หลังคาบ้านเป็นโครงสร้างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อตัวบ้านเนื่องจากเป็นส่วนที่ช่วยดูแล ปกป้องบ้านจากลม ฝน แดด และสภาพอากาศที่แปรปรวนต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้าน สร้างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย เมื่อต้องสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านจึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกหลังคาเป็นอันดับต้น ๆ ในการเลือกหลังคาบ้าน นอกจากความสวยงามและความสอดคล้องกับสไตล์การตกแต่งบ้านแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงความแข็งแรง ทนทาน สามารถตอบโจทย์การใช้งาน ซึ่งในปัจจุบัน หลังคาบ้านเองก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบก็จะมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป AWII House ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับสร้างบ้านจะพาคุณไปทำความรู้จัก 6 หลังคายอดนิยมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการสร้างบ้าน
หลังคาบ้านทรงเพิงแหงนหรือหลังคาแหงน (Lean to Roof)
หลังคาบ้านทรงเพิงแหงนหรือหลังคาแหงนมีที่มาจากหลังคาที่สร้างแบบง่าย ๆ ของเพิงพักชั่วคราวในไร่ โดยหลังคาเพิงแหงนจะมีลักษณะแบนราบ แต่มีการลาดเอียงเทไปด้านใดด้านหนึ่งและมีเชิงชายรอบตัวบ้านเพื่อบังแดด บังฝน ส่วนมากนิยมใช้วัสดุเป็นเมทัลชีท กระเบื้องลอนคู่ กระเบื้องหลังคาคอนกรีต เป็นต้น ด้วยลักษณะที่เรียบง่ายและมีสไตล์นี้เองทำให้หลังคาประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะบ้านทรงโมเดิร์น ซึ่งอาจออกแบบและเพิ่มลูกเล่นได้โดยการทำหลังคาซ้อนกันหรือวางเอียงไปคนละด้าน ก็จะช่วยเพิ่มความแปลกใหม่และสวยงามให้กับตัวบ้านได้
- ก่อสร้างได้ง่าย รวดเร็ว
- ประหยัดงบประมาณ
- ป้องกัน แดด ลม ฝนได้เฉพาะด้านหน้าด้านเดียว
- รั่วซึมได้ง่าย
- ระบายน้ำได้ไม่ดีหากองศาการเอียงของหลังคาไม่เหมาะสม
หลังคาทรงผีเสื้อ (Butterfly Roof)
หลังคาทรงผีเสื้อเกิดจากการนำด้านต่ำของหลังคาทรงเพิงแหงน 2 หลังมาชนกัน ทำให้เกิดมุมองศาต่ำตรงกลางคล้ายปีกของผีเสื้อ ซึ่งหลังคาทรงผีเสื้อนี้ถือเป็นหลังคาที่มีความทันสมัย สร้างความแปลกใหม่และชูความเป็นเอกลักษณ์ให้กับบ้านได้ดี แต่หลังคารูปแบบนี้ยังพบเห็นได้น้อยมากในบ้านเรา เนื่องจากมักเกิดปัญหาเรื่องน้ำขังและรั่วซึมบริเวณที่หันมาชนกันหากช่างที่ทำไม่มีความชำนาญหรือมีปัญหาขยะอุดตัน แต่สามารถแก้ไขได้โดยการสร้างรางน้ำเพื่อรองรับน้ำฝนและช่วยระบายน้ำ
- มีความสวยงาม แปลกตา
- น้ำหนักเบา
- โครงสร้างไม่ซับซ้อน ประหยัดค่าใช้จ่าย
- เกิดน้ำขังได้ง่าย
- เกิดการรั่วซึมได้ง่าย
- หากมีน้ำขัง อาจทำให้หลังคากระเบื้องเป็นคราบดำคล้ายเชื้อราได้
หลังคาบ้านทรงจั่ว (Gable Roof)
หลังคาทรงจั่วเป็นรูปแบบหลังคาบ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป มีลักษณะเป็นหน้าจั่วสามเหลี่ยม โดยมีด้านลาดชัน 2 ด้านและด้านปะทะลม 2 ด้าน เหมาะกับบ้านทุกแบบทุกสไตล์และเหมาะสำหรับการสร้างบ้านในพื้นที่เขตร้อนอย่างประเทศไทยเนื่องจากมีโครงสร้างที่เอื้อต่อการถ่ายเทความร้อน ซึ่งปกติแล้ว ความร้อนจะลอยขึ้นสู่ที่สูงและหลังคาทรงจั่วนี้จะมีพื้นที่ใต้หลังคามาก ทำให้อากาศหมุนเวียนและกระจายความร้อนได้ดี อีกทั้งยังไม่ค่อยมีปัญหาน้ำขังและการรั่วซึมของน้ำเนื่องจากโครงสร้างที่มีความลาดเอียงนั่นเอง
- ก่อสร้างได้ง่าย
- ระบายความร้อนได้ดี
- ลดการรั่วซึมของน้ำ
- ฝนอาจสาดเข้าตัวบ้านได้หากวางทิศตัวบ้านและหลังคาไม่เหมาะสม
- ไม่สามารถป้องกัน แดด ลม ฝนด้านหน้าจั่วได้
หลังคาบ้านทรงปั้นหยา (Hip Roof)
หลังคาทรงปั้นหยาเป็นทรงหลังคาที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก โดยเป็นการนำด้านลาดเอียง 4 ด้านมาชนกันให้สูงขึ้นไปและมีการปิดครอบหลังคาทุกทิศทาง ทำให้เกิดลักษณะคล้ายพีระมิด หลังคาปั้นหยาจึงมีชายคาที่สามารถกันลม กันฝนได้ทุกทิศทาง แต่ส่วนใหญ่จะมีมุมลาดเอียงน้อยกว่าทรงจั่วจึงระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าทรงจั่ว ต้องอาศัยวัสดุกันความร้อนประเภทอื่นอย่างแผ่นสะท้อนความร้อนหรือฉนวนกันความร้อนเข้าช่วย อย่างไรก็ตาม หลังคาทรงปั้นหยานี้สามารถประยุกต์ใช้กับแบบบ้านต่าง ๆ ได้หลากหลาย โดยเฉพาะบ้านสไตล์ไทยและสไตล์ตะวันออก
- ก่อสร้างได้ง่าย
- มีความแข็งแรง ทนทานเป็นพิเศษ
- ป้องกันแดด ลม ฝนได้ดี
- ออกแบบง่าย เข้าได้กับบ้านหลากหลายสไตล์
- สามารถมองหลังคาได้จากรอบบ้าน หากพบจุดชำรุด สามารถซ่อมแซมได้รวดเร็ว
- ระบายอากาศได้ไม่ดี
- เกิดการรั่วซึมได้ง่าย หากช่างไม่มีความชำนาญ
- ค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากใช้วัสดุมากและมีรูปแบบซับซ้อน
หลังคาบ้านทรงมะนิลา (Manila Roof) หรือทรงปั้นหยายกจั่ว
หลังคาทรงมะนิลาเกิดจากการนำจุดเด่นของหลังคาทรงปั้นหยาที่มีความแข็งแรง รองรับแดด ลม ฝนได้ทุกทิศทางมารวมกับจุดเด่นของหลังคาทรงจั่วที่สามารถระบายความร้อนได้ดี เกิดเป็นหลังคาทรงผสมผสานที่มีลักษณะเหมือนทรงปั้นหยาแต่ส่วนบนของหลังคาจะเป็นทรงจั่ว นิยมใช้กับบ้านสไตล์คันทรีหรือบ้านสไตล์คอนเทมโพรารี โดยเฉพาะบ้านในเขตร้อนชื้นที่ต้องเผชิญลม ฝน แดดมากเป็นพิเศษ
- ป้องกันแดด ลม ฝนได้ทุกด้าน
- สามารถระบายความร้อนจากหลังคาได้ดี
- มีรูปแบบสลับซับซ้อน ต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญ
- มีราคาสูงกว่าหลังคาแบบอื่น ๆ
หลังคาบ้านทรงเรียบหรือหลังคาทรงแบน (Flat Roof)
หลังคาประเภทนี้จะมีลักษณะแบนราบขนานไปกับพื้นหรือเป็นระนาบเดียวกับพื้น แต่มีความลาดเอียดเล็กน้อยไปในทางใดทางหนึ่ง ร่วมกับการใช้ท่อระบายบนหลังคาเพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วมขัง ซึ่งส่วนใหญ่นิยมทำเป็นหลังคาคอนกรีตเหมือนพื้นดาดฟ้า จึงเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ดี เช่น วางถังเก็บน้ำ ใช้เป็นลานตากผ้า จัดพื้นเป็นที่นั่งเล่น หรือใช้ทำสวน หลังคาประเภทนี้นิยมใช้กับบ้านโมเดิร์นหรือบ้านที่มีรูปทรงเลขาคณิตเนื่องจากดูเรียบง่ายและทันสมัย เน้นโชว์ความโดดเด่นของตัวบ้าน
- ให้ความทันสมัย
- ก่อสร้างง่าย
- ใช้งบประมาณน้อย
- เพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับตัวบ้าน
- รับความร้อนตลอดวัน อาจส่งผลให้ภายในตัวบ้านร้อนกว่าปกติ
- ระบายน้ำไม่ดี
- พื้นคอนกรีตเกิดการแตกร้าว รั่วซึมได้ง่าย
หลังคาแต่ละรูปแบบก็มีลักษณะ ข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ก่อนเลือกรูปทรงหลังคาจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะหากต้องการเปลี่ยนหรือแก้ไข แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ครับ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น บริษัทรับสร้างบ้านหรือสถาปนิกจึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้คุณสามารถเลือกรูปแบบของหลังคาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านในฝันของคุณ