมาะสมทุกบทบาท
เนื้อเรื่องบทละครเรื่องอิเหนาสำนวนรัชกาลที่ ๒ นี้ มีเนื้อเรื่องเหมือนกับบทละครเรื่องอิเหนาสำนวนรัชกาลที่ ๑
อิเหนาฉบับการ์ตูน