ออกกำลังกายตอนไหนดีที่สุด จะตอนเช้าหรือตอนเย็นดี เชื่อว่าคำถามนี้คงเป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนต่างก็คิดหาคำตอบกันอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าใครก็อยากให้ช่วงเวลาการออกกำลังกายของตัวเองออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุดใช่ไหมล่ะคะ เพราะฉะนั้นไปหาคำตอบกัน
ก่อนที่จะให้ตอบว่า ออกกำลังกายเวลาไหนดีที่สุด ไปดูข้อดี ข้อเสีย ของการออกกำลังกายช่วงเช้าหรือช่วงเย็นกันก่อนค่ะ
การออกกำลังกายในแต่ละช่วงเวลานั้นมีข้อดีหรือข้อเสียต่างกันอย่างไร
ออกกำลังกายตอนเช้า
การออกกำลังกายตอนเช้า เป็นตัวเลือกของใครหลายคนเพราะเงียบสงบ สะดวก สามารถออกกำลังกายในห้องของตัวเอง รอบๆ หมู่บ้าน หรือสวนสาธารณะก็ได้ ถ้าสนใจออกกำลังกายที่บ้านง่ายๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เรามีบทความแนะนำ 5 คลิป ออกกำลังกายที่บ้าน
ข้อดีของการออกกำลังกายตอนเช้า
ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้เต็มที่ตลอดทั้งวัน กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าพร้อมทำงานไปตลอดวัน
ออกกำลังกายตอนเช้าสามารถทำได้ต่อเนื่อง เพราะเราสามารถจัดการเวลาของตัวเองได้ง่าย นอกจากนี้มลพิษในช่วงเช้ายังน้อยกว่า ทำให้เราได้รับอากาศบริสุทธิ์ให้กับร่างกาย
ข้อเสีย
นั่นคือร่างกายของเรายังตื่นตัวไม่เต็มที่ อุณหภูมิในร่างกายต่ำกว่าปกติ เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนี้อาจทำให้หลายๆ คนไม่มีแรงออกกำลังกายเนื่องจากเพิ่งตื่นนอน
วิธีแก้ คือรับประทานอาหารเบาๆ และย่อยง่ายเพื่อเติมพลังก่อนออกกำลังกาย เช่น กล้วย แซนวิชด์ หรือ ไข่ต้ม เป็นต้น อยากรู้ว่า อาหารก่อนออกกำลังกาย มีอะไรบ้างคลิกอ่านได้เลย รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและการวอร์มอัพด้วยนะคะ
ออกกำลังกายตอนเย็น
หลังเลิกงานเป็นช่วงเวลายอดนิยมของการออกกำลังกาย สาวๆ หลายคนพก ชุดออกกำลังกาย ติดตัวไปทำงานด้วย พอเลิกงานก็เปลี่ยนชุดแล้วมาอออกกำลังกายได้เลย ถือเป็นอีกช่วงเวลาที่หลายๆ คนชื่นชอบเพราะบรรยากาศคึกคักในตอนเย็นทำให้เรารู้สึกตื่นตัว
ข้อดีของการออกกำลังกายตอนเย็น
เป็นช่วงที่ร่างกายของเราพร้อมที่สุดเพราะผ่านการทำงานต่างๆ มาตลอดวัน ทำให้ออกกำลังกายได้เต็มที่ไม่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ร่างกายมีพลังงานสูง สามารถออกกำลังกายหนักๆ ได้
อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการทำงานในแต่ละวันได้อีกด้วย
ข้อเสีย
เพราะในตอนกลางคืน หลายๆคนอาจไม่ง่วงนอน เนื่องจากร่างกายหลั่งสารเอนดรอฟิน จนทำให้นอนหลับยาก
นอกจากนี้ร่างกายที่ออกกำลังกายในตอนเย็นยังเผาผลาญไขมันสะสมช้ากว่า เพราะจะดึงเอาพลังงานในช่วงกลางวันมาใช้ก่อนแล้วจึงเบิร์นพลังงานส่วนเกินนั่นเอง
ดังนั้นหากใครเลือกออกกำลังกายในตอนเย็นจึงควรใช้เวลาให้มากกว่าปกติ เช่น ใช้เวลาสัก 45 นาที – 1 ชั่วโมงจึงจะสามารถเผาผลาญพลังงานที่สะสมได้อย่างเต็มที่ค่ะ
แล้วสรุป ออกกำลังกายตอนไหนดีที่สุด ?
ไม่ว่าจะออกกำลังกายในตอนเช้าหรือตอนเย็น ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เลือกช่วงเวลาที่เราพร้อม สะดวก และสามารถทำได้ต่อเนื่อง
รวมถึงสามารถทำได้โดยไม่กระทบกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันของเรา ทำให้เราสามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรง นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
การออกกำลังกายในช่วงเช้า
คนส่วนใหญ่มักคิดว่าตอนเช้าอากาศสดชื่น มลพิษน้อย อากาศเย็นร่างกายยังสดชื่น เพราะได้พักมาทั้งคืน แต่การตื่นนอนในช่วงเช้าร่างกายเราไม่มีพลังงานให้กล้ามเนื้อแขนและขา เพราะฉะนั้นควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและพลังงานไปยังอวัยวะต่าง ๆ
อาการของการออกกำลังกาย เมื่อไม่ได้ทานอาหารในช่วงเช้า
1. หน้ามืด เป็นลม
2. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิต
ข้อแนะนำ
1. ถ้าต้องการออกกำลังกายตอนช้า ควรรับประทานอาหารก่อนเล็กน้อย เช่น แชนวิส โอวันติน ซึ่งใช้วลาย่อยประมาณ 30-60 นาที จะเป็นพลังงานเพียงพอต่อการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น เดิน แต่ไม่ใช่วิ่ง หรือเต้นแอโรบิก
2. การออกกำลังกายแบบแอโรบิกต่อเนื่องนานกว่า 1.5 ชั่วโมง จะทำให้ตับทำงานหนักกินไป ซึ่งมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
การออกกำลังกายในช่วงเย็น
เมื่อรับประทานอาหารเย็นแล้ว อีก 2 ชั่วโมงต่อมา จึงออกกำลังกายต่อเนื่องได้ และจะทำให้สารอาหารถูกใช้เป็นพลังงานจนเหลือสารอาหารน้อยที่สุด ทำให้วลานอนหลับ จะมีไขมัน พอกที่หลอดเลือดหรือเพิ่มไขมันส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายข้อแนะนำ
การออกกำลังกายตอนเย็นจะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายเพิ่มขึ้น และหากไข้หวัดระบาดก็จะทำให้ร่งกายมีภูมิต้านทานต่อไข้หวัดได้เพิ่มขึ้น จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการออกกำลังกายมีผลต่อภูมิต้นทานอย่างไร ของ แอนตรูว์ เคท พบว่าการออกกำลังกายปานกลาง ช่วยเพิ่มภูมิต้นทานของร่างกายได้ แต่การนั่ง ๆ นอน ๆ หรือออกกำลังหนักมากเกินไปจะส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง นอกจากนี้ยังพบว่าการออกกำลังกายปานกลางเป็นประจำยิ่งจะเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
ข้อมูล วันที่ 8 ตุลาคม 2563
ที่มา : ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษราเคราะห์