กระจกนิรภัย (Tempered Glass) มีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วน ดูดซับแรงกระแทกได้ดี และป้องกันการแตกกระจาย อีกทั้งยังมีความใสสีสันคมชัดใกล้เคียงกับหน้าจอจริง ซึ่งความทนทานต่อแรงกระแทกของฟิล์มกระจกสังเกตุจากสัญลักษณ์ XH ซึ่งตัวเลขด้านหน้าตัว H จะเป็นตัวบอกระดับความแข็งของหน้าจอ ยิ่งค่าตัวเลขมากยิ่งแข็งแรงมาก ซึ่งระดับความแข็งสูงสุดคือ 9H อย่างไรก็ตาม ตัวแผ่นฟิล์มกระจกมีลักษณะแข็งและมีความหนา จึงอาจจะตอบสนองต่อการสัมผัสได้ไม่รวดเร็วเท่าฟิล์มพลาสติก
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความแข็งระดับ 9H ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันจอแตกได้ 100% แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นฟิล์มกันรอยที่สามารถปกป้องหน้าจอของเราจากรอยขีดข่วนและแรงกระแทกได้ดีที่สุดค่ะ
ฟิล์มกระจกแบบเต็มจอกับไม่เต็มจอต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อยต่างกันไป การเลือกขนาดฟิล์มที่ใช่ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการใส่เคสโทรศัพท์แบบไหนค่ะ ฟิล์มกระจกแบบไม่เต็มจอจะครอบคลุมเฉพาะบริเวณจอแสดงผล และเหลือพื้นที่ขอบรอบ ๆ หน้าจอเอาไว้ ข้อดีของฟิล์มแบบนี้คือเราสามารถใส่เคสมือถือแบบไหนก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าขอบเคสจะดันขอบของฟิล์มกระจก แถมราคามักจะถูกกว่าแบบเต็มจอ แต่ข้อเสียที่แลกมาคือจะไม่สามารถป้องกันแรงกระแทกหรือรอยขีดข่วนที่เกิดบริเวณขอบจอได้ ถ้าทำโทรศัพท์ตกหรือขอบจอกระแทกกับของแข็ง ก็มีโอกาสที่กระจกจริงของหน้าจอจะเกิดรอยแตกร้าวค่ะ
ส่วนฟิล์มกระจกแบบเต็มจอนั้นจะกินพื้นที่ทั้งหน้าจอจรดขอบ ทำให้ขอบจอเองก็ได้รับการป้องกันจากฟิล์มไปด้วย เวลาทำโทรศัพท์ตก ตัวฟิล์มกระจกนี้เป็นเสมือนด่านแรกที่ป้องกันกระจกของหน้าจอมือถือไม่ให้แตก ข้อควรระวังในการเลือกฟิล์มแบบนี้ เราต้องดูว่าฟิล์มกระจกนั้นมีแถบกาวเก็บขอบกันฝุ่นหรือไม่ เนื่องจากฝุ่นผงเล็ก ๆ อาจเข้าไปตามขอบฟิล์มที่ไม่มีแถบกาว จนเป็นอุปสรรคในการมองเห็นจอแสดงผลได้ และใครที่ใช้มือถือจอโค้งก็อาจประสบปัญหาติดฟิล์มกระจกไม่แนบสนิท ส่งผลให้ประสิทธิภาพการป้องกันของฟิล์มลดน้อยลงเช่นกัน นอกจากนี้ ก็ต้องเลือกเคสมือถือที่ไม่ดันขอบฟิล์มแบบเต็มจอด้วยค่ะ
ตั้งแต่ที่สมาร์ทโฟนเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้มือถือแบบทัชสกรีนกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันในชีวิตประจำวันกันซะแล้ว แถมยังทำให้ “ฟิล์มกันรอย” กลายเป็นไอเทมเสริมสุดฮิต เพราะแน่นอนว่าหลายคนอาจจะกลัวรอยขีดข่วน จอแตก จากการทำโทรศัพท์ตก หรือกระแทก การติดฟิล์มกันรอยช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันฟิล์มกันรอยโทรศัพท์ มีให้เลือกหลายรูปแบบมาก ๆ วันนี้ผมเลยจะชวนทุกคนมาเลือกฟิล์มกันรอยให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองเพิ่มขึ้น ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย!
ฟิล์มกันรอยแบบใส สามารถป้องกันรอยขีดข่วนบนหน้าจอได้ด้วยการเคลือบฟิล์มแข็งบาง (Hard Coating) เนื้อฟิล์มติดง่าย ป้องกันการเกิดรอยบนแผ่นฟิล์มด้วยครับ ถือเป็นฟิล์มกันรอยขั้นเบสิกที่หลายคนนิยมใช้ เพราะเมื่อติดแล้วหน้าจอยังคมชัด สีสันสดใสเหมือนปกติ โดยตัวแผ่นฟิล์มจะมีความใสและบางเป็นพิเศษ นอกจากนี้แผ่นฟิล์มกันรอยยังช่วยกรอง UV ที่มาจากหน้าจออีกด้วย จึงช่วยถนอมสายตาได้ในระดับหนึ่ง
และด้วยความคมชัดของหน้าจอและสีสันนี่แหละครับ ที่ผมว่าน่าจะตอบโจทย์สายซีรีส์ หรือเกมเมอร์ ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ เพราะไม่ทำให้เสียอรรถรสอย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องระวังการเกิดรอยนิ้วมือ คราบมัน คราบเหงื่อ ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย จนทำให้เราต้องเช็ดหน้าจอบ่อย ๆ กันด้วยนะครับ
ฟิล์มกันรอยแบบด้าน เป็นฟิล์มกันรอยที่เมื่อแปะแล้วอาจจะไม่คมชัดเท่าฟิล์มแบบใส แต่ยังสามารถมองเห็นและใช้งานได้ตามปกติ โดยข้อดีคือยังช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ และคราบมันบนเนื้อฟิล์มได้พอสมควร อีกทั้งยังลดแสงสะท้อนบนหน้าจอได้ดีใช้งานกลางแจ้งได้สะดวกมาก ซึ่งฟิล์มกันรอยแบบด้านมาพร้อมคุณสมบัติกันรอยขีดข่วนสูง และยังช่วยถนอมสายตา ทั้งนี้หากเราเลือกซื้อฟิล์มที่คุณภาพไม่ดี ก็อาจจะทำให้การแสดงผลบนหน้าจอมีสีที่ผิดเพี้ยนได้เช่นกัน
โดยฟิล์มด้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายเลยครับ เช่น คนรักความสะอาด ไม่ชอบให้มีคราบมัน หรือคราบอื่น ๆ ที่มักจะติดอยู่บนฟิล์ม เหมือนเวลาใช้แบบใส หรือใครที่ต้องทำงาน ใช้สมาร์ทโฟนเกือบตลอดเวลา การใช้ฟิล์มด้าน ก็ช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ และถนอมสายตาของคุณได้มากขึ้นด้วยนะครับ
ฟิล์มกันรอยแบบกระจก ความจริงแล้วฟิล์มกระจกสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลายแบบ ดังนี้
- ฟิล์มกระจก
ผลิตจากเนื้อฟิล์มชนิดหนึ่งที่มีสารเคลือบพิเศษ ทำให้สามารถเห็นเงาบนแผ่นฟิล์ม โดยเมื่อหน้าจออยู่ในโหมด Stand by จะเห็นหน้าจอเหมือนกระจกเงาสะท้อนได้ เหมือนกระจกที่เราเอาไว้ส่องทั่ว ๆ ไปเลยครับ แต่เมื่อเราใช้งานหน้าจอ ก็จะสามารถมองเห็นหน้าจอและใช้งานได้ตามปกติ
- ฟิล์มกระจกนิรภัย
พูดถึงสิ่งนี้จะว่าเป็นฟิล์มก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะครับ เพราะมันคือกระจกนิรภัยสำหรับปกป้องหน้าจอ โดยจุดเด่นหลัก ๆ คือ ความแข็งแรงทนทานกว่าแบบฟิล์ม ช่วยลดการแตกร้าวของหน้าจอหากทำตกพื้น อีกทั้งยังป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ลดรอยนิ้วมือ หรือคราบมันต่าง ๆ ได้ ซึ่งถึงแม้พื้นผิวจะค่อนข้างหนากว่าฟิล์มก็ไม่เป็นปัญหาเลยครับ เพราะเรายังสามารถสัมผัสหน้าจอและใช้งานได้ตามปกติแน่นอน
สำหรับใครที่รักษาของและขอปลอดภัยไว้ก่อน เพื่อสมาร์ทโฟนสุดที่รักนั้น การเลือกใช้เป็นฟิล์มกระจกก็ถือว่าแข็งแรง และช่วยป้องกันการกระแทกได้ไม่น้อย ซึ่งใครที่เป็นสายเที่ยว หรือสายลุย ที่อาจเสี่ยงทำมือถือตกกระแทก การติดฟิล์มกระจกก็ช่วยเซฟได้ดีเลยทีเดียว
ฟิล์มน้ำ หรือฟิล์มไฮโดรเจล (Hydrogel Film) คือ ฟิล์มกันรอยรูปแบบใหม่ ที่จุดเด่นคือบางเฉียบจนเหมือนกับไม่ได้ติด ทำให้เราสัมผัสความคมชัด และสีสันของหน้าจอได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับความแข็งแรง ทนทาน ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับฟิล์มกระจกด้วยนะครับ โดยตัวฟิล์มน้ำสามารถรับแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งในท้องตลาดที่มีขายในปัจจุบันมีทั้งแบบใสและแบบด้าน ให้เลือกใช้งานอีกด้วย
จริง ๆ ต้องบอกเลยว่าฟิล์มน้ำ อาจจะเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว แต่ด้วยความบางของฟิล์มชนิดนี้ เราสามารถมั่นใจได้เลยว่าไม่มีปัญหาฟิล์มขอบลอย หรือ ฟิล์มดันเคสโทรศัพท์ เลยครับ ใครที่กังวลเรื่องการใช้งานตรงนี้ก็สบายใจได้เลย
ฟิล์มกันรอยแบบป้องกันความเป็นส่วนตัว ปกติแล้วฟิล์มทุกชนิดจะสามารถมองเห็นหน้าจอได้จากทุกมุมตามปกติใช่ไหมครับ แต่สำหรับฟิล์มกันรอยชนิดนี้ จะสามารถมองเห็นหน้าจอสมาร์ทโฟนได้แค่มุมด้านหน้าเท่านั้น หากมองจากมุมข้าง หรือมุมอื่น ๆ จะมองเห็นเป็นแค่จอมืด ๆ นั่นเอง เพื่อป้องกันผู้อื่นแอบดูหน้าจอ
ใครที่หวงความเป็น Privacy ให้ความสำคัญเป็นส่วนตัวมาก ๆ ฟิล์มกันรอยชนิดนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้มากเลยครับ ยิ่งถ้าต้องใช้สมาร์ทโฟนท่ามกลางฝูงชนอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะบนรถสาธารณะ หรือสถานที่ต่าง ๆ ก็ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว
เห็นคุณสมบัติของฟิล์มกันรอยชนิดต่าง ๆ รวมถึงข้อแนะนำกันไปแล้ว น่าจะพอเลือกกันได้แล้วนะครับว่าฟิล์มกันรอยแบบไหนที่มีฟังก์ชันเหมาะกับการใช้งานของเรา ยังไงอย่าลืมเลือกใช้ให้ตรงกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของตัวเองกันด้วยนะครับ งานนี้จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนกันบ่อย ๆ แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้สมาร์ทโฟนของคุณได้อีกด้วยนะครับ