คนขับรถที่ดูแลรถประจำ มักจะรู้ว่า ควรถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อคงรักษาสภาพเครื่อง หรือน้ำมันเกียร์ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วยังมีน้ำมันเฟืองท้ายด้วย
แต่เฟืองท้ายคืออะไร ต้องเปลี่ยนบ่อยไหน ใช้ร่วมกับน้ำมันเครื่องหรือไม่ มาดูครับ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/Article_Middle_leaderboard', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1635400875842-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1635400875842-0'); });
เฟืองท้ายคืออะไร?
เฟืองท้ายมีหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากเพลากลางมาถึงเฟืองท้ายไปยังล้อ มีความสำคัญต่อรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหลังเป็นอย่างมาก
เพราะกำลังจากเครื่องยนต์ที่ถูกส่งผ่านชุดเกียร์จะถ่ายทอดมายังเพลาหลังและส่งผ่านให้เฟืองท้ายขับเคลื่อนล้อหลังทั้ง 2 ข้าง
ชุดเฟืองท้ายประกอบไปด้วย
- เฟืองเดือยหมู (Bevel Pinion) ทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์จากชุดเกียร์ไปยังเฟืองบายศรี
- เฟืองบายศรี (Differential Pinion) ทำหน้าที่ลดอัตราทดการหมุนจากเฟืองเดือยหมู เปลี่ยนทิศทางการหมุนเพื่อส่งแรงไปยังเพลาทั้ง 2 ข้าง
- เฟืองดอกจอก (Differential Gear) ทำหน้าที่แบ่งกำลังจากเฟืองบายศรีส่งไปยังเพลา 2 ข้าง ให้ต่างกันในขณะเข้าโค้ง
- เฟืองข้าง (Side Gear) ทำหน้าที่ส่งกำลังให้ล้อรถหมุน
- เฟืองท้ายลิมิเตดสลิป (LSD) ทำหน้าที่ล็อกล้อทั้ง 2 ข้าง ให้หมุนด้วยความเร็วเท่ากัน แม้ว่าล้ออีกด้านจะหมุนฟรีอยู่ก็ตาม ทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ไปได้ ช่วยเรื่องปัญหาติดหล่ม
ใช้ร่วมกับน้ำมันเครื่องได้หรือไม่
อันที่จริง น้ำมันเครื่องและน้ำมันเฟืองท้ายคือน้ำมันตัวเดียวกันและสามารถใช้ร่วมกันได้สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า
แต่สำหรับรถขับหลัง ต้องแยกเบอร์ความหนืด โดยส่วนของเกียร์เหมาะกับน้ำมันหล่อลื่นมาตรฐาน GL-4 ส่วนเฟืองท้ายเหมาะกับมาตรฐาน GL-5 ที่มีความหนืดมากกว่า เพราะฟันเฟืองส่วนเฟืองเดือยหมู และเฟืองบายศรีมีการเสียดสีกันอย่างรุนแรง จึงต้องใช้ความหนืดมาช่วยหล่อลื่น
เบอร์ความหนืดที่นิยมใช้กันมี 2 เบอร์หลัก ๆ คือ SAE 90 เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ส่วนอีกเบอร์คือ SAE 140 เหมาะกับรถใช้งานหนัก เช่น งานบรรทุกหนัก เพราะเฟืองท้ายรับภาระหนักกว่ารถยนต์ที่ใช้งานทั่วไปจึงจำเป็นต้องเลือกใช้ความหนืดมากกว่า
ข้อแนะนำในการดูแลรักษาเฟืองท้าย
การเลือกน้ำมันเฟืองท้าย ควรเลือกตามมาตรฐานของรถยนต์ เพราะหากใช้ผิดเบอร์ รถจะมีความอืดมากกว่าปกติ แต่ก็สามารถถ่ายออกและใส่เบอร์ที่ถูกเข้าไปใหม่ได้
สำหรับรถที่ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถใช้เบอร์เดียวกับน้ำมันเกียร์ได้ และควรเปลี่ยนถ่ายทุก ๆ ระยะ 20,000 กิโลเมตร หากไม่ทำการเปลี่ยน จะเกิดการเสียดสีกัน และทำให้ส่งเสียงดัง เป็นอาการเรียกว่า เฟืองท้ายหอน และทำให้พังง่ายขึ้น
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/Article_Bottom_leaderboard', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1635400940131-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1635400940131-0'); });
ติดตามพวกเราได้ที่:
Patiphanw
นักเขียน
นักเขียนมือใหม่ ที่พยายามพัฒนาตัวเองขึ้นไปทุกวัน เริ่มชอบรถตั้งแต่เด็กเพราะบ้านเปิดอู่ จึงมีเวลาอยู่กับรถมาก ชอบไปขับรถเล่นตอนกลางคืน เพราะเป็นเวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด
รวมระยะการเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์
(อ่าน 3,885)1. น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องเป็นส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ หากไม่เปลี่ยนตามคำแนะนำแล้วละก็อาจจะส่งผลเสียแก่เครื่องยนต์
ระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา 5,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ 7,500-8,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 10,000-15,000 กิโลเมตร
2. น้ำมันเบรก
น้ำเบรก ทำหน้าที่ ดันปั้มเบรกเพื่อกดผ้าเบรก ลงบนจานเบรกให้เกิดแรงเสียดทาน สิ่งที่บ่งบอกอาการอย่างชัดเจนว่าต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรก คือ เบรกจม เบรกไม่อยู่ต้องย้ำเบรกบ่อย ๆ
ระยะเปลี่ยนน้ำมันเบรก ทุก 80,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี
3. น้ำมันเกียร์ / น้ำมันเฟืองท้าย
น้ำมันเกียร์ มีหน้าที่หล่อเลี้ยงชิ้นส่วนภายในของเกียร์ไม่ให้สึกหรอ แนะนำให้ใช้ตามคู่มือ
ระยะเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย 40,000 กิโลเมตร
4. น้ำมันพาวเวอร์
หากไม่เปลี่ยน อาจทำให้ชุดแร็คพาวเวอร์พัง
ระยะเปลี่ยนถ่าย น้ำมันพาวเวอร์ 80,000 กิโลเมตร
5. น้ำยาหม้อน้ำ
ช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ระยะเปลี่ยนถ่าย น้ำยาหม้อน้ำ 50,000 กิโลเมตร