เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับพิกัดศุลกากร
- หน้าหลัก
- สิทธิพิเศษทางการค้า
- เขตการค้าเสรี (FTA และ WTO)
สิทธิ์เขตการค้าเสรีและ WTO
- WTO
- ASEAN
- ASEAN - CHINA
- ASEAN - KOREA
- ASEAN - JAPAN
- ASEAN - INDIA
- ASEAN - AUSTRALIA - NEW ZEALAND
- THAI - AUSTRALIA
- THAI - NEW ZEALAND
- THAI - JAPAN
- THAI - PERU
- THAI - INDIA
- THAI - CHINA
- THAI - CHILE
- THAI - SINGAPORE
- THAI - EU
- RCEP
- DFQF
- GSP
- GSTP
- AISP
- BIMSTEC
- ASEAN - HONGKONG
ความสำคัญและความเป็นมาของ FTA
FTA ย่อมาจาก Free Trade Area หรือเขตการค้าเสรี เป็นการทำความตกลงทางการค้าของประเทศ อาจเป็น 2 ประเทศ (ทวิภาคี) หรือเป็นกลุ่มประเทศ (พหุภาคี) ที่จะร่วมมือขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากร
- ความเป็นมาของเขตการค้าเสรี แนวคิดของการมีนโยบายการค้าเสรี คือประเทศจะเลือกผลิตสินค้าที่ตนเองถนัด และมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด คือจะผลิตสินค้าที่คิดว่าประเทศตนได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Advantage)มากที่สุด แล้วนำสินค้าที่ผลิตได้นี้ไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ประเทศตนไม่ถนัด หรือเสียเปรียบ โดยแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศอื่นที่ผลิตสินค้าแล้วได้เปรียบ ดังนั้นประเทศทั้งสองก็จะทำการค้าต่อกันได้ โดยต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์กัน (Win-Win Situation)
- การผลิตตามหลักการแบ่งงานกันทำเลือกผลิตสินค้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ำและประเทศมีศักยภาพในการผลิตสินค้านั้นสูง
- ไม่เก็บภาษีคุ้มกัน (Protective Duty) เพื่อคุ้มครองหรือปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ
- ไม่ให้สิทธิพิเศษหรือกีดกันสินค้าของประเทศใดประเทศหนึ่ง
- เรียกเก็บภาษีในอัตราเดียวและให้ความเป็นธรรมแก่สินค้าของทุกประเทศเท่ากัน ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า (Trade Restriction) ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศไม่มีการควบคุมการนำเข้า หรือการส่งออกที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ ยกเว้นการควบคุมสินค้าบางอย่างที่เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยและเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสินค้าที่เกี่ยวด้วยศีลธรรมจรรยาหรือความมั่นคงของประเทศ
- ความหมายของเขตการค้าเสรี เขตการค้าเสรี หมายถึง การวมกลุ่มเศรษฐกิจโดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาษีศุลกากรระหว่างกันภายในกลุ่ม ที่ทำข้อตกลงให้เหลือน้อยที่สุดหรือเป็น 0% และใช้อัตราภาษีปกติที่สูงกว่ากับประเทศนอกกลุ่ม การทำเขตการค้าเสรีในอดีตมุ่งในด้านการเปิดเสรีด้านสินค้า โดยการลดภาษีและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีเป็นหลักแต่เขตการค้าเสรีในระยะหลัง ๆ นั้น รวมไปถึงการเปิดเสรีด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ด้านการบริการการลงทุน เป็นต้น
- เขตการค้าเสรีที่สำคัญของไทย เขตการค้าเสรีที่มีมูลค่าสูงในทางการค้า ได้แก่ เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี เป็นต้น
นโยบายการค้าเสรีมีดังนี้
ประโยชน์และผลกระทบของการทำ FTA
ในภาพรวมแล้วการทำ FTA มีทั้งผลดีและผลกระทบ แต่คู่เจรจาได้พยายามศึกษารวบรวมข้อมูล และเจรจาเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างพอใจ ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมเฉพาะ และสภาพแวดล้อมทั่วไปของคู่เจรจาจะแตกต่างกันไปในแต่ละ FTA หากจะวิเคราะห์แต่ละด้านของแต่ละ FTA จะมีบางกลุ่มอุตสาหกรรม บางกลุ่มสินค้าได้ประโยชน์ บางกลุ่มสินค้าไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ การเจรจาก็สามารถยืดเวลาในการลดหรือยกเว้นภาษีออกไปจนกว่าภาคการผลิตจะสามารถปรับตัวได้ หรือภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชยผลกระทบเหล่านั้นในภาพรวมการทำ FTA น่าจะมีประโยชน์ดังนี้
- ลดอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นอุปสรรคทางภาษี และที่มิใช่ภาษี
- เพิ่มมูลค่าในทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก
- เพิ่มโอกาสการส่งออก ได้ตลาดใหม่ และขยายตลาดเดิม
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- สร้างอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ การเมือง
- ให้ความร่วมมือทางด้านศุลกากร การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลการลักลอบ หลีกเลี่ยง และสินค้าอันตราย สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
- พัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
- ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่น ๆ และเทคโนโลยีการผลิต
- สร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
จาก CEPT มาสู่ ATIGA (ต่อ)
มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTBs) ซึ่งเป็นอุปสรรคทางการค้าที่สำคัญที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ กำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดอุปสรรคในการนำเข้าจากประเทศคู่ค้าอย่างไม่เป็นธรรม ยกตัวอย่างเช่น การบริหารโควตาภาษี (Tariffs Rate Quatas: TRQs) สวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) มาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการค้า (Trade-related Environmental Measures) การปิดฉลากสินค้าตัดแต่งสารพันธุกรรม (Genetically Modified Organisms: GMOs) มาตรฐานแรงงาน (Trade and Labour Standard) เป็นต้น ได้มีกรอบเวลาในการขจัดมาตรการเหล่านี้เช่นเดียวกัน โดยทุกประเทศได้เห็นชอบแผนงานการขจัดมาตรการดังกล่าว (Work Programme on elimination of NTBs) โดยแบ่ง NTBs ออกเป็น 3 ชุด มีการขจัดมาตรการดังกล่าวเป็นระยะๆ ดังตารางที่ 4 ซึ่งประเทศสมาชิกเดิม 5 ประเทศจะขจัด NTB ทั้งหมดในปี 2553 ในขณะที่ฟิลิปปินส์จะแล้วเสร็จในปี 2555 ส่วน CLMV ซึ่งเป็นประเทศอาเซียนใหม่จะต้องแล้วเสร็จภายในปี 2558 โดยอาจจะยืดหยุ่นสำหรับสินค้าอ่อนไหวบางชนิด
ตารางที่ 4 กรอบระยะเวลาการขจัดมาตรการที่มิใช่ภาษี
NTBs ชุดที่ 1 | สมาชิกทั้งหมด | ||||
NTBs ชุดที่ 2 | สมาชิกทั้งหมด | ||||
NTBs ชุดที่ 3 | สมาชิกอาเซียนเดิม 5 ประเทศ | ฟิลิปปินส์ | CLMV | ||
ส่งเสริมความโปร่งใส ลดจำนวน NTB | กำจัด NTB สำหรับอาเซียน 5 ประเทศ | กำจัด NTB สำหรับ ฟิลิปปินส์ | กำจัด NTB สำหรับ CLMV โดยยืดหยุ่นสำหรับสินค้าอ่อนไหวบางประเภท |
ที่มา: สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์