เป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษมีอะไรบ้าง

อย่าลืม ตั้งเป้าหมาย ว่าคุณอยากสื่อสารภาษาอังกฤษให้ได้ในระดับไหน เรียนเพื่อหางานดี ๆ ได้ เรียนเพื่อจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เรียนเพื่อไปเที่ยว หรือแค่อยากหาอะไรท้าทายทำ ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร ถ้าได้ตั้งแล้ว อย่าลืมลงมือทำ!

 

2. หาคอร์สสอนภาษาอังกฤษที่เหมาะกับคุณ

คนเรามีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบต่างกัน มองชีวิตต่างกัน วิธีการเรียนรู้ของคนเราก็ต่างกันเช่นกัน ถามตัวเองว่าคุณเป็นนักเรียนแบบไหน วิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด ถ้าคุณหาแนวทางและเครื่องมือการเรียนรู้ที่ใช่ได้แล้วหละก็ ภาษาอังกฤษจะกลายเป็นเรื่องง่ายและสนุก!

 

3. มีวินัย

การเรียนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทมีแค่คุณและตัวคุณเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดว่าจะทำอะไร เมื่อไรและอย่างไร จำไว้เสมอว่าการฝึกฝนสั้น ๆ แต่สม่ำเสมอดีต่อใจมากกว่าการเรียนครั้งละนาน ๆ และไม่ต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการฝึกภาษา แค่ใช้เวลาวันละไม่กี่นาทีฝึกฝนด้วยวิธีที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำแบบฝึกหัด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทำให้ติดเป็นนิสัยทุกวัน

 

4. อ่านให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้!

แม้คุณจะเพิ่งเริ่มเรียนในระดับพื้นฐาน คุณก็สามารถเริ่มอ่านเนื้อหาที่เหมาะกับระดับของคุณได้เลย ถ้าสิ่งที่คุณอ่านยากเกินไป คุณจะเสียกำลังใจ ลองหาหนังสือหรือการ์ตูนสำหรับเด็กมาอ่าน อาจจะฟังดูติงต๊องแต่รูปภาพและโครงสร้างประโยคที่ไม่ซับซ้อนจะช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์ที่คุณยังไม่ได้เรียนและจะช่วยให้คุณเข้าใจภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจง่ายขึ้น

 

5. ดูหนังพร้อมซับไตเติ้ล

ใคร ๆ ก็ชอบดูหนัง การเปิดหนังพร้อมซับไตเติ้ลหรือดูหนังที่คุณเคยดูเป็นภาษาไทยมาแล้วรอบหนึ่งเป็นไอเดียที่ดี หรือหาซีรี่ส์เรื่องโปรดและดูซ้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ! ใช้อินเตอร์เน็ตเสิร์ชหาสิ่งที่คุณชอบ เช่นงานอดิเรก หรืออะไรที่เกี่ยวกับงานหรืออาชีพของคุณ เวลาที่คุณดูหรืออ่านสิ่งที่คุณเคย คุณจะเข้าใจง่ายขึ้น

 

6. ฟังภาษาอังกฤษ

คุณไม่ควรฝึกแค่ทักษะการพูดเท่านั้น ทักษะการฟังก็สำคัญไม่แพ้กัน ถึงคุณจะไม่ได้ชอบฟังเพลงนัก แต่การฟังเพลงหรือดูมิวสิค วิดีโอเป็นภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ศัพท์สำนวนใหม่ที่จะเก็บไว้ใช้ได้ Podcasts ก็มีประโยชน์ในการฝึกฝนการออกเสียงและการออกเสียงสูงต่ำได้เช่นกัน ก็ช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการฟังและการพูดได้ ไม่ต้องกังวลถ้าเกิดฟังหรืออ่านไม่เข้าใจทั้งหมด คุณจะเริ่มเข้าใจเพราะเดาจากประโยคล้อมรอบได้ บริบทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และจะช่วยใบ้ความหมายของคำศัพท์และสำนวนต่างๆ ได้

 

7. เมื่อเรียนแล้วต้องนำมาใช้ อย่ากลัวผิด

ผมรู้ดีว่าพูดมันง่าย แต่เราทุกคนล้วนทำพลาด แม้กระทั่งเจ้าของภาษาเอง! อย่าให้ความผิดพลาดบั่นทอนกำลังใจ วันนึงคุณจะรู้เองว่าคุณใช้ผิดแล้วก็จะแก้ตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งครู แต่ก่อนจะถึงวันนั้นคุณต้องเริ่มใช้ การได้ลองผิดคือวิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุด! ใช้ภาษาอังกฤษตลอด แม้คุณจะไม่รู้ว่าต้องพูดว่าอะไร พยายามอย่าแปลตรงตัว ให้ลองหากลยุทธ์การสื่อสารในสิ่งที่อยากพูด แม้จะเป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ ให้ลองใช้จินตนาการเอาชนะอุปสรรค ใช้ประโยคง่าย ๆ บางครั้งประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ทำให้คุณไม่กดดันและช่วยให้คุณสื่อในสิ่งที่คิดออกมาเป็นคำพูดได้

 

8. ฝึก ฝึกและฝึก!

“ยิ่งฝึกยิ่งเก่ง” อย่าพลาดโอกาสที่จะได้ฝึก วิธีเดียวที่จะเก่งภาษาได้คือฝึก ใช้ภาษาอังกฤษทุกครั้งที่มีโอกาส คุณไม่มีวันขับรถเป็นถ้าไม่เคยขับ ก็เหมือนกับที่ไม่มีวันพูดภาษาอังกฤษได้ถ้าไม่ฝึก!

 

9. ใช้แหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย

เรียนจากภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ในตำรา แม้ว่าตำราจะแบ่งเนื้อหาให้เหมาะกับระดับผู้เรียน แต่ก็มักจะเขียนด้วยวิธีที่ไม่ “ธรรมชาติ” อินเตอร์เน็ต ภาพยนต์ รายการเรียลลิตี้ โชว์ หนังสือพิมพ์และนิตยสาร มีเนื้อหาหลากหลายมากกว่าและใช้ศัพท์และโครงสร้างประโยคที่พบได้ในชีวิตจริง นี่เป็นสิ่งที่คุณควรจะเริ่มเรียนรู้หากอยากเก่งภาษา

 

10. พัฒนาทักษะทั้งสี่ไปพร้อมกัน

อย่าลืมพัฒนาทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนไปพร้อมกัน จะช่วยให้คุณมั่น ถ้าคุณทำได้แค่เขียนกับอ่าน เหมือนกับวิธีเก่า ๆ ที่ใช้สอน คุณจะไม่มั่นใจที่จะพูดภาษาอังกฤษ หรือเวลาที่ฟังคนอื่นพูด

อย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ต้นบทความแล้ว คุณต้องหาคอร์สเรียนที่ใช้วิธีการสอนที่เหมาะกับสไตล์การเรียนของคุณ มีสถาบันหลายแห่งให้คุณเลือก Wall Street English  คือหนึ่งในนั้น ทางสถาบันได้ช่วยนักเรียนเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติ วิธีเดียวกับที่เราใช้เรียนภาษาแม่ โดยจะมีทั้งเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรียนในห้องขนาดเล็ก และสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ และเหนือสิ่งอื่นใด มีโอกาสให้คุณได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรมทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน

2. Specific ลงลึก เฉพาะเจาะจง ให้เห็นเป็นภาพว่า เราจะทำอะไรได้แบบไหน ใช้กับใคร ใน สถานการณ์แบบไหนยิ่งดีค่ะ  ให้ชัดว่าตกลงเราต้องการอะไร ที่สามารถทำทุกวันได้ ยิ่งชัดเท่าไหร่ เราก็จะพร้อมลงมือมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

เมื่อรู้ Goals แล้ว ก็มาประเมินตัวเอง…

ว่าเรามีเวลาแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ให้ลองคิดเผื่อวัน-เวลาที่เราไม่ว่างด้วยนะคะ

เพราะเวลาแพลนเรามักจะ Overestimate คิดว่าเราน่าจะมีเวลาเยอะกว่าความเป็นจริง

และประเมินว่า เรามีพื้นฐานภาษาอังกฤษในปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน

วิธีวัดอาจจะวัดจาก Common European Framework of Reference for Language (CEFR) ที่เป็นมาตรฐานสากล

หรือใครอยากทำแบบตรวจสอบพื้นฐานภาษาแบบง่าย สามารถคลิ้กเข้าไปทำใน Self-assessment form ได้เลยนะคะ

เราเริ่มจากจุดไหน ต้องการไปจุดไหน จะได้คำนวณระยะทางและระยะเวลาได้ถูกค่ะ

แต่ Goals แค่ทำให้เราเห็น Direction ว่าเราไปทางไหน

สิ่งที่จะทำให้เราทำมันได้ สำเร็จจริง ๆ คือ Systems (จากหนังสือ Atomic Habits เขียนโดย James Clear)

“You do not rise to the level of your goals. You fall to the level of your systems.

Your goal is your desired outcome. Your system is the collection of daily habits that will get you there.”

ต่อให้เราตั้งเป้าหมายสูงไว้แค่ไหน เราจะไปถึงมันไม่ได้ ถ้ากระบวนการของเราไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง

เป้าหมาย คือผลลัพธ์ที่คุณต้องการ แต่ระบบหรือกระบวนการคือการสะสมของการกระทำในทุกวันที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นได้

2. Focus on your systems

Systems = ระบบ กระบวนการ สิ่งเล็กๆ น้อย ๆ รอบตัว ที่เราทำสม่ำเสมอ ซ้ำ ๆ ที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายนั้น หรือผลลัพธ์ที่เราคาดหวัง

สำหรับแอดมินคือ การมี Monthly actions, Weekly routines, Daily Habits

เช่นมี Daily Checklist ที่เราอยากทำ เพื่อการฝึกภาษาอังกฤษ

 

2.1 ตั้ง Tasks รายวัน (Daily to-do list)
โดยที่ต้องเข้าใจว่ามันคือ “ทักษะ” ไม่ใช้ “ข้อมูล”

 

1) Daily to-do list ควรมีทั้ง input & output

เพราะภาษาต้องได้ทั้งฝึกรับสาร และส่งสาร

 

 Input

การรับข้อมูลเข้ามา ผ่านทาง Listening and Reading ค่ะ

ซึ่ง Input มีหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น movie, music, variety shows, ted talk, podcast, internet meme, online article….

ให้ลองหาแบบที่เราชอบมากที่สุดดูค่ะ  เลือกที่เราสามารถดูได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ

แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจทั้งหมดทุกคำก็ตาม

เพราะเราจะต้องเพิ่ม input อย่างสม่ำเสมอค่ะ

 

Output

Output คือการที่ดึงสารที่เราได้ Input เข้าไปในหัว ออกมาใช้

สร้างภาษาออกไป ผ่าน Speaking หรือ Writing

 

ตัวอย่างการเอา Input ออกมาใช้เป็น Output เช่น

  • ดูหนังมา >> ให้ลองเอาไปพูดกับเพื่อน
  • อ่านคำคมในหนังสือ >> เอาไป post สเตตัส ทาง Social Media
  • อ่านบทความ >> เขียนสรุป

ให้เลือกรูปแบบที่เราสามารถทำได้เลย

โดยไม่ต้องรอให้มีคู่สนทนา หรือต้องรอไปต่างประเทศก่อนถึงจะได้ใช้

 

2) Daily to-do list ต้อง “เรียบง่าย” “เพลิน” และ“สนุก”

ไม่งั้นเราจะไม่ทำมันได้นานพอ และเราก็จะเซ็งไปเองหลังจากทำได้แค่ 2 หรือ 3 วันเท่านั้น

เพราะ To-do list จำเป็นต้องอาศัย consistency (ความสม่ำเสมอ) มากกว่าจำนวนของสิ่งที่จะทำ

แอดมินมีวิธีง่าย ๆ ค่ะ ว่าวิธีนี้ มันเรียบง่ายพอหรือยัง คือใช้ กฏ 98/100 ในการตั้ง To-do list ดูค่ะ

เรามักจะตั้งใจไว้ยิ่งใหญ่ หลายข้อมาก เมื่อเรามีไฟ เช่น ในช่วงต้นปี

เราจะตั้งว่า จะฝึกภาษาอังกฤษวันละชั่วโมงบ้าง 2 ชั่วโมงบ้าง

But life always gets in the way (ในแต่ละวันจะมีเรื่องเข้ามาขัดขวางไม่ให้เราทำตามฝันได้อยู่เสมอ)

ทำให้เราไม่สามารถทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ทุกวัน

เดี๋ยวป่วย เดี๋ยวงานยุ่ง เดี๋ยวลูกเปิดเทอม เดี๋ยวต้องเดินทาง …

เพราะฉะนั้นตั้งแบบมี buffer (กันชน) เผื่อไว้ด้วยจะดีกว่าค่ะ

เลือกสิ่งที่จะทำแบบ minimum (จำนวนน้อยที่สุด) ที่เราจะทำได้แน่นอนในทุกวัน ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

คิดแบบง่าย ๆ คือ ไม่ว่าเราจะป่วย จะเดินทาง ..จะอะไรก็ตาม ใน 100 วัน เรายังคงทำสิ่งนี้ได้ถึง 98 วันอยู่ไหม?

 

ให้ Focus ที่ “การกระทำเล็ก ๆ” ที่เราสามารถควบคุมได้ ติ๊กว่าได้ทำแล้ว มากกว่า “ผลลัพธ์”

เพราะการสร้างทักษะ ต้องใช้เวลา และสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำเนี่ยแหล่ะ ที่จะมีผลยิ่งใหญ่ เมื่อผ่านไป 6 เดือน หรือ 1 ปี ค่ะ 😀

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita