ข้อใดใช้ภาษา เหมาะสม ในการโต้แย้ง

คอร์สเรียน

เกี่ยวกับเรา

OPENDURIAN

หน้าแรก

คอร์สเรียน

คลังข้อสอบ

คลังความรู้

เกี่ยวกับเรา

ล็อคอิน / สมัครสมาชิก

  • ม. ปลาย
  • /
  • O-NET ภาษาไทย
  • /
  • O-NET ภาษาไทย ม.6 กุมภาพันธ์ 2559

ข้อ 32

32 of 80

ฝึกทำโจทย์แบบชิลๆ

น้องๆ สามารถเลือกทำโจทย์ได้ตามต้องการ ไม่มีการจับเวลา ไม่มีการนับคะแนน ตอบผิดแล้ว สามารถตอบใหม่ได้ สิ่งสำคัญ ก็คือ ควรทำความเข้าใจกับวิธีทำในเฉลยละเอียด การเรียนคณิตศาสตร์ให้ได้คะแนนดี ต้องเรียนด้วยการลองทำโจทย์เยอะๆ

เคล็ดลับจากติวเตอร์

ระหว่างอ่านเฉลย อย่าลืมมองหา "เคล็ดลับจากติวเตอร์" กรอบสีเขียว เพื่อเรียนวิธีลัด ตีโจทย์แตก เร็ว แวร๊ง!

การโต้แย้ง

เป็นการแสดงทรรศนะที่แตกต่างกันระหว่างบุคคล ๒ ฝ่าย  ผู้แสดงทรรศนะต้องพยายามหาเหตุผล สถิติ หลักการ อ้างข้อมูลและหลักฐานต่างๆ มาสนับสนุนทรรศนะของตนให้น่าเชื่อถือ และคัดค้านทรรศนะของอีกฝ่ายหนึ่ง

เรื่องที่ควรทราบเกี่ยวกับการโต้แย้ง มีดังนี้

๑. โครงสร้างของการโต้แย้ง

๒. หัวข้อและเนื้อหาของการโต้แย้ง

๓. กระบวนการโต้แย้ง

๔. การวินิจฉัยเพื่อตัดสินข้อโต้แย้ง

๕. ข้อควรระวังในการโต้แย้ง

โครงสร้างของการโต้แย้ง

โครงสร้างของการโต้แย้งคือ โครงสร้างของการแสดงเหตุผล เพราะกระบวนการโต้แย้งต้องอาศัยเหตุผลเป็นสำคัญ ซึ่งการโต้แย้งจะต้องประกอบด้วย “ ข้อสรุป ” และ “ เหตุผล ”

ดังตัวอย่าง

ทรรศนะที่ ๑

นักเรียนระดับมัธยมตอนปลายของโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่ต้องการออกไปประกอบ

อาชีพ เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ( เหตุผล )

ดังนั้นโรงเรียนของเราจึงควรเปิดรายวิชาเลือก วิชาพื้นฐานอาชีพที่มีอยู่ใน

หลักสูตรให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ( ข้อสรุปหรือข้อเสนอทรรศนะ )

ทรรศนะที่ ๒ 

เรายังไม่ได้สำรวจอย่างเป็นกิจจะลักษณะเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่า เมื่อสำเร็จการศึกษา

แล้วนักเรียนของเราในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมุ่งหมายที่จะไปทำอะไรต่อไป จะมีก็

เพียงแต่การคาดคะเนเอาเองตามความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น ( เหตุผล )

ฉะนั้นเราอาจประสบความล้มเหลวก็ได้ ถ้าเรามุ่งที่จะเปิดวิชาพื้นฐานอาชีพให้มาก

ยิ่งขึ้นกว่าที่ได้เคยเปิดมาแล้ว ( ข้อสรุปหรือข้อโต้แย้งทรรศนะที่ ๑ )

ทรรศนะที่ ๓

การสอบเข้ามหาวิทยาลัย น่าจะสอบครั้งเดียวก็พอ จะได้ลดภาวะความเครียดของ

เด็ก สอบครั้งเดียวก็น่าจะตัดสินได้ เพราะเด็กที่เก่ง จะสอบกี่ครั้งก็ได้คะแนนดีทุกครั้ง

ทรรศนะที่ ๔

เด็กที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น ควรต้องผ่านการทดสอบหลาย ๆ ด้าน การวัด

เฉพาะความรู้เพียงอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีการวัดด้านความถนัดด้วย เพราะการเรียนใน

ระดับสูงเด็กต้องวิเคราะห์เป็น สังเคราะห์ได้ รู้จักเชื่อมโยง และการสอบหลายครั้งทำให้

เด็กได้มีโอกาสเลือก

โครงสร้างของการโต้แย้งอาจขยายกว้างออกไปเป็นเหตุผลหลายข้อประกอบกัน และมีข้อสรุปหลายข้อด้วยก็ได้ ข้อสนับสนุนและข้อสรุปจะสั้นยาวเพียงใด อยู่ที่ดุลพินิจของผู้โต้แย้ง

หัวข้อและเนื้อหาของการโต้แย้ง

ตามปกติหัวข้อและเนื้อหาของการโต้แย้งกว้างขวางมากไม่มีขอบเขตจำกัด  แต่ในการโต้แย้งจริงๆ ต้องกำหนดประเด็นในการโต้แย้งเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โต้แย้งกันให้ตรงประเด็น ไม่ออกนอกเรื่อง ผู้ที่เริ่มการโต้แย้งควรเสนอสิ่งที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายตรงข้ามอาจคัดค้านการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยอ้างเหตุผลมาหักล้าง เพื่อชี้ให้เห็นว่าข้อเสนอนั้นไม่เหมาะสม หรือไม่มีประโยชน์

กระบวนการโต้แย้ง

กระบวนการโต้แย้งมี ๔ ขั้นตอน ดังนี้

๑. การตั้งประเด็นในการโต้แย้ง

๒. การนิยามคำสำคัญในประเด็นในการโต้แย้ง

๓. การค้นหาและเรียบเรียงข้อสนับสนุนทรรศนะของตน

๔. การชี้ให้เห็นจุดอ่อนของทรรศนะฝ่ายตรงข้าม

การตั้งประเด็นในการโต้แย้ง

การตั้งประเด็นในการโต้แย้ง หมายถึง คำถามที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งกัน ซึ่งผู้โต้แย้งต้องรู้จักวิธีการตั้งประเด็นโดยไม่ให้ออกนอกประเด็น การโต้แย้งจะต้องรู้ว่ากำลังโต้แย้งเกี่ยวกับทรรศนะประเด็นใด เพื่อจะได้ไม่ได้แย้งออกนอกประเด็น  แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท ดังนี้

๑. การโต้แย้งเกี่ยวกับนโยบายเพื่อให้เปลี่ยนแปลงสภาพเดิม

การโต้แย้งประเภทนี้เริ่มจากมีผู้เสนอทรรศนะของตน เพื่อให้บุคคลอื่นพิจารณายอมรับ

ผู้เสนอทรรศนะก็จะหาเหตุผลมาสนับสนุนข้อเสนอของตน ชี้ให้เห็นว่าหลักการเดิมนั้นมีจุดอ่อนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง  แล้วเสนอหลักการใหม่ที่จะแก้ไขจุดอ่อนนั้นได้ และชี้ให้เห็นผลดีที่ได้รับจากหลักการใหม่นั้น การโต้แย้งประเภทนี้มีข้อที่ควรคำนึงของทั้งฝ่ายเสนอและฝ่ายโต้แย้งดังนี้

ฝ่ายเสนอ                                                                              

ประเด็นที่ ๑  ชี้ให้เห็นข้อเสียหายของสภาพเดิม

ประเด็นที่ ๒  เสนอว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถแก้ไขข้อเสียหายได้

ประเด็นที่ ๓  ชี้ให้เห็นผลดีของข้อเสนอ

ฝ่ายโต้แย้ง

ประเด็นที่ ๑ ชี้แจงว่าไม่มีข้อเสียหาย หรือมีก็ไม่มากนัก

ประเด็นที่ ๒  แย้งว่าข้อเสนอนั้นปฏิบัติได้ยาก

ประเด็นที่ ๓  แย้งให้เห็นว่าเป็นตรงกันข้าม

๒. การโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริง

ฝ่ายเสนอและฝ่ายโต้แย้ง ควรคำนึงในเรื่องต่อไปนี้

ฝ่ายเสนอ                                                                             

ประเด็นที่ ๑  เรื่องนำมาอ้างมีอยู่จริง อยู่ที่ไหน

ประเด็นที่ ๒  การตรวจสอบว่าเรื่องนั้นมีจริง ๆ สามารถตรวจสอบได้

ฝ่ายโต้แย้ง

ประเด็นที่ ๑  แย้งว่าเรื่องนั้นไม่มีอยู่จริง

ประเด็นที่ ๒  แย้งว่าได้ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่ามี

๓. การโต้แย้งเกี่ยวกับคุณค่า

การโต้แย้งประเภทนี้จะมีความรู้สึกส่วนตัวแทรกอยู่ด้วย

การนิยามคำสำคัญในประเด็นในการโต้แย้ง

การนิยาม คือ การกำหนดความหมายของคำว่า คำ ที่ต้องการจะโต้แย้งนั้นมีขอบเขตความหมายอย่างไร เพียงใด  เพื่อการโต้แย้งจะได้เข้าใจตรงกัน ไม่ให้สับสน วิธีการนิยามอาจทำได้โดยใช้พจนานุกรม สารานุกรม หรือนิยามด้วยการเปรียบเทียบ หรือยกตัวอย่างก็ได้

การค้นหาและเรียบเรียงข้อสนับสนุนทรรศนะของตน

ทรรศนะจะน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับข้อสนับสนุนผู้โต้แย้งต้องพยายามแสดงทรรศนะที่มีข้อสนับสนุนที่หนักแน่น หลักฐานและเหตุผลต่างๆ เกี่ยวโยงสัมพันธ์กันอย่างน่าเชื่อถือ วิธีการเรียบเรียงข้อสนับสนุนเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มตั้งแต่ส่วนอารัมภบทต้องดึงดูด

ความสนใจของผู้ฟัง ชวนให้ติดตามการแสดงทรรศนะนั้น สาระสำคัญที่เป็นประเด็นการโต้แย้งต้องแสดงข้อสนับสนุนอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง และตรงตามความเป็นจริง

การชี้ให้เห็นจุดอ่อนของทรรศนะฝ่ายตรงข้าม

จุดอ่อนของทรรศนะของบุคคลจะอยู่ที่การนิยามคำสำคัญ ปริมาณและความถูกต้องของข้อมูล และสมมติฐานและวิธีการอนุมาน  ผู้โต้แย้งจะต้องชี้ให้เห็นจุดอ่อนของการนิยามของฝ่ายตรงข้ามว่ามีจุดอ่อนอย่างไร

จุดอ่อนในด้านการนิยามคำสำคัญ  นิยามที่ดีจะต้องชัดเจน รัดกุม  นิยามที่ไม่ดี มีลักษณะดังนี้

๑.  นำเอาคำที่นิยามไปบรรจุไว้ในข้อความที่นิยาม

๒.  ข้อความที่ใช้นิยามมีถ้อยคำที่เข้าใจยากจนสื่อความหมายไม่ได้

๓.  ผู้นิยามมีเจตนาไม่สุจริต สร้างข้อโต้แย้งให้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตน

จุดอ่อนในด้านปริมาณและความถูกต้องของข้อมูล หมายถึง ข้อมูลที่นำมาแสดงทรรศนะผิดพลาดหรือน้อยเกินไป ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ

จุดอ่อนในด้านสมมติฐานและวิธีการอนุมาน สมมติฐานหรือการอนุมานจะด้วยวิธีใดก็ตาม ต้องเป็นที่ยอมรับเสียก่อน กล่าวคือ ต้องเป็นสมมติฐานที่ไม่เลื่อนลอย เป็นวิธีการอนุมานที่ไม่มีความผิดพลาด  ถ้าชี้ให้เห็นว่าสมมติฐานมีจุดอ่อน ไม่ควรค่าแก่การยอมรับวิธีการอนุมานผิดพลาด ก็จะทำให้ทรรศนะนั้นมีน้ำหนักน้อย ไม่น่าเชื่อถือ

การวินิจฉัยเพื่อตัดสินข้อโต้แย้ง

การที่จะตัดสินว่าทรรศนะของฝ่ายใดควรแก่การยอมรับ หรือไม่ยอมรับนั้น  มี ๒ วิธี คือ

๑. พิจารณาเฉพาะเนื้อหาสาระที่นำมาโต้แย้งกันเท่านั้น

๒. พิจารณาโดยใช้ดุลพินิจในคำโต้แย้งของทั้งสองฝ่ายโดยละเอียด

ข้อควรสังเกตในการโต้แย้ง

มีดังนี้

๑. การโต้แย้งทำให้มีความคิดที่กว้างไกลขึ้น มองเห็นผลดีและผลเสียชัดเจนขึ้น

๒. การโต้แย้งไม่กำหนดระยะเวลา วิธีการ จำนวนบุคคล และสถานะของผู้โต้แย้ง

๓. การโต้แย้งแตกต่างจากการโต้เถียง เพราะเป็นการใช้ความคิดและวิจารณญาณที่อาศัย

เหตุผลและหลักฐานเป็นสำคัญ

ข้อควรระวังในการโต้แย้ง

๑.  หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ พยายามทำใจให้เป็นกลาง เคารพในเหตุผลของกันและกัน

โต้แย้งให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์

๒.  มีมารยาทในการโต้แย้ง ควรใช้ภาษาที่สุภาพ เหมาะสมกับบุคคล สถานที่ และเนื้อหา

แสดงความอ่อนน้อมและมีสัมมาคารวะ

๓.  เลือกประเด็นในการโต้แย้งเพื่อให้เกิดประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงประเด็นที่

ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงที่แน่นอน หรือประเด็นที่โต้กันแล้วจะทำให้เกิดการแตกแยก

เข้าใจผิด ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์

การโน้มน้าวใจ

การโน้มน้าวใจ คือ การใช้ความพยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติค่านิยมและการกระทำของบุคคลอื่น ด้วยกลวิธีที่เหมาะสมให้มีผลกระทบใจบุคคลนั้น จนเกิดการยอมรับและยอมเปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจต้องการ

ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์กับการโน้มน้าวใจ

ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นแรงผลักดันให้มนุษย์สร้างทัศนคติความเชื่อค่านิยม รวมทั้งกระทำพฤติกรรมอื่น ๆ อีกนานัปการ เพื่อสนองความต้องการ ของตน เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ถูกเร้าจนประจักษ์ว่า  ถ้าตนได้ปรับเปลี่ยนความคิดและการกระทำไปตามแนวทางที่ถูกรบเร้านั้นแล้ว ตนก็จะได้รับสิ่ง ซึ่งสนองความต้องการ ขั้นพื้นฐาน ตามความปรารถนา เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะตกอยู่ในสภาวะที่ถูกโน้มน้าวใจได้  หลักสำคัญที่สุดของการโน้มน้าวใจคือการทำให้มนุษย์ประจักษ์แก่ใจตนเองว่า ถ้าเชื่อเห็นคุณค่าหรือกระทำตามที่ผู้โน้มน้าวใจชี้แจงหรือชักนำ ก็จะได้รับผลที่ตอบสนองความต้องการขึ้นพื้นฐานของตน

การแสดงให้ประจักษ์ถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจ

๑. การแสดงให้ประจักษ์ถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจโดยธรรมดาบุคคลที่มี

คุณลักษณะ ๓ ประการ คือ มีความรู้จริง มีคุณธรรม และมีความปรารถนาดี ต่อผู้อื่น                      ย่อมได้รับความเชื่อถือจากบุคคลทั่วไป

๒. การแสดงให้ประจักษ์ ตามกระบวนการของเหตุผลผู้โน้มน้าวใจต้องแสดงให้ประจักษ์

ว่า เรื่องที่ตนกำลังโน้มน้าวใจมีเหตุผลหนักแน่น และมีคุณค่าควร แก่การยอมรับ อย่าง

แท้จริง

๓. การแสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึก และอารมณ์ร่วมบุคคลที่มีอารมณ์ร่วมกันย่อมคล้อย

ตามกันได้ง่ายกว่าบุคคลที่มีความรู้สึกปฏิปักษ์ต่อกัน เมื่อใดที่ผู้โน้มน้าวใจ ค้นพบ และ

แสดงอารมณ์ร่วมออกมา การโน้มน้าวใจก็จะสัมฤทธิ์ผล

๔. การแสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสียผู้โน้มน้าวใจต้องโน้มน้าวผู้รับสารให้                     เชื่อถือ หรือปฏิบัติเฉพาะทางที่ตนต้องการ โดยชี้ให้ว่าสิ่งนั้น มีด้านที่เป็นโทษ อย่างไร                       ด้านที่เป็นคุณอย่างไร

๕. การสร้างความหรรษาแก่ผู้รับสารการเปลี่ยนบรรยากาศ ให้ผ่อนคลายด้วยอารมณ์ขัน จะ                 ทำให้ผู้รับสารเปลี่ยนสภาพจากการต่อต้านมาเป็นความรู้สึกกลาง ๆ พร้อมที่จะคล้อย              ตามได้

๖. การเร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า เมื่อมนุษย์เกิดอารมณ์ขึ้นอย่างแรงกล้า ไม่ว่าดีใจ

เสียใจ โกรธแค้น อารมณ์เหล่านี้ มักจะทำให้มนุษย์ไม่ใช่เหตุผลอย่างถี่ถ้วน พิจารณาถึง                ความถูกต้องเหมาะควร เมื่อมีการตัดสินใจ ก็อาจจะคล้อยไปตามที่ผู้โน้มน้าวใจเสมอ

แนะนำได้ง่าย

น้ำเสียงของภาษาที่โน้มน้าวใจ

ควรใช้ภาษาในเชิงเสนอแนะ ขอร้อง วิงวอน หรือเร้าใจซึ่งในการใช้ถ้อยคำให้เกิดน้ำเสียงดังกล่าว จะต้องเลือกใช้คำที่สื่อความหมายตามที่ต้องการ โดยคำนึงถึง จังหวะและความนุ่นนวลในน้ำเสียง

การพิจารณาสารโน้มน้าวใจลักษณะต่าง ๆ

๑.  คำเชิญชวน

เป็นการแนะให้ช่วยกันกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง กลวิธีคือ การชี้ให้เห็นผู้ถูก

โน้มน้าวใจเกิดความภาคภูมิใจว่า ถ้าปฏิบัติตามคำเชิญชวน จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ทำประโยชน์

แก่ส่วนรวม

๒. โฆษณาสินค้าหรือโฆษณาบริการ

ลักษณะสำคัญของโฆษณาสินค้าคือ

๒.๑ จะมีส่วนนำที่สะดุดหูสะดุดตาซึ่งมีผลทำให้สะดุดใจสาธารณชน

๒.๒ ตัวสารจะไม่ใช่ถ้อยคำที่ยืดยาว มักเป็นรูปประโยคสั้นๆ หรือวลีสั้นๆ

๒.๓ เนื้อหาจะชี้ให้เห็นถึงความดีของสินค้า

๒.๔ ผู้โฆษณาจะโน้มน้าวใจที่มุ่งสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์

๒.๕ เนื้อหาของการโฆษณา จะขาดเหตุผลที่หนักแน่นและรัดกุม

๒.๖ สารโฆษณาจะปรากฏทางสื่อต่าง ๆ ซ้ำ ๆ กัน

๓. โฆษณาชวนเชื่อ

เป็นการพยายามโดยจงใจเจตนา ที่จะเปลี่ยนความเชื่อและการกระทำของบุคคล

ให้เป็นไปในทางที่ตนต้องการ ด้วยวิธีต่าง ๆ โดยไม่คำนึง ถึงความถูกต้อง ของเหตุผลและ

ข้อเท็จจริง ผู้โฆษณามีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนความเชื่อและอุดมการณ์ของคน ให้นิยม

เลื่อมใสในอุดมการณ์ฝ่ายตน และกระทำพฤติกรรมต่าง ๆ ตามที่ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อ

ต้องการ

กลวิธีในการโฆษณาชวนเชื่อ

๑. การตราชื่อ

เป็นการเบนความสนใจและผู้รับสารไปจากเหตุผลและข้อเท็จจริง ผู้รับสารควร

พิจารณาหลักการและเนื้อหาต่าง ๆ ให้รอบคอบเสียก่อน โดยไม่ใช้ความคิด หรือเหตุผล

ตรวจสอบ

๒. การกล่าวสรุปรวม ๆ ด้วยถ้อยคำหรูหรา

ผู้โน้มน้าวใจมักจะใช้ถ้อยคำที่ผูกพันความคิด หลักการ บุคคล สถาบันและ

อุดมการณ์ ทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ เลื่อมใส ด้วยความคิด บุคคลและสถาบัน

๓. การอ้างบุคคลหรือสถาบัน

ผู้โฆษณาจะเน้นการใช้วิธีอ้างถึงสถาบันหรือบุคคลที่ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ผู้ฟังเกิด

ทัศนคติที่ดี หรือเกิดความนิยมชมชอบนโยบาย หลักการหรืออุดมการณ์ของตน

๔. การทำเหมือนชาวบ้านธรรมดา

ผู้โฆษณาจะเชื่อมโยงตนเองและหลักการหรือความคิดของตน ให้เข้าไปผูกพันกับ

ชาวบ้านเพื่อแสดงตนว่า ตนเป็นพวกเดียวกับ ชนเหล่านั้น

                ๕. การกล่าวแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตน

ผู้โฆษณาจะเลือกนำแต่เฉพาะแง่ที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนมากล่าวโดยพยายาม

กลบเกลื่อนแง่อื่นที่เป็นโทษ

๖. การอ้างคนส่วนใหญ่

ผู้โฆษณาชวนเชื่อพยายามชักจูงให้ผู้รับสารเกิดความตระหนักว่าคนส่วนใหญ่

ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้

การโน้มน้าวใจจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ก็ต่อเมื่อ ผู้โน้มน้าวใจมีเจตนาที่ลวง กลบเกลื่อน หรือปิดบังไม่ให้ผู้รับการได้รับรู้ความจริงและเหตุผลที่จะเป็นต้องรู้

คำชี้แจง                 ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย ¡  หน้าตัวเลือกที่เห็นว่าถูกต้อง

๑. ข้อความใดเป็นข้อสรุปของข้อสนับสนุนต่อไปนี้

“ มนุษย์รู้จักนำคำที่มีความหมายเป็นรูปธรรมไปใช้เป็นความหมายแก่สิ่งนามธรรม ”

ก. เสียงของคำ จึงเพี้ยนและกลายไป

ข. ความหมายของคำ จึงย้ายที่และแคบเข้า

ค. ฐานะของคำ จึงสูงขึ้นตามความหมายที่ใช้

ง. ความหมายของคำ จึงขยายออกไปกว้างขวาง

๒. ข้อใดมิใช่ภาพพจน์กล่าวในทำนองเดียวกับสำนวนว่า “ คอแห้งเป็นผง ”

ก. มีสองตานี้สุดรู้ที่จะดูสีดามารศรี

ข. จากนางพ่างเพียงตกเมรุมาศ

ค. นาวาจะคลาชล ณ คลอง ขณะแล้งจะลอยไฉน

ง. แม้มีคู่ชูชิดสนิทนุ่ม เหมือนห่อหุ้มผ้าทิพย์สักสิบผืน

๓. ข้อใดไม่ใช่ การลำดับความจากข้อสนับสนุนไปสู่ข้อสรุป

ก. ขนมปังไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าข้าว ราคาแพงกว่า อย่าซื้อกินบ่อย ๆ เลย

ข. ความโกรธเป็นอารมณ์ที่ทำลายความสุข ผู้ที่ปล่อยให้โกรธง่ายจึงเป็นผู้ที่ทำลายตนเอง

ค. ฉันไม่ชอบการฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ทุกคนในที่ทำงานของฉันเขาทำแม้แต่

ผู้บังคับบัญชา แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร

ง. การเว้นวรรคเมื่อจบความเป็นสิ่งสำคัญในการเขียนภาษาไทย เพราะภาษาไทยไม่ได้

เขียนแยกคำ เหมือนบางภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ

๔. ข้อความใดเป็นข้อสนับสนุนของข้อสรุปต่อไปนี้

“ ราคาข้าวในตลาดโลกคงพุ่งสูงขึ้น ”

ก. ราคาสินค้าย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ปีนี้ปริมาณการผลิตข้าวของโลกมีน้อย

ข. ปริมาณการผลิตข้าวของโลกในปีนื้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง ๑๒.๕ ล้านตัน

ค. ราคาข้าวในประเทศสูงน่าพอใจ ปีนี้ไทยจะส่งข้าวออกสู่ตลาดโลก ๒.๕ ล้านตัน

ง. ราคาสินค้ามักแปรผันตรงข้ามกับปริมาณผลผลิต ปีนี้ประเทศส่งออกผลิตข้าวได้น้อย

๕. “ หมู่บ้านนี้มีผู้คนอาศัยเกือบหนึ่งพันครอบครัวแต่ไม่มีสถานที่ที่ชาวบ้านจะพักผ่อนหย่อนใจได้

     เลย  บริเวณนี้เป็นที่ว่างแห่งเดียวที่เหลืออยู่การสร้างอาคารพาณิชย์ในบริเวณนี้จึงเป็นการกระทำ

     ที่ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมแม้แต่น้อย ”  ในข้อความนี้ ประเด็นในการโต้แย้งคืออะไร

ก. ควรจัดหาบริเวณที่ว่างให้มากขึ้นสำหรับชาวบ้านหรือไม่

ข. สถานที่พักผ่อนหย่อนใจไม่จำเป็นสำหรับชาวบ้านหรือไม่

ค. ควรสงวนที่ว่างที่มีอยู่ไว้สำหรับชาวบ้านหรือไม่

ง. ควรสร้างอาคารพาณิชย์ในหมู่บ้านหรือไม่

๖. ข้อความใดเป็นสารโน้มน้าวใจชนิดโฆษณาชวนเชื่อเชิงการค้า

ก. หมดปัญหาเรื่องอ่านหนังสือไม่ทันสอบ เพราะวิเคราะห์ข้อสอบเก่าและแนะแนวการทำ

โจทย์ต่าง ๆ รวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้เพียงเล่มเดียว

ข. อาคารพาณิชย์บนทำเลทองเช่นนี้ ยิ่งตัดสินใจเร็วเท่าใด คุณก็มีโอกาสเลือกทำเลที่เหมาะ

ที่สุดได้มากขึ้นเท่านั้น

ค. คุณเป็นคนสำคัญเสมอไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพกบัตร

เครดิตของเราติดตัวไปด้วย

ง. เก็งแนวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลาย พ.ศ. พร้อมเฉลยและแนวคิดเพื่อพิชิตข้อสอบ

๗.  “ ในภาวะที่เศรษฐกิจตกตํ่า นักท่องเที่ยวต้องประหยัดค่าใช้จ่ายธุรกิจโรงแรมชั้นสองใน

      กรุงเทพ ฯ จึงกลายเป็นสถานพำนักที่คลาคลํ่าไปด้วยผู้คนโรงแรมชั้นหนึ่งขนาดหลายร้อยห้อง

      ซึ่งแข่งขันกันเกิดเมื่อไม่กี่ปีก่อนบัดนี้กำลังซบเซา ”  ข้อความนี้มีโครงสร้างในการใช้ภาษาที่

แสดงเหตุผลเป็นอย่างไร

ก. ดี เพราะมีโครงสร้างครบทั้งข้อสนับสนุนและข้อสรุป

ข. ดี เพราะมีการเปรียบเทียบเป็นข้อสรุปอย่างเห็นชัดเจน

ค. ไม่ดี เพราะมีโครงสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นข้อสนับสนุน

ง. ไม่ดี เพราะมีโครงสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นข้อสรุป

๘. ข้อใดเป็นประเด็นการโต้แย้ง

ก. รัฐบาลมีนโยบายถาวรที่จะแก้วิกฤติการณ์ขาดแคลนนํ้ามันบ้างไหม

ข. รัฐบาลและประชาชนควรร่วมกันบริหารการใช้นํ้าอย่างไร

ค. ปัญหาการขาดแคลนนํ้าเกิดจากการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้ามากเกินไปใช่หรือไม่

ง. ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ความต้องการใช้กระแสไฟลดลงเพียงใด

๙. การแสดงทรรศนะในข้อใดไม่สมเหตุสมผล

ก. ภาษาไทยเป็นภาษาที่ดี เพราะมีตัวอักษรและตัวเลขเป็นของตนเอง

ข. ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะดอกไม้ชนิดนี้มีประโยชน์มากมาย

ค. พืชผลของชาวไร่บริเวณนี้เสียหายเนื่องจากกลุ่มควันที่พวยพุ่งออกจากปล่องโรงงาน

ง. ปัจจุบันช้างไม่ได้ลากซุงเช่นในอดีต เนื่องจากมีเครื่องทุ่นแรงเข้ามาแทนที่

๑๐. พ่อค้าข้าวสาร              :              นี่คุณ ! เมื่อวานผมซื้อเนื้อหมูคุณ ๑ กิโล แต่พอกลับไปชั่งได้ ๙

ขีดเอง

พ่อค้าหมู                     :              ไม่ใช่ความผิดของผม เพราะผมใช้ข้าวสาร ๑ กิโล ที่ซื้อมาจาก

คุณแทนลูกตุ้มในตาชั่ง

ข้อใดเป็นแนวคิดที่ไม่สัมพันธ์กับบทสนทนาข้างต้น

ก. ขนมผสมนํ้ายา

ข. จุดไต้ตำตอ

ค. เกลือจิ้มเกลือ

ง. ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita