สื่อโทรทัศน์ มีอิทธิพลอะไรบ้าง

เรื่อง “ผลกระทบสื่อโทรทัศน์ต่อเด็ก” พบว่าพ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตเห็นว่า รายการโทรทัศน์ทีผลต่อพฤติกรรมของเด็ก ในระดับปานกลาง ค่อนไปทางมากตั้งแต่การซื้อสินค้าตามโฆษณา (เด็กจะซื้อของเล่นและขนมตามโฆษณาร้อยละ 46.4 ของเงินที่ได้รับ) การเลียบแบบท่าทางในการ์ตูน ทั้งการแต่งตัว พูดก้าวร้าว ใช้คำด่า ชกต่อย ตบตีเรื่อง “ผลกระทบสื่อโทรทัศน์ต่อเด็ก” พบว่าพ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตเห็นว่า 

ทางออก ดูทีวีกับลูก

การได้นั่งดูโทรทัศน์กับลูกเป็นโอกาสที่พ่อแม่ไม่ควรพลาด เพราะเด็กๆจะมีคำถามต่างๆ การที่มีพ่อแม่อยู่ด้วยจะทำให้คำถามนั้นมีคำตอบ เด็กเล็กๆ ยังแยกแยะไม่ออกว่าโลกในโทรทัศน์แตกต่างจากโลกความจริงอย่างไร

        โดยประเมินจากสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดและโรดแมปการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ 4 ระดับที่จะเริ่มมีออกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคงต้องรีบใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่แสนยากลำบากนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโควิด-19 รีบปรับตัวโดยด่วน และหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่ คิดนอกกรอบหรือคิดท่าที่ไม่มาตรฐานบ้างหากยังพอมีกำลังไหวอยู่

การดูโทรทัศน์เป็นกิจกวัตรประจำวันอย่างหนึ่งในครอบครัว เลือกใช้ โทรทัศน์ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงลูก เพราะโทรทัศน์ดึงดูดความสนใจของเด็กได้ดี และสามารถตรึงให้เด็กนั่งนิ่งๆได้เป็นเวลานาน โดยไม่คำนึงถึงว่าเด็กได้ซึมซับอะไรบ้างจากโทรทัศน์

บางคนอาจคิดว่าเด็กๆได้ดูโทรทัศน์แล้วได้เรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร และมีความคิด กว้างไกลทันสมัย ทราบหรือไม่ว่าการดูโทรทัศน์นั้นไม่ต้องใช้สมองทำงานเด็กต้องดูเรื่องราวที่ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถหยุดเรื่องราวเพื่อคิดวิเคราะห์ ไตร่ตรองถึงเหตุผล ซึ่งสิ่งนี้จะตรงกันข้ามกับการอ่านหนังสือที่สามารถหยุดเพื่อย้อนกลับมาอ่าน ใหม่เพื่อคิดไตร่ตรองได้ โทรทัศน์สร้างภาพ คำพูดและอารมณ์ให้รับรู้โดยไม่ต้องอาศัยการตีความ เพียงแค่นั่งลงและจ้องดู ในขณะที่การอ่านหนังสือจำเป็นต้องใช้จินตนาการสร้างภาพเองการอ่านจึงเป็น กิจกรรมที่ใช้สมองทำงานมากกว่าการดูโทรทัศน์


การแสดงออกของเด็กส่วนมากได้รับอิทธิพลมาจากสื่อ

เด็กดูโทรทัศน์ มากกว่าทำอย่างอื่น

เด็กใช้ชีวิตอยู่กับการดูโทรทัศน์ มากกว่าการทำกิจกรรมอื่น จนมีการเปรียบเทียบว่า เด็กใช้เวลาในการดูโทรทัศน์มากกว่าเวลาในการเรียนหนังสือในห้องเรียนเสียอีก กล่าวคือ เด็กใช้เวลาในการดูโทรทัศน์เฉลี่ยวันละ 6.1 ชั่วโมง หรือตลอดทั้งปี ใช้เวลาถึง 2,236 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันใช้เวลาในห้องเรียนเพื่อเรียนหนังสือประมาณ 1,600 ชั่วโมง


ลองคิดง่ายๆ ในหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง เด็กนอน 8 ชั่วโมง อยู่โรงเรียน 8 ชั่วโมง ดูทีวี 5 ชัวโมง เหลือเวลาอยู่กับพ่อแม่แค่ 3 ชั่วโมง นั่นก็หมายความว่าเด็กทุกวันนี้ถูกหล่อหลอมความคิดจิตใจจากสื่อมากกว่าพ่อ แม่เสียอีก

รายการโทรทัศน์มีอะไรให้เด็กดู

จากการสำรวจเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ ในแง่ของประชากรโดยรวมพบว่าคนส่วนใหญ่เลือกดูรายการบันเทิง ซึ่งก็ไม่แลปกเนื่องจากรายการโทรทัศน์ที่มีอยู่ในบ้านเราก็เน้นรายการบันเทิงเป็นส่วนใหญ่ แทบว่าทุกช่องสถานีก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน เช่น เกมส์โชว์ ละคร รายการเพลง

จากการสำรวจยังพบอีกว่ารายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศในบ้านเราในปัจจุบันมีสัดส่วนของรายการสำหรับเด็กเพียงร้อยละ 7.24 เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เด็กจึงหลีกเลี่ยงที่จะต้องดูรายการของผู้ใหญ่ ทั้งเนื้อหาและสาระในรายการนั้นมีความไม่เหมาะสมกับเด็กอยู่มากมาย

รายการโทรทัศน์ในปัจจุบัน

สำหรับรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กที่มีอยู่ทุกวันนี้ถูกกำหนดเนื้อหาโดยผู้ สนับสนุนรายการ ไปจนถึงการแอบแฝงโฆษณาสินค้าในรายการให้เด็กเกิดความเคยชินและความจงรัก ภักดีต่อสินค้านั้นๆและเมื่อต้องแข่งขันกันในตลาดธุรกิจโทรทัศน์เสรีเช่นนี้ หากเปรียบเทียบการผลิตรายการสำหรับเด็กและรายการสำหรับผู้ใหญ่แล้ว รายการสำหรับเด็กซึ่งผู้ผลิตต้องลงทุนเท่ากันแต่มีเงินทุนน้อยกว่า เพราะว่ามีสปอนเซอร์น้อยกว่า รวมไปถึงมีเรตติ้งน้อยกว่า

ผลกระทบจากโทรทัศน์ต่อเด็ก
โทรทัศน์จะมีผลกระทบต่อเด็กมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยได้แก่ จำนวนเวลาที่ดู อายุและพื้นฐานบุคลิกภาพของเด็ก การปล่อยให้เด็กดูคนเดียวหรือดูกับผู้ใหญ่ และพ่อแม่ได้พูดคุยอธิบายถึงสิ่งที่ได้เห็นในโทรทัศน์ให้ลูกเข้าใจหรือไม่

สถานการณ์ผลกระทบในเด็กไทย จากงานวิจัยของเอแบคโพลล์ในปี 2546 เรื่อง ผลกระทบสื่อโทรทัศน์ต่อเด็ก พบว่าพ่อแม่ผู้ปกครอง

สังเกตว่ารายการโทรทัศน์มีผลต่อพฤติกรรมของเด็กในระดับปานกลางค่อนไปทางมาก ตั้งแต่การซื้อสินค้าตามโฆษณา การเลียนแบบท่าทางในการ์ตูน การเลียนแบบทั้งการแต่งตัว คำพูดก้าวร้าว ใช้คำด่า ด้านความรุนแรง ชกต่อย ตบตี

นอกจากนี้ พ่อแม่ยังกังวลเรื่อง เซ็กส์ล้นจอ ซึ่งมาจากหนังต่างประเทศ ละครก่อนข่าว/หลังข่าว การ์ตูนญี่ปุ่น/ฝรั่ง มิวสิควีดีโอ และการแต่งตัวของพิธีกรตามลำดับ ซึ่งพฤติกรรมทางเพศที่มักพบในโทรทัศน์ที่จะส่งผลต่อเด็ก ได้แก่ การแต่งตัววาบหวิว ค่านิยมทางเพสที่ไม่เหมาะสม เช่น มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การแสดงออกทางเพศในที่สาธารณะ ไปจนถึงฉากกอดจูบลูบคลำ

โทรทัศน์ ไม่ส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

ช่วงเวลา 0 - 6 ขวบ ถือเป็นช่วงวัยทองของสมองมนุษย์ ต้องการการกระตุ้น จากมนุษย์ด้วยกัน อันหมายถึงพ่อแม่ ผุ้เลี้ยงดู จะต้องสื่อสารกับเด็ก สนับสนุนเด็กให้เรียนรู้สิ่งรอบข้างตามธรรมชาติ ส่งเสริมพัฒนาการด้านการเล่น การอ่านหนังสือ การใช้หนังสือภาพ การพูดคุย "ไม่ควรให้เด็กดูโทรทัศน์ อย่าให้เด็กสนใจสื่อที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีชีวิต"

สิ่งที่เด็กจะได้เรียนรู้จากโทรทัศน์

ความรุนแรงมีการศึกษาวิจัยที่ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างการดูทีวีที่มีเนื้อหาความรุนแรงกับพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก การดูความรุนแรงในโทรทัศน์จะทำให้เด็กเกิดการต่อต้านความกลัว ความกังวล เก็บกด ฝันร้าย นอนไม่หลับ และมีอาการผิดปกติจากความเครียด

เซ็กส์ โทรทัศน์ฉายภาพพฤตกรรมรักสนุกในเซ็กส์ของผู้ใหญ่ให้เด็กได้เรียนรู้ แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยง หรือผลที่ตามมาหลังจากมีเพศสัมพันธ์

สิ่งเสพติด ในทีวีมักฉายภาพดารานักร้องนักแสดงที่มีพฤติกรรมการเสพสิ่งเสพติด เช่น ดื่มเหล้ายามสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือยามอกหัก ซึ่งเด็กๆจะซึมซับและเลียบแบบ เมื่อตนเองตกอยู่ในภาวะเช่นนั้น

โฆษณา ในระหว่างการดูโทรทัศน์ พบว่าคลื่นสมองจะเป็นอัลฟ่า หมายถึงเป็นช่วงเวลาที่สมองทำงานในด้านการรับรู้ การนิ่งเฉย ไม่ได้ใช้ความคิดเลย สมองจะปิดรับข้อมูล ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นความต้องการของธุรกิจโฆษณาผลิตภัณฑ์ชั้นนำ 100 อันดับแรกเท่านั้น จากบริษัทที่มีอยู่ทั้งหมด 450,000 บริษัท หมายความว่า มีธุรกิจชั้นนำเพียง 100 แห่งเท่านั้นที่ตัดสินใจว่าเราควรดูอะไร

สิ่งดีๆก็มีในโทรทัศน์

สื่อโทรทัศน์ที่หลากหลายหากพ่อแม่ดูแลเอาใจใส่เวลาการดูทีวีของลูกอย่างใกล้ ชิดก็สามารถใช้ทีวีเป็นสื่อที่มีคุณประโยชน์สำหรับเด็กๆในเรื่องดังนี้

1. การนั่งดูโทรทัศน์เป็นกิจกรรมที่สมาชิกทุกวัยในครอบครัวใช้เวลาร่วมกันได้
2. พ่อแม่ควรใช้โทรทัศน์เป็นตัวกระตุ้นให้เด็กฝึกหัดอ่านตามรายการโทรทัศน์จากหนังสือที่มีเนื้อเรื่องเหมือนกัน
3. รายการโทรทัศน์ที่ดีจะสอนเด็กให้เข้าใจถึงค่านิยมและบทเรียนในชีวิตที่สำคัญ
4. รายการโทรทัศน์มักจะนำเสนอเรื่องราวที่มีข้อขัดแย้งหรือประเด็นอ่อนไหวซึ่ง เป็นโอกาสที่พ่อแม่และลูกได้มีโอกาสอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น
5. รายการโทรทัศน์ประเภทเพื่อการศึกษา เป็นสื่อในการเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและด้านสังคม
6. รายการข่าว เหตุการณ์รอบตัวและประวัติศาสตร์ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมผู้คนในสังคมอื่น
7. บางครั้งโทรทัศน์ก็ฉายหนังคลาสสิคดีๆ จากต่างประเทศ หรือหนังเก่าดีๆที่อาจไม่มีให้เช่าในร้านวีดีโอ
8. รายการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกของดนตรีและศิลปะ

อย่างที่รู้กันนะครับว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ย่อมมีสองด้านเสมอแล้วแต่ว่าเราจะเลือกที่จะใช้ จะทำ จะนำไปปฏิบัติด้านไหนก็เท่านั้นเอง นึกย้อนกลับไปตอนที่เราเป็นเด็กสมัยนั้นเทคโนโลยีอะไรยังมีไม่มากมายเท่าปัจจุบัน เรายังคงคุ้นกับวัฒนธรรมการละเล่นเก่าๆที่บ่มเพาะให้พวกเราเติบใหญ่ได้เหมือนทุกวันนี้ ถึงกระนั้นในยุคสมัยปัจจุบันก็ใช่ว่าเด็กรุ่นใหม่จะไม่มีหนทางหรือทางออกซะทีเดียว ยังมีอะไรอีกมากมายที่จะช่วยให้พัฒนาการด้านสมองของเขาได้พัฒนาได้อย่างไม่หยุดนิ่ง ผู้ที่จะมีส่วนทำให้พวกเขาฉลาดนั้นต้องแน่นอนอยู่แล้วคือ พ่อแม่ คนดูแลเด็ก ครู อาจารย์ ที่จะมีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเด็ก

ประเด็นนี้ทำให้เราทราบว่า การที่จะทำให้เด็กฉลาดนั้น อยู่ที่ "การจัดกระบวนการเรียนรู้" สำหรับเด็ก ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กเป็นสำคัญ

ความเป็นจริงทางประสาทวิทยาเผยให้รู้ว่า ในวัย 2- 3 ขวบแรกของชีวิต เด็กตัวเล็กๆ มีความสามารถที่จะเรียนรู้เกือบทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัว ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน และกระหายที่จะเรียนรู้วิชา ทักษะ ไปพร้อมกับการละเล่นต่างๆอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งหากการเรียนรู้นี้เกิดขึ้นในวัยเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก บางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่สามารถทำได้เลย

กระบวนการพัฒนาสมอง ที่ผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ และจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการพัฒนาสมองเด็กได้ อยากจะขอแยกเป็นประเด็นหลักๆดังนี้ครับ

- เล่นเพลินๆ...สมองพัฒนา
- ดนตรี ลีลา พัฒนาสมอง
- นิทาน สร้างความฉลาด

เล่นเพลินๆ...สมองพัฒนา

สำหรับเด็ก "การเล่น" คือ การเรียนรู้ครับ การเล่นทำให้สมองเด็กสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นกับประสบการณ์และสิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่สองได้รับ การเล่นของเด็ก จะเป็นการกระตุ้นสมองโดยตรง เด็กจะได้ฝึกใช้ความคิดต่างๆ เช่น การแก้ปัญหา จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เด็กก็จะคิดแก้ปัญหาเป็น มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ มีงานวิจัยของ Kotulax ในปี พ.ศ. 2539 ได้นำเด็กมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่พร้อมทั้งของเล่นเพื่อนเล่น อาหารดี เรียนรู้สิ่งต่างๆและการละเล่น พบว่า มีไอคิวมากกว่าอีกกลุ่มที่ตรงกันข้ามและสมองมีการทำงานมากขึ้น (ยืนยันจากเครื่องตรวจสมอง) และเขากล่าวว่า ไอคิวสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่า 20 แต้มได้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการกระตุ้นต่างๆ หลักง่ายๆ สำหรับการเล่นของลูกที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ควรใส่ใจ คือ

ของเล่น ที่เลือกให้ลูกควรมีความหลากหลาย เหมาะกับวัย และพัฒนาการของลูกรวมถึงเรื่องความปลอดภัยด้วยนะครับ ส่วนความหลากหลายนี้ไม่ได้จำกัดแค่ชนิดของการเล่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงของเล่นที่สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นได้หลากหลาย เพราะนั่นเท่ากับ เปิดโอกาสให้เด็กได้ทดลองเล่นวิธีใหม่ๆ ได้ลองผิดลองถูก นั่นหมายความว่า สมองเด็กกำลังทำงาน

ของเล่นที่เข้าลักษณะอย่างที่บอก เช่น ชุดหม้อข้าวหม้อแกง ชุดของเล่นประกอบการเล่นบทบาทสมมุติ บล็อกตัวไม้ ตัวต่อเลโก้ เป็นต้น

เล่นกลางแจ้งต้องไม่ขาด เด็กในเมืองที่มีของเล่นราคาแพง มีเครื่องเล่นชั้นดี ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เด็กได้รับการพัฒนาได้ครบ โดยเฉพาะเด็กเล็กๆที่ต้องการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ การได้ออกไปวิ่งเล่น เล่นเครื่องสนามเป็นประจำ จะช่วยให้ลูกได้พัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ซึ่งนั่นหมายถึง สมองส่วนควบคุมกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวก็ได้พัฒนาไปด้วย

พ่อแม่ คือ เพื่อนเล่นและเป็นของเล่นชั้นดีให้กับลูกได้ การที่พ่อแม่ได้ร่วมเล่นกับลูก จะทำให้ลูกรู้สึกสนุก กระตือรือร้น มีสมาธิกับการเล่น และลูกยังได้ความภูมิใจ ความสุขที่มีพ่อแม่อยู่ด้วย ดังนั้นในโรงเรียนและศูนย์เลี้ยงเด็ก บทบาทของครูและพี่เลี้ยงเด็กก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับพ่อแม่ของเด็กครับให้ อิสระในการเล่นกับเด็ก ให้เด็กได้จัดการการเล่นด้วยตนเอง อย่าไป กะเกณฑ์กับลูกมากเกินไป ให้ลูกได้ทดลองหาวิธีเล่นด้วยตัวเขาเอง แล้วเราจะพบว่า เด็กทำได้ดีและสนุกกับการค้นคว้าหาวิธีการเล่นใหม่ๆ

ดนตรี ลีลา พัฒนาสมอง
จังหวะ ท่วงทำนอง ความถี่ของดนตรี มีผลต่อการเชื่อมต่อกันของเส้นใยประสาท ซึ่งการเชื่อมต่อของใยประสาทนี้ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อการพัฒนาเครือข่ายสมองเด็กมากเท่านั้น นอกจากนี้ คุณทราบมั้ยครับว่า ดนตรี ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ ทำให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และดีต่อสุขภาพใจของลูกด้วยครับ

ดนตรีเป็นเรื่องของเสียง ซึ่งเสียงของดนตรี จะมีความพิเศษกว่าเสียงอื่นๆ เพราะเสียงดนตรีจะมีระดับของความถี่ที่แตกต่างกัน ทำให้มีความหลากหลายของคลื่นเสียงมากกว่าเสียงชนิดอื่น และคลื่นของความถี่ที่หลากหลายเหล่านี้ก็จะไปสอดคล้องกับทฤษฎีทางด้านการ พัฒนาการของสมองที่ว่า สมองจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้นในจังหวะแรกๆของชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าต้องการกระตุ้นการฟังให้ได้เสียงครบทุกย่านความถี่ก็ ต้องกระตุ้นด้วยความถี่ที่หลากหลาย

เคยอ่านเจอในงานเขียนชิ้นหนึ่งบอกว่า เสียงบรรเลงจากเครื่องดนตรีทางภาคอีสาน น่าจะสามารถที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาสมองมากที่สุด

นิทานสร้างความฉลาด

มีคนบอกว่า "อยากให้ลูกฉลาดต้องเล่านิทานให้ลูกฟัง" เป็นคำกล่าวที่เป็นความจริง ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าอยากให้ลูกฉลาด พ่อแม่ต้องเล่านิทานให้ลูกฟังเป็นประจำ เพราะภาพและตัวหนังสือ บนหนังสือนิทาน คือ ภาษาอย่างหนึ่งครับ

เด็กมักจะมีคำถามและอยากให้พ่อแม่เล่าซ้ำ ยิ่งได้ถามมาก ฟังมาก ก็ยิ่งจะเพิ่มพูนความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น

การที่พ่อแม่เล่านิทานให้ลูกฟัง ลูกจะได้เรียนรู้เรื่อง ภาษาไปด้วยในตัว เพราะลูกได้ฟังทั้งรูปประโยค บทสนทนา การใช้ภาษาโต้ตอบ ด้วยความสนุกสนาน ซึ่งจะทำให้จำแม่นขึ้น

การที่ลูกได้ฟังเรื่องซ้ำๆหลายๆครั้ง จะช่วยเพิ่มความเข้าใจในเรื่องราวมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นขั้นแรก ของการฝึกให้มีความคิดรวบยอดและการจับประเด็น เพราะความที่จำได้ทั้งเรื่องจะทำให้ลูกเห็นภาพรวมของเรื่องทั้งหมด ความอยากรู้อยากเห็นของลูกจะทำให้ลูกมีสมาธิจดจ่อกับเรื่องที่ฟัง ช่วยเสริมสร้างสมรรถนะในการฟัง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ภาษา

เสียงเล่านิทานของพ่อแม่จะส่งเสริมให้ลูกสร้างจินตนาการ เป็นภาพไปทุกช่วงของเรื่อง ภาพเหล่านี้จะเกิดจากประสบการณ์ที่มีอยู่เดิมของลูกบวกกับจินตนาการใหม่ที่ลูกสร้างขึ้นเอง ทำให้เกิดการรับรู้ใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน

บทสรุปหรือคติในนิทานจะช่วยขยายสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรับรู้ภาษา ของลูกยิ่งขึ้นไปอีก

นิทานช่วยปลูกฝัง นิสัยรักการอ่านซึ่งเป็นทักษะทางภาษาที่สำคัญอีกขั้น ที่สำคัญที่สุด ความใกล้ชิดและความรู้สึกร่วมระหว่างพ่อแม่ผู้เล่ากับลูกซึ่งเป็นผู้ฟัง เป็นบรรยากาศที่ดีที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของลูกอย่างยิ่ง

คุณครูและผู้เลี้ยงดูเด็ก ทำหน้าที่ บทบาทของพ่อแม่ของเด็กในขณะที่เด็กอยู่ในสถานเลี้ยงดูเด็ก กระบวนการต่างๆก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี

สื่อประเภทใดมีอิทธิพลต่อการบริโภคสินค้ามากที่สุด

และเมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างอิทธิพลของสื่อโฆษณาที่มีผลต่อการตัดสินใจร่วมกับระดับรายได้ โดย จ าแนกลึกลงไปในแต่ละสื่อพบว่า สื่อออนไลน์เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุดในทุกระดับรายได้ ยกเว้น กลุ่มผู้มีรายได้ต่อครัวเรือน 12,000 บาท หรือต ่ากว่า ที่เชื่อถือสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์มากที่สุด โดยอิทธิพลของ สื่อโฆษณา ...

การโฆษณาทางโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อผู้ชมอย่างไร

1. โทรทัศน์ โทรทัศน์เป็นสื่อโฆษณาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ดีที่สุด เพราะจะต้องใช้ทั้งประสาทตาประสาทหูไปพร้อม ๆ กัน เกิดการรับรู้ได้ง่าย เพราะมีทั้งภาพและเสียงที่เคลื่อนไหวได้ สามารถกระตุ้นความสนใจจากเนื้อหาเรื่องราวของโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอและชักจูงใจให้ซื้อสินค้า

ทีวีเป็นสื่ออะไร

สื่อโทรทัศน์ (TV Advertising) เป็นสื่อที่มีทั้งภาพ เสียง การเคลื่อนไหว สามารถใช้สร้างสรรค์และลูกเล่น โฆษณาได้มาก เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวางทั่วประเทศกว่า 90% ของครัวเรือนมีเครื่องรับโทรทัศน์

สื่อ มีผลต่อพฤติกรรมอย่างไร

สื่อต่าง ๆ ส่งผลต่อการกระทาของมนุษย์ให้เกิด พฤติกรรมการทะเลาะวิวาท การซื้อสินค้าตาม โฆษณา การมีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง การใช้สารเสพติด การแต่งกายตามแฟชั่น

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita