สำนวน Every cloud has a silver lining แปลว่า สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะย่ำแย่ก็อาจมีสิ่งที่ดีซ่อนอยู่ หากแปลตรงตัวคือ เมฆทุกก้อนจะมีเส้นแสงสีเงินเสมอ ซึ่งก็หมายถึงว่า แม้ว่าจะมีก้อนเมฆบังแต่แสงสว่างของพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ก็มักจะส่องผ่านเมฆให้เห็นเป็นเส้นอยู่เสมอ สำนวนนี้มักจะใช้ในการปลอบใจท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้ความหวัง ตัวอย่างเช่น Don't worry. Every cloud has a silver lining. อย่ากังวลไปเลย
บทเรียนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเพิ่มเติม
แปลข่าวภาษาอังกฤษ
Thailand hopes holy sour candy will stop road...
Thai police on Monday began distributing 140,000 sweets blessed by a Buddhist abbot in the hopes of reducing road accidents this Songkran season by keeping motorists awake with
the candies. On Saturday, 2,999 monks gathered at a temple to bless...
เรียนคำศัพท์ สำนวน สแลง ภาษาอังกฤษ
Recommended textbook solutions
College Algebra Enhanced with Graphing Utilities
6th EditionMichael Sullivan, Michael Sullivan III
7,231 solutions
A First Course in Abstract Algebra
7th EditionJohn B. Fraleigh
2,351 solutions
Numerical Analysis
9th EditionJ. Douglas Faires, Richard L. Burden
873 solutions
Precalculus: Mathematics for Calculus
7th EditionLothar Redlin, Stewart, Watson
8,795 solutions
ความรู้เพิ่มเติม
1. ได้สำนวนในเรื่องหัวใจชายหนุ่มดังต่อไปนี้
- เดินเข้าท้ายครัว หมอบราบคาบแก้ว คลุมถุงชน ลงรอยเป็นถ้าประนม
- ทำตัวเป็นหอยจุ๊บแจง ค้อนเสียสามสี้วง
- โรงเรียนฝึกหัดเจ้าชู้ ชิงสุกก่อนห่าม
- เมฆทุกก้อนมีซับในเป็นเงิน อุทิศตัวเป็นพรหมจรรย์
- ขนมปังครึ่งก้อนดีกว่าไม่มีเลย
- เทวดาถอดรูป
2. แสดงให้เห็นเกี่ยววัฒนธรรมการแต่งกายของผู้หญิงที่เปลี่ยนไปในสมัยรัชกาลที่6 เช่น การที่ผู้หญิงเริ่มไว้ผมยาว ค่อยๆเลิกนุ่งโจงกระเบน เริ่มหันมานุ่งผ้าซิ่น ซึ่งนับว่าเป็นแฟชั่นหรือวัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทยที่หันมานิยมวัฒนธรรมแบบตะวันตก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และเริ่มจากสังคมคนชั้นสูง
เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าวรรณกรรมเรื่องหนึ่งสามารถบอกอะไรได้มากกว่าที่เราคิด วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักวรรณกรรมที่สะท้อนสภาพสังคมและแนวคิดของผู้คนในยุครัชกาลที่ 6 สมัยรัตนโกสินทร์ ยุคสมัยแห่งความ ‘ศิวิไลซ์’ ของสังคมไทยที่เกิดจากการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในหลาย ๆ ด้าน เกริ่นมาแบบนี้เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะพอเดาได้แล้วว่าวรรณกรรมที่เราพูดถึงอยู่ก็คือเรื่อง ‘หัวใจชายหนุ่ม’ นั่นเอง
เรียนเรื่องหัวใจชายหนุ่มในรูปแบบวิดีโอ คลิกดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee ได้เลย
หัวใจชายหนุ่มเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เพื่อพระราชทานตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายเดือน เมื่อ พ.ศ. 2464 ในเรื่องนี้พระองค์ทรงใช้พระนามแฝงว่า ‘รามจิตติ’
หนังสือพิมพ์ดุสิตสมิต Cr. Bloggang.com
หัวใจชายหนุ่มเป็นนวนิยายร้อยแก้วในรูปแบบของจดหมายจำนวน 18 ฉบับ พระองค์ได้สร้างตัวละครเอกขึ้นมา โดยสมมติให้มีตัวตนจริงและใช้สถานที่ที่มีอยู่จริงในการดำเนินเรื่อง* เนื้อเรื่องของหัวใจชายหนุ่มสะท้อนให้เห็นแนวพระราชดำริในการปรับรับเอาอารยธรรมตะวันตกเข้ามาผสมผสานกลมกลืนกับวัฒนธรรมไทยในยุคสมัยของพระองค์ และแม้ว่าวรรณกรรมเรื่องนี้จะมีอายุกว่า 100 ปีแล้ว แต่ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของ ‘จดหมายถึงเพื่อน’ ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุก เป็นกันเอง รู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดกับผู้แต่งประหนึ่งว่าเป็น ‘เกลอ’ กันจริง ๆ หัวใจชายหนุ่มจึงเป็นนวนิยายที่ติดตราตรึงใจผู้อ่านงานวรรณกรรมทั้งหลายมาจนถึงปัจจุบัน โดยจดหมายที่ยกมาให้เพื่อน ๆ ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้อ่านกันประกอบไปด้วย หัวใจชายหนุ่ม ฉบับที่ 1 ฉบับที่ 4 - 6 ฉบับที่ 9 ฉบับที่ 11 - 13 ฉบับที่ 15 และฉบับที่ 17 - 18 สาเหตุที่บางฉบับขาดหายไป ก็เพราะรามจิตติหรือผู้แต่ง “คัดออกเสียหลายฉบับ, เพื่อมิให้ฟั่นเฝือเกินไป” โดยในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักวัตถุประสงค์ในการแต่ง ทำความรู้จักตัวละคร และทำความเข้าใจเรื่องย่อของหัวใจชายหนุ่มให้มากยิ่งขึ้น
*เพื่อน ๆ สามารถศึกษาสภาพสังคมและการเมืองในสมัยรัชกาลที่ 6 - 7 ต่อได้ในบทความนี้: การเมืองการปกครองไทยในสมัยร.6 - 7 วิชาสังคมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
วัตถุประสงค์ในการแต่งเรื่องหัวใจชายหนุ่ม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ได้ไปศึกษาต่อยังที่สหราชอาณาจักร และทรงศึกษาอยู่ที่อังกฤษเป็นระยะเวลานานกว่า 9 ปี ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเข้าใจความแตกต่างของวัฒนธรรมไทยและตะวันตกเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยก็มีการเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้มีนักเรียนไทยไปศึกษา ณ ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และเมื่อ ‘นักเรียนนอก’ เหล่านี้กลับมายังประเทศไทยจึงรู้สึกไม่สะดวกไม่สบายกับความ ‘อันศิวิไลซ์’ หรือความไม่เจริญของประเทศไทย สภาพแวดล้อมทางสังคมเหล่านี้ทำให้นวนิยายเรื่อง ‘หัวใจชายหนุ่ม’ ถือกำเนิดขึ้น โดยวัตถุประสงค์ในการแต่งมีดังนี้
๑. เพื่อสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นภาพสังคมไทยในขณะนั้น
๒. เพื่อสะท้อนมุมมองความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ (นักเรียนนอก) ที่มีต่อวัฒนธรรมและสังคมไทยในด้านต่าง ๆ
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังสอดแทรก “ความเห็นส่วนพระองค์” ในกรณีต่าง ๆ ลงไปในนวนิยายเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะแนวคิดเกี่ยวกับการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาปรับใช้ในสังคมไทย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องธรรมเนียม ‘ผัวเดียวเมียเดียว’ ซึ่งปกติชายไทยสมัยก่อน ๆ จะนิยมมีภรรยาหลายคน แต่เมื่อมีการรับแนวคิดแบบคู่สมรสคนเดียว (Monogamy) มาปรับใช้ในไทยมากขึ้นและไม่ค่อยประสบความสำเร็จ พระองค์ก็แสดงความเห็นผ่านตัวละคร ‘ประพันธ์’ ไว้ว่า
“แม้ผู้ที่ได้ไปเรียนยุโรปกลับมาก็มามีเมียมาก ๆ เหมือนกัน, เพราะฉะนั้นจะหวังความเปลี่ยนแปลงจากคนพวกที่เรียกว่า “หัวนอก” อย่างไรได้… ฉะนั้นจะมีที่หวังอยู่ก็แต่ที่ตัวผู้หญิงเองเท่านั้น; ถ้าเมื่อไรผู้หญิงไทยที่ดี ๆ พร้อมใจกันตั้งกติกาไม่ยอมเป็นเมียคนที่เลี้ยงดูผู้หญิงไว้อย่างเลี้ยงไก่เป็นฝูง ๆ เท่านั้นแหละ, ผู้ชายพวกมักมากในกามจึงจะต้องกลับความคิด และเปลี่ยนความประพฤติ”
ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถลองขบคิดตามไปได้ว่าแนวคิดและความเห็นเหล่านี้ ‘เข้าท่า’ หรือไม่ เหมาะสมกับยุคสมัยนั้นและสมัยปัจจุบันอย่างไร รับรองว่าการอ่านและคิดตามไปแบบนี้จะทำให้การอ่านหัวใจชายหนุ่มมีอรรถรสขึ้นอีกมาก
ตัวละครในเรื่องหัวใจชายหนุ่ม
นอกจากจะใช้สถานที่ที่มีอยู่จริงในการดำเนินเรื่อง อย่างเช่น โรงหนังพัฒนากร บ้านที่ถนนสี่พระยา โรงแรมแถวบางรัก และบ้านที่ราชประสงค์ของอุไร ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องหัวใจชายหนุ่มก็มีมิติดูสมจริง มีลักษณะเฉพาะตัว และเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมรูปแบบต่าง ๆ ได้ดี
นายประพันธ์ ประยูรสิริ: หนุ่มไทยดีกรีนักเรียนนอกจากอังกฤษที่เดินทางกลับไทย ต่อมาได้เข้ารับราชการในกรมพานิชย์และสถิติพยากรณ์และได้เลื่อนขั้นเป็นหลวงบริบาลบรมศักดิ์ ประพันธ์เป็นคน ‘หัวนอก’ คือมีความคิดก้าวหน้าอย่างคนหนุ่ม และด้วยความที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก จดหมายของประพันธ์จะติดการใช้สแลงและคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่เสมอ ๆ
นายประเสริฐ สุวัฒน์: เพื่อนของนายประพันธ์ที่ยังศึกษาอยู่ที่อังกฤษ
ลิลี่: คนรักชาวอังกฤษของประพันธ์
กิมเน้ย: หญิงสาวเชื้อสายไทยจีน ลูกสาวของอากรเพ้ง โดยพ่อของประพันธ์หวังจะให้กิมเน้ยหมั้นหมายกับประพันธ์ แต่ประพันธ์ไม่ค่อยชอบกิมเน้ยนัก เพราะเธอใส่เครื่องเพชรรุงรัง และมีหน้าตาแบบสาวหมวย (ประพันธ์กล่าวว่าหน้าตาเจ้าหล่อนเหมือนนางซุนฮูหยิน) และประพันธ์ก็ไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบธรรมเนียมโบราณของไทย จึงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้เด็ดขาด
อุไร พรรณโสภณ: สาวฮอตประจำเมืองลูกสาวของคุณพระพินิฐพัฒนากร อุไรเป็นคนสวยและเป็นผู้หญิงอย่างสมัยใหม่ ได้รับการศึกษา อ่านเขียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากหน้าหลายตา และขึ้นชื่อว่าเป็น ‘โรงเรียนฝึกหัดเจ้าชู้’
พระยาตระเวนนคร: เสือผู้หญิงและเพลย์บอยประจำเมือง เป็นคนมีฐานะร่ำรวยและมีชื่อเสียง พระยาตระเวนนครถือเป็นตัวแทนของความนิยม “มีเมียคราวละมาก ๆ” เพราะมีเมียอยู่แล้วถึง 7 คนก่อนที่จะมาพบกับอุไร
หลวงพิเศษผลพานิช: พ่อค้าซึ่งมีฐานะดี แม้จะบุคลิกลักษณะไม่ดีนักแต่ก็มีจิตใจที่ดีและได้แต่งงานกับอุไรในภายหลัง
ศรีสมาน: หญิงสาวผู้เป็นความรักครั้งใหม่ของประพันธ์ ศรีสมานเป็นลูกสาวของพระยาพิสิฐเสวก ซึ่งสนิทสนมกับพ่อแม่และครอบครัวประพันธ์อยู่แล้ว การแต่งงานครั้งใหม่ของประพันธ์จึงดูราบรื่นสดใสมาก
เรื่องย่อของหัวใจชายหนุ่ม
นายประพันธ์ ประยูรสิริ เป็นหนุ่มไทยที่เดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ เมื่อสำเร็จการศึกษาก็เดินทางกลับประเทศไทยโดยทางเรือ ขณะเดินทางก็เขียนจดหมายถึงนายประเสริฐ สุวัฒน์ เพื่อนสนิทที่ยังคงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ประพันธ์เขียนเล่าเรื่องราวเมื่อกลับมาถึงเมืองไทยโดยผ่านจดหมาย 18 ฉบับ ด้วยการระบายความรู้สึกที่คิดถึงประเทศอังกฤษและคนรักชาวอังกฤษที่ชื่อลิลี่
การเดินทางกลับเมืองไทยในครั้งนี้ ประพันธ์ต้องเข้ารับราชการด้วยการฝากเข้าตามเส้นสายซึ่งเขาไม่ชอบ แต่เขาก็ไม่สามารถหางานทำเองได้และพ่อได้เตรียมหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ชื่อแม่กิมเน้ย ซึ่งประพันธ์ไม่ประทับใจ ด้วยเห็นว่าแม่กิมเน้ยหน้าตาเหมือนนางซุนฮูหยิน สวมเครื่องประดับมากเกินไป ดูพะรุงพะรังราวต้นคริสต์มาส และที่สำคัญประพันธ์ไม่ชอบการแต่งงานแบบคลุมถุงชน
นอกจากนี้ประพันธ์ไม่มีความสุขเพราะเมืองไทยไม่มีสถานเริงรมย์ให้เลือกเที่ยวมากมายเหมือนที่อังกฤษ แต่เขาเริ่มมีความสุขเพลิดเพลินขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้รู้จักกับหญิงชื่อ อุไร สาวงามที่มีความทันสมัยไม่ต่างจากสาวฝรั่ง ประพันธ์และอุไรคบหากันอย่างสนิทสนมและออกเที่ยวเตร่ด้วยกันจนทำให้อุไรเกิดตั้งครรภ์ พ่อของประพันธ์ต้องจัดการแต่งงานทั้ง ๆ ที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลังจากแต่งงานอุไรยังชอบเที่ยวเตร่และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยจนทั้งสองมีปากเสียงกัน ทำให้อุไรหันไปคบกับชายคนใหม่ชื่อ พระยาตระเวนนครทั้ง ๆ ที่เขามีภรรยาแล้วถึง 7 คน ในที่สุดประพันธ์และอุไรก็ต้องหย่าขาดกัน
เมื่อประพันธ์ได้เลื่อนยศเป็นหลวงบริบาลบรมศักดิ์ อุไรจึงได้กลับมาขอคืนดีเพราะพระยาตระเวนนครมีภรรยาสาวคนใหม่จึงขอบ้านที่เธออยู่คืน แต่ประพันธ์ไม่ใจอ่อนและแนะนำให้เธอกลับไปอยู่บ้านพ่อ ไม่นานอุไรก็แต่งงานใหม่กับหลวงพิเศษผลพานิชพ่อค้าที่มีฐานะดี ทำให้ประพันธ์รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ต่อมาประพันธ์ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ ศรีสมาน และรู้สึกพึงใจในตัวเธอมาก ทั้งนี้ผู้ใหญ่สองฝ่ายก็ชอบพอกัน ประพันธ์จึงหวังว่าจะแต่งงานครองคู่อยู่กับศรีสมานอย่างมีความสุขยั่งยืนในอนาคต
สรุปหัวใจชายหนุ่ม: ไทม์ไลน์และเนื้อหาหลักของจดหมายทั้ง 18 ฉบับ
หลังจากอ่านเรื่องย่อกันไปคร่าว ๆ แล้ว ทุกอย่างก็ดูง่ายและลงตัวมาก ๆ เพราะนวนิยายเรื่องหัวใจชายหนุ่มมีเส้นเรื่องที่เดาง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีความสนุกสนานตรึงใจผู้อ่านได้อยู่ ก่อนจากกันไป StartDee จะมาสรุปประเด็นต่าง ๆ ในจดหมายแต่ละฉบับให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีกครั้ง
ฉบับที่ 1: ประพันธ์เขียนจดหมายกลางทะเล อาลัยอาวรณ์ถึงเพื่อน คนรัก และความเจริญต่าง ๆ ที่เคยได้รับเมื่อตอนศึกษาอยู่ ณ ต่างประเทศ
ฉบับที่ 4: เรื่องราวอนาคตที่ทางบ้านวางไว้ให้ ทั้งการใช้เส้นสายเพื่อเข้ารับราชการ และการแต่งงานแบบคลุมถุงชน (ประพันธ์เบื่อเมืองไทยมาก)
ฉบับที่ 5:ประพันธ์เข้ารับราชการ ได้ดูตัวกิมเน้ยแต่ก็รู้สึกเฉย ๆ และได้รู้จัก ‘อุไร’ หญิงสาวผู้ทำให้การอยู่เมืองไทยเป็นเรื่องเพลิดเพลินสำหรับประพันธ์
ฉบับที่ 6: ประพันธ์พัฒนาความสัมพันธ์กับอุไรโดยมีประไพ (น้องสาว) เป็นแม่สื่อ
ฉบับที่ 9: ประพันธ์แต่งงานกับอุไรและได้ไปฮันนีมูนกันที่หัวหิน
ฉบับที่ 11: ชีวิตคู่ของประพันธ์เริ่มไม่ราบรื่น กลับจากฮันนีมูน ย้ายเข้าเข้าบ้านใหม่ แต่ก็ไร้ซึ่งความสุข
ฉบับที่ 12: อุไรแท้งลูกและเมื่อหายดีก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนมีคนอื่น เริ่มเห็นนิสัยที่แท้จริง เช่น ความเอาแต่ใจ การใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เมื่อได้ข่าวแน่นอนว่าอุไรคบหาอยู่กับพระยาตระเวนนคร ประพันธ์และอุไรจึงหย่ากัน
ฉบับที่ 13: ประพันธ์เป็นห่วงว่าอุไรจะเป็นเพียงของเล่นชั่วคราวของพระยาตระเวนนคร ส่วนตัวประพันธ์เองก็มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานขึ้นเรื่อย ๆ (มีการกล่าวถึงกรมเสือป่าที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ก่อตั้งด้วย)
ฉบับที่ 15: ความสัมพันธ์ของอุไรและพระยาตระเวนนครเริ่มระหองระแหงเพราะพระยาตระเวนนครมีผู้หญิงคนใหม่ ประพันธ์แสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับวัฒนธรรมการ ‘มีเมียครั้งละมาก ๆ’ ของพระยาตระเวนนคร
ฉบับที่ 17: พระยาตระเวนนครไล่อุไรออกจากบ้านเพราะต้องการบ้านให้ภรรยาคนใหม่ อุไรจึงมาขอคืนดีกับประพันธ์แต่ไม่สำเร็จ จึงกลับไปอยู่กับพ่อ
ฉบับที่ 18: ตอนจบแบบแฮปปี้ อุไรแต่งงานใหม่กับหลวงพิเศษผลพานิชซึ่งเป็นพ่อค้าร่ำรวย ส่วนประพันธ์พบรักกับนางสาวศรีสมาน และวางแผนจะแต่งงานกันในอนาคต
รู้หรือไม่: เรื่องราวของสำนวนต่างประเทศใน ‘หัวใจชายหนุ่ม’
นอกจากคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศที่พบได้เยอะมากในเรื่องหัวใจชายหนุ่ม สำนวนต่างประเทศที่ใช้ในเรื่องก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสำนวนที่น่าสนใจในเรื่อง ได้แก่
๑. เมฆทุกก้อนมีซับในเป็นเงิน มาจากสำนวน Every cloud has a silver lining หมายความว่าในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะย่ำแย่ก็ยังมีสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่ สำนวนนี้เป็นสำนวนที่ชวนให้ทุกคนมองเรื่องราวต่าง ๆ ในแง่บวก โดยอุปมาอุปสรรคต่าง ๆ กับก้อนเมฆที่ดูครึ้ม ๆ แต่ถ้าเราลองมองที่ก้อนเมฆเหล่านั้นดี ๆ ก็จะเห็นเส้นขอบที่เป็นแสงสว่างสีเงิน ซึ่งเปรียบได้กับด้านดีของปัญหานั้น ๆ นั่นเอง
๒. ขนมปังครึ่งก้อน ยังดีกว่าไม่มีเลย มาจากสำนวน Half of loaf is better than none ในภาษาอังกฤษ หมายถึง แม้จะไม่ได้สิ่งใดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่มีอยู่บ้างก็ยังดีกว่าไม่มีเลย หากเทียบกับสำนวนไทยจะคล้ายกับ ‘กำขี้ดีกว่ากำตด’ ประมาณว่ามีบ้าง ถึงจะไม่ได้ดีมากแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
เป็นอย่างไรบ้างเพื่อน ๆ กับบทเรียนภาษาไทยเรื่องหัวใจชายหนุ่มที่เรานำมาฝากกันวันนี้ สนุกและทำให้รู้จักสภาพสังคมในยุคสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ อย่างไรก็ตาม หัวใจชายหนุ่มยังมีรายละเอียดให้เราเรียนรู้อีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์คุณค่า คำศัพท์น่ารู้ในบทประพันธ์ และรายละเอียดเกี่ยวกับการเขียนจดหมาย หากเพื่อน ๆ สนใจก็ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
StartDee แล้วไปเรียนต่อกับครูใหม่ได้เลย ! หรือจะไปติดตาม
บทเรียนภาษาไทย เรื่องโคลนติดล้อ ตอนความนิยมเป็นเสมียน และ
บทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 ต่อก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก:
- ธีรศักดิ์ จิระตราชู (ครูหนึ่ง)
- ณิชาบูล พ่วงใส (ครูใหม่)