อัตราเงินเฟ้อเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ "ค่าของเงิน" เช่น เมื่อก่อนซื้อข้าวราดแกงจานละ 15 บาท แต่ปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้นเป็น 30 - 50 บาท ราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือ "เงินเฟ้อ" ทำให้เงินมีมูลค่า หรือ "อำนาจซื้อ" ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับนั้นจึงยังไม่ใช่ผลตอบแทนที่แท้จริง ต้องมีการหักผลกระทบจากเงินเฟ้อออกก่อน ดังนี้
ทั้งนี้ สามารถดูข้อมูลอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ได้จาก website ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ยกตัวอย่างเช่น หากนำเงินไปฝากประจำที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี หากอัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ 3 ต่อปี ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเท่ากับร้อยละ 1 เท่านั้น และในบางครั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอาจน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เงินที่งอกเงยขึ้นไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในกรณีนี้ผู้ฝากอาจนำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยสามารถศึกษาเรื่องการลงทุนเพิ่มเติมที่ การลงทุน
3. ระยะเวลาในการออม
เพราะการออมมีผลตอบแทน ดังนั้นยิ่งเริ่มต้นออมเร็วเท่าไหร่ เงินก็จะยิ่งงอกเงยมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่นำเงินไปฝากแบบมีการคิดดอกเบี้ยทบต้น ดอกเบี้ยที่ได้จะถูกทบเข้ากับเงินต้นเดิม และกลายเป็นเงินต้นของงวดถัดไปเรื่อย ๆ ทำให้เงินงอกเงยได้เร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ หากเรามีการตั้งเป้าหมายทางการเงินไว้ ยิ่งเราเริ่มออมเร็วเท่าไหร่ ภาระในการเก็บออมก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เราตั้งเป้าหมายออมเงินให้ได้ 1 ล้านบาทเพื่อการเกษียณ โดยได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี หากเริ่มออมตั้งแต่อายุ 31 ปี จะต้องออมเพียงปีละ 15,000 บาทเท่านั้น แต่หากเริ่มออมเมื่ออายุ 51 ปี จะต้องออมถึงปีละ 76,000 บาท ดังตารางด้านล่าง
และหากตั้งเป้าหมายการออมเงินให้งอกเงยเป็นเท่าตัว ก็สามารถคำนวณระยะเวลาในการออมง่าย ๆ ได้ดังนี้
จากสมการ จะเห็นได้ว่ายิ่งอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนสูง ระยะเวลาการออมเงินให้งอกเงยเป็นเท่าตัวก็ยิ่งสั้นลง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราออมโดยได้ดอกเบี้ยร้อยละ 4 จะต้องใช้เวลา 18 ปีเงินจึงจะงอกเงยเป็นเท่าตัว แต่ถ้าเราออมที่ดอกเบี้ยร้อยละ 6 เงินจะงอกเงยเป็นเท่าตัวในเวลาเพียง 12 ปี
4. สภาพคล่องทางการเงินของผลิตภัณฑ์
สภาพคล่องทางการเงิน คือ ความยากง่ายในการเปลี่ยนสินทรัพย์ที่มีเป็นเงินสด สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว เช่น เงินฝากธนาคาร ส่วนสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ จะต้องใช้เวลานานในการขายหรือเปลี่ยนให้เป็นเงินสด เช่น รถ ที่ดิน หรือ สิ่งของสะสม
ผลิตภัณฑ์เพื่อการออมแต่ละประเภทก็มีสภาพคล่องที่ต่างกัน เช่น การฝากออมทรัพย์จะมีสภาพคล่องสูง สามารถฝาก-ถอนเงินสดได้ตลอดเวลา แต่ก็ได้รับผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่การฝากประจำแม้จะมีผลตอบแทนสูงกว่า แต่ก็อาจเรียกได้ว่ามีสภาพคล่องต่ำกว่า เนื่องจากหากถอนเงินออกจากบัญชีก่อนครบกำหนดเวลา ก็มักจะได้รับดอกเบี้ยต่ำกว่าที่ประกาศไว้
ดังนั้น เราจึงควรจัดสรรเงินออมให้สอดรับกับรูปแบบการใช้จ่ายและความจำเป็นทางการเงินของตนเอง เพื่อป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่องหรือ "หมุนเงินไม่ทัน" จนต้องถอนเงินก่อนกำหนด หรือต้องกู้ยืมเงินมาใช้โดยไม่จำเป็น โดยสิ่งที่จะช่วยเราได้ก็คือการวางแผนการเงินและการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งนอกจากจะทำให้เรารู้ว่าเราจะต้องมีเงินที่มีสภาพคล่องสูง ได้แก่ ค่าใช้จ่ายประจำแต่ละเดือน
และเงินที่สำรองไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเป็นจำนวนเท่าใดเพื่อฝากเงิน 2 ส่วนนี้ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ (แต่ควรแยกบัญชีกันเนื่องจากมีวัตถุประสงค์ต่างกัน) แล้ว เรายังสามารถนำเงินส่วนที่เหลือมาออมด้วยการฝากประจำหรือนำไปลงทุนซึ่งได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อให้เงินงอกเงยมากขึ้นด้วย
5. อัตราค่าธรรมเนียมและข้อกำหนดต่าง ๆ
หา แรงจูงในการออมเงิน ช่วยเพิ่มเงินออม
8th November 2015 วิธีออมเงิน , ออมเงิน
ในการออมเงินทุกครั้งนอก จากปัจจัยที่เกี่ยวกับการออมที่ไม่ว่าจะเป็น เรื่องดอกเบี้ย สถาบันการเงิน ประเภทการออม แล้วนั้น ในการออมนั้นเราต้องคำนึงถึงแรงจูงใจในการออมเงินทุกครั้ง เพราะแรงจูงใจนี้เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เรารู้จักที่จะออมเงินเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง
แรงจูงในการออมเงิน นั้นว่ามันผลเป็นอย่างมากเลยทีเดียวที่จะทำให้ผู้ออมอยากออมเงินมากขึ้นหรือน้อยลงนั้นเอง แรงจูงใจคือสิ่งที่ทำให้ผู้ออมมีการคิดวิเคราะห์ถึงความเหมาะสมว่า หากออมเงินไปแล้วเราจะได้รับผลตอบแทนที่มากหรือน้อยจากการออมเงิน เราจึงต้องการนำเสนอข้อคิดและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการออมเงินมาฝากกัน หลายคนเคยได้ยินคำว่า เงินทองเป็นของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องจริงครึ่งหนึ่ง แต่หากเราพิจารณาให้ดีแล้ว ทุกอย่างที่เรากินหรือให้นั้น ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งนั้น เพราะเงินคือกลไกและปัจจัยในการดำรงชีวิตของเรานั้นเอง ฉะนั้นการออมเงินต้องรู้จักออมตามความเหมาะสมและช่วงวัยของเรา
ซึ่งในการออมเงินนั้น หลายคนที่ต้องการจะออมเงินให้มากมักจะมีวิธีการออมเงินหรือมักจะเลียนแบบเหล่าบรรดานักธุรกิจต่างๆที่ประสบความสำเร็จ ที่พยายามมองว่าพวกเขามีวิธีปฏิบัติตนอย่างไรให้มีการออมเงินได้เยอะๆ และพยายามมองว่าพวกเขามีการลงทุนอะไรนอกเหนือจากการออมเงินบ้าง เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าบรรดาเศรษฐีทั้งหลายคงไม่เพียงแต่มีการเก็บออมเงินเพียงเท่านั้น การลงทุนอย่างอื่นก็สามารถทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน นอกจากนี้แรงจูงใจในการทำธุรกิจของหลายๆคนก็เริ่มมาจากการออมนั้นเอง เพราะหากเราคิดจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างแต่เรายังไม่มีเงินทุน การออมคือสิ่งที่แรกที่เราจะคิดถึง และสิ่งสำคัญในเรื่องของการลงทุน คือการที่เรามีภูมิคุ้มกันทางด้านการออมเงินและไม่ควรตามกระแสคนอื่นๆ โดยการลงทุนไปแบบไม่คิดถึงข้อเสียผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา
อ่านเพิ่มเติม >> 10 แนวคิด เพื่อ การออมเงิน อย่างมีประสิทธิภาพ <<
ยิ่งไปกว่านั้น แรงจูงในการออมเงิน คือ ผู้คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการงาน การเงิน เนื่องจากพวกเราเป็นคนที่มีการคิด วางแผนในด้านการงาน การเงินอย่างชัดเจน ตั้งเป้าหมายไว้และพยายามทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ และสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้นั้นคือการออมเงินนั้นเอง ซึ่งการออมเงินอาจจะดูว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย แต่เมื่อเราคิดจะลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว นับว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะการออมเงินเป็นการฝึกความอดทนและความมีวินัยในการใช้เงินของพวกเรา เพราะสิ่งนี้แหละที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้ ความล้มเหลวในการออมของบางคนอาจเกิดขึ้นจากการไม่มีเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างชัดเจน ว่าเราจะออมเงินเพื่อทำการสิ่งใดนั้นเอง และแรงจูงใจอีกอย่างในเรื่องของการออมเงินคือ เมื่อเราต้องการให้ชีวิตมีความปลอดภัย มีภูมิคุ้มกันแล้ว เราจะนึกถึงการออมเงินเป็นอย่างแรก เพราะเงินก้อนแรกที่ออมนั้น จะเป็นเงินที่ใช้ในยามฉุกเฉิน
หา แรงจูงในการออมเงิน ช่วยเพิ่มเงินออมนอกจากนั้น การออมเงินที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่ออมเพื่อให้ได้เงินเยอะๆ แต่การออมเงินที่ดี ควรจะเป็นการออมเงินที่ไม่ทำให้ผู้ออมเดือดร้อน นั้นคือการออมเงินโดยการแบ่งเงินส่วนอื่นๆด้วย เพื่อไว้ใช้ในเรื่องของค่าใช้จ่ายบ้าง ในเรื่องของด้านความเป็นอยู่เป็นต้น ทางที่ดีการออมเงินต้องออมให้เหมาะสมกับฐานะทางการเงินของเรา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางด้านการเงิน และการออมนับว่าเป็นแรงจูงใจส่วนใหญ่ของผู้คนมากมาย เนื่องจากการออมมีการลงทุนที่ต่ำกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นหุ้น การลงทุนในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น นับว่าการออมอาจจะให้ผลที่ช้าแต่ว่าความมั่นคงมีมากกว่าการลงทุนด้านอื่นๆ แรงจูงใจอีกประการหนึ่งของการออมเงินเกิดจากการที่ผู้ออมอาจเป็นหนี้นอกระบบ ไม่มีเงินทุนเพื่อจ่ายหนี้ที่ยืมมา จึงเริ่มมีการออมเงิน เพื่อใช้เป็นทุนสำรองในการใช้จ่ายและจ่ายหนี้นั้นเอง
และสุดท้ายนอกจากเรื่อง แรงจูงใจในด้านต่างๆของผู้ออมที่มีผลต่อการออมแล้ว สถาบันการเงินทั้งหลายของไทยมีเงื่อนไขต่างๆที่เกี่ยวกับการออมเงิน โดยมักจะเอาเปรียบลูกค้าหรือผู้ออม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ยเงินฝาก การกำหนดอัตราเงินฝาก ส่งเสริมให้ผู้คนรู้จักใช้บัตรเครดิต เพื่อเป็นการเพิ่มภาระทางการเงิน โดยการยื่นข้อเสนอทางการเงินที่น่าสนใจ เป็นต้น แรงจูงใจเหล่านี้เป็นแรงจูงใจที่นับว่าสำคัญมากๆ เพราะจะทำให้ผู้ออมเลือกว่าจะออมเงินกับสถาบันการเงินและธนาคารแห่งไหนถึงจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นเอง ซึ่งแรงจูงใจมีผลเป็นอย่างมากในการออม
ทุกคนที่ออมเงินมักจะมีข้อกำหนดที่เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าเราออมเพื่ออะไร ออมแล้วได้อะไรบ้าง แต่นอกเหนือจากเงื่อนไขเหล่านี้แล้ว การออมเงินจะไม่เกิดขึ้นเลย หากเราไม่รู้จักคำว่าอดทน และประหยัดนั้นเอง ออมเงินอาจดูเป็นเรื่องง่าย แต่ความจริงแล้วเป็นเรืองที่ทำได้ยาก ทำได้แต่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไรการออมเงินก็ทำให้เรามีเงินเพื่อให้ในยามฉุกเฉิน การออมเงินมีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว