รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
Bitcoin คืออะไร น่าเชื่อถือมั้ย มีมูลค่าได้ยังไง ?
พี่ทุยเชื่อว่าประเด็นที่ร้อนแรงติดอันดับต้น ๆ ในโลกการเงินและการลงทุนในตอนนี้คงหนีไม่พ้น Bitcoin ที่ถ้าเทียบราคาเป็นเงินไทยแล้วขึ้นทะลุ 1,000,000 บาท ต่อ 1 Bitcoin เป็นที่เรียบร้อย และดูเหมือนอาจจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ซะด้วย
จริง ๆ แล้ว Bitcoin นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แต่สำหรับหลาย ๆ คนอาจจะยังแค่เคยได้ยินผ่าน ๆ หรือยังไม่รู้ว่าแหล่งที่มาหรือการทำงานจริงๆของมันคืออะไร และเงินที่จับต้องไม่ได้นี้มันมีมูลค่าจริง ๆ หรือเปล่า
วันนี้เรามาเติมความรู้ทางเรื่องการ Bitcoin กันดีกว่า
“Bitcoin คืออะไร” ?
Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิตอลที่ทุกคนบนโลกสามารถใช้แลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ โดยผ่านระบบ Blockchain ซึ่งเป็นการ Decentralize ให้ทุกธุรกรรมถูกตรวจสอบจากคอมพิวเตอร์ทั่วทุกมุมโลกผ่านการ Mining หรือการขุด Bitcoin แทนที่จะเป็นการควบคุมจากใครหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือง่าย ๆ ก็คือระบบกลไกที่ตัดหน้าที่ของตัวกลางออก แล้วให้ทุกคนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยตรงได้ จากนั้นก็ให้ทุกคนที่อยู่ในระบบเป็นพยานว่ามีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นจริง ๆ
แล้ว Bitcoin น่าเชื่อถือไหม ?
เท่ากับว่า Bitcoin นั้นเป็นเงินดิจิตอลที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับใคร และมีความน่าเชื่อถือผ่านการตรวจสอบจากคอมพิวเตอร์ทั่วโลก และด้วยการวางระบบแบบนี้ ทำให้การจะทำลายระบบ รวมถึงการ Hack นั้นเป็นเรื่องยากและแทบเป็นไปไม่ได้เลย ไว้พีทุยจะมาขยายเรื่องการ Code เพิ่มเติมว่าทำไมการเข้า Hack ระบบ Blockchain ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของ Bitcoin ถึงได้ทำได้ยากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ทำไมถึงเกิด Bitcoin?
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากสำหรับ Bitcoin คือผู้สร้าง Satoshi Nakamoto (นามแฝง) นั้นตระหนักถึงปัญหาทางการเงินในโลกเรา ที่หลาย ๆ ประเทศ “พิมพ์เงิน” ออกมาเป็นว่าเล่น แทรกแทรงกลไกทางการตลาดและเศรษฐกิจ เพื่อหวังจะอุ้มและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็กลายเป็นดั่งระเบิดเวลาที่อาจสร้างวิกฤตในอนาคต ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกังวลกันมากในปัจจุบัน
เพื่อลดอำนาจของรัฐบาลและต้องการสร้างเงินที่เป็นระบบโดยไม่ถูกควบคุมหรือแทรกแทรงโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งผ่านการ Decentralize โดยให้ผลตอบแทนผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจสอบธุรกรรมผ่านการขุดเป็นเหรียญ Bitcoin นั่นเอง
โดยคุณ Satoshi นั้นได้มองละเอียดลึกมาก ตั้งแต่การวางระบบที่คำนึงถึง Demand Supply การคงมูลค่า ผลกระทบต่าง ๆ ความปลอดภัย การสร้างเครือข่ายผ่านการให้รางวัล ทำให้ระบบทั้งหมดของ Bitcoin สามารถดำเนินต่อไปได้โดยไร้การควบคุมหรือการแทรกแทรงจากใคร และเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ปลอดภัย
ปัจจัยในการแลกเปลี่ยน Bitcoin ?
ในอดีตมนุษย์เราได้พยายามนำสิ่งต่าง ๆ มาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เพื่อให้การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นได้ง่ายสะดวก โดยสิ่งที่จะเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนหรือมีค่าได้นั้นต้องมีปัจจัยดังนี้
- Time – มีความสามารถในการคงสภาพผ่านกาลเวลา หรือตัวกลางนั้น ๆ จะไม่เสื่อมมูลค่าไปตามกาลเวลา
- Space – มีความสามารถในการขนส่งขนย้ายที่ง่าย
- Scale – มีความสามารถในการแบ่งหน่วยออกเป็นหน่วยย่อยได้
ซึ่งสิ่งที่ในอดีตมีปัจจัยดังกล่าวครบและถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างแพร่หลายนั่นก็คือทองคำ ประกอบกับการที่ทองคำไม่สามารถปลอมแปลงหรือผลิตใหม่ขึ้นมาได้โดยง่าย
จึงเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนที่ได้การยอมรับมาเป็นเวลานาน ก่อนที่ภายหลังจะเปลี่ยนมาใช้เงินหรือธนบัตรแทนโดยมีทองค้ำประกันมูลค่าของเงิน และเมื่อคนยอมรับในตัวเงินและธนบัตรแล้วจึงมีการยกเลิกการค้ำประกันด้วยทองไปในภายหลัง
แล้ว Bitcoin มีค่าได้อย่างไร?
เหตุผลที่ทำให้ Bitcoin กลับมามีมูลค่าได้ก็เพราะว่าถูกมองเป็น “สื่อกลางแลกเปลี่ยน” ที่โลกอินเตอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี
- เมื่อมีความต้องการเพิ่ม มูลค่าก็เพิ่ม
เพื่อให้ Bitcoin มูลค่าไม่ถดถอยไปตามกาลเวลา (Time) จึงถูกวางระบบให้มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น โดยจะค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมาผ่านรางวัลจากการขุด Bitcoin และยิ่งเวลาผ่านไปผลตอบแทนจากรางวัลการขุด Bitcoin นั้นจะยิ่งลดลงหรือที่ถูกเรียกว่า Halving ทำให้ยิ่งเวลาผ่านไป Bitcoin ที่จะออกมาสู่ตลาด (Supply) ก็จะยิ่งน้อยลง ซึ่งหากความต้องการใช้งาน (Demand) ยิ่งมากขึ้นก็จะส่งผลให้มูลค่าของ Bitcoin เพิ่มขึ้น
- แลกเปลี่ยนได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
เนื่องจาก Bitcoin อยู่ในโลกดิจิตอลทำให้ข้อจำกัดด้าน Space จึงหมดไป เราสามารถใช้ Bitcoin แลกเปลี่ยนผ่านที่ใดบนโลกได้อย่างไร้ข้อจำกัด และยิ่งผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้คนคุ้นชินและพึ่งพิงโลกออนไลน์มากขึ้น อนาคตของ Bitcoin ก็ยิ่งเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
- หน่วยของ Bitcoin
Bitcoin เป็นสินทรัพย์ในโลกดิจิตอล ดังนั้นการแบ่งหน่วย (Scale) จึงไม่ใช่ปัญหา แต่เนื่องจากปัจจุบันนั้นมีมูลค่าสูงมากทำให้ 1 Bitcoin สำหรับไทยก็เกือบ 1 ล้านบาทแล้ว หน่วยที่ใช้แลกเปลี่ยนทั่วไปจริง ๆ จึงเป็นหน่วยทศนิยมกัน และเพื่อให้เรียกกันเข้าใจง่ายจึงมีการตั้งชื่อเรียกหน่วยย่อยที่เป็นจุดทศนิยมขึ้นมาโดยมีการเรียก 0.001 Bitcoin ว่า 1 Millibitcoin และ 0.00000001 Bitcoin ว่า 1 Satoshi ตามนามแฝงของผู้สร้าง Bitcoin นั่นเอง
จะเริ่มลงทุน Bitcoin ต้องทำอย่างไร?
การจะมี Bitcoin ไว้ในครอบครองนั้นแบ่งออกเป็น 2 วิธี
การขุด Bitcoin
การขุด Bitcoin สามารถทำได้โดยใช้เครื่องขุด Bitcoin หรือ Asic โดยในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้แม้กระทั่งผ่าน Shopee Lazada แต่ถ้าหากใครเป็นนักประดิษฐ์มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์หน่อยก็อาจจะประกอบเครื่องขุด Bitcoin เองก็ได้ โดยในปัจจุบันมีคนสอนและบอกรายละเอียดผ่าน YouTube มากมาย
โดยสิ่งที่ต้องคำนึงหลัก ๆ เลยคือต้นทุนทั้งค่าเครื่องและค่าไฟ เพราะการขุด Bitcoin เป็นการประมวลผลผ่านอุปกรณ์ของเครื่องขุดซึ่งทำให้มีอายุการใช้งานที่ไม่ได้ยาวนานนัก ประกอบการผันผวนของราคา Bitcoin อาจทำให้เราต้องคำนวณต้นทุนให้ดีและอาจะต้องคำนวณเผื่อการผันผวนของราคา Bitcoin ไว้อีกด้วย
การเทรด Bitcoin
การที่เราจะเทรด Bitcoin ได้นั้นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิตอล (Wallet) ด้วย ซึ่งเว็บเทรดชื่อดังส่วนใหญ่ก็จะมีบริการเหล่านี้อยู่แล้ว และเพื่อให้อยู่ภายใต้กฎหมายและสร้างความปลอดภัย การสมัครเข้าเทรดกับเว็บเหล่านี้จะมีการขอหลักฐานยืนยันตัวตนของเราก่อน
เมื่ออนุมัติผ่านแล้วก็สามารถโอนเงินเข้าไปซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Cryptocurrency ต่าง ๆ รวมถึง Bitcoin ได้เลย
สิ่งที่ต้องระวังในการลงทุน Bitcoin
ถึงแม้เราจะรู้ว่า Bitcoin มีระบบที่คิดค้นมาอย่างดีมีความปลอดภัยในตัวระบบเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปัจจุบัน เนื่องด้วย Bitcoin เองยังไม่ได้อยู่สถานะที่สามารถซื้อขายแทนเงินสดกันได้อย่างแพร่หลาย และด้วยสถานะปัจจุบันของ Bitcoin อาจจะยังเป็นสินทรัพย์ที่เก็งกำไรอยู่และการที่ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะทำมี Bitcoin มีราคาสูงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นก็เป็นได้เช่นกัน
ดังนั้นหากจะนำเงินมาลงทุนควรเป็นเงินเย็นหรือเงินที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของเรา และที่สำคัญควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพราะความรู้จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับเรา ในขณะที่ยังช่วยเป็นเกราะป้องกันลดความเสี่ยงไปพร้อม ๆ กัน