อาชีวอนามัยคืออะไร?
Home» Knowledge of Health » อาชีวอนามัยคืออะไร?
อาชีวอนามัยคืออะไร?
อาชีวอนามัย (Occupational Health) เป็นการส่งเสริมสุขภาพการทำงานให้คงไว้ซึ่งสุขภาพกาย ใจ และความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม รวมทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการ เบี่ยงเบนด้านสุขภาพที่มีสาเหตุจากการทำงานของคนทำงานในทุกอาชีพ โดยการดูแลสภาพแวดล้อม เครื่องมือ กระบวนการให้เหมาะสมกับสภาพกาย และจิตใจของคนทำงาน โดยการปรับงานแต่ละงานให้เข้ากับคนแต่ละคน
องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ได้ให้นิยามโรคจากการประกอบอาชีพและโรคเนื่องจากงานตามสาเหตุปัจจัยไว้ดังนี้
- โรคจากการประกอบอาชีพ (Occupational Diseases) หมายถึง โรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับคนทำงาน โดยมีสาเหตุจากการสัมผัสสิ่งคุกคามสุขภาพในที่ทำงาน ซึ่งอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติงานในขณะทำงานหรือหลังจากการทำงานเป็นเวลานาน โรคจากการประกอบอาชีพบางโรคอาจเกิดภายหลังหยุดการทำงานหรือลาออกจากงานนั้นๆแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งคุกตามสุขภาพ รวมทั้งโอกาสหรือ วิธีการที่ได้รับ ตัวอย่างของโรคที่สำคัญ เช่น โรคพิษตะกั่ว โรคซิลิโคสิส(โรคปอดจากฝุ่นหิน) โรคพิษสารตัวทำละลายต่างๆ (Organic solvent toxicity) เป็นต้น
- โรคเนื่องจากงาน (Work-related Diseases) หมายถึง โรคหรือความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับคนทำงาน โดยมีสาเหตุจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน และการทำงานในอาชีพเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรค ตัวอย่างเช่น โรคเบาหวานจะมีอาการโรคเส้นเอ็นอักเสบได้ง่าย ดังนั้นลักษณะการท างานในอาชีพ หากมีการ ออกแรงซ้ำๆ หรือมีท่าทางการท างานที่ไม่ถูกต้อง ก็จะแสดงอาการขึ้น เป็นต้น
- โรคจากมลพิษสิ่งแวดล้อม (Environmental Diseases) หมายถึงผลกระทบที่เกิดจากมลพิษปนเปื้อน ในดิน น้ำ อากาศ ทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ ที่ทำให้เกิดโรคหรือผลกระทบทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง
การป้องกันโรค
- การรู้สาเหตุของการเกิดโรค ได้แก่ รู้ว่าโรคปอดที่ทำให้คนงานและผู้อาศัยใกล้เคียงโรงงานโม่หินที่มีฝุ่นหินทรายฟุ้งกระจายนั้นเป็นโรคปอดอักเสบจากฝุ่นซิลิกา การป้องกันคือคนทำงานต้องใส่เครื่องป้องกันฝุ่น และต้องกำจัดฝุ่นหินนั้นไม่ให้คนไปสัมผัส โดยการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้สะอาด เป็นต้น
2.การรู้การกระจายของโรค โดยใช้วิธีการทางระบาดวิทยา เพื่อให้ทราบกลุ่มบุคคลที่เกิดโรค พื้นที่เกิดโรคและเวลาในการเกิดโรค (person, place, time) จะได้ควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายได้อย่างทันท่วงที ในขณะเดียวกันต้องมีการอบรมสุขศึกษาและความรู้เรื่องโรคต่างๆให้กับพนักงานเพื่อทราบจะได้ป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธีด้วย
- การรู้ธรรมชาติของการเกิดโรค เนื่องจากโรคแต่ละโรคและกลุ่มโรคจะมีการดำเนินของโรคที่ต่างกันออกไป ซึ่งมีผลต่อการกำหนดวิธีการป้องกันที่เหมาะสม ได้แก่ การป้องกันระยะที่เริ่มได้รับปัจจัยก่อโรค ระยะสะสมที่ยังไม่แสดงอาการ ระยะปรากฏอาการเริ่ม ระยะโรครุนแรง และระยะหายของโรคที่อาจตายหรือปรากฏความพิการ เป็นต้น
“เมื่อรู้ถึงสาเหตุของโรคแล้วก็จะทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีมาตรการการป้องกันที่รอบคอบชัดเจน เพราะการป้องกันที่ดีจะนำมาซึ่งสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ทำให้คนทำงานมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งจะทำให้งานที่ออกมานั้นได้ประสิทธิภาพ เป็นผลดีกับทั้งนายจ้างและลูกจ้าง”
พนักงานขององค์กรเปรียบเสมือนทรัพย์สินของบริษัท การมีพนักงานที่สามารรถทำงานได้อย่างขยันขันแข็ง ด้วยร่างกายที่สมบูณ์พร้อม สุขภาพใจเต็มเปี่ยมย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตสำฤทธิ์ผลตามมาเช่นกัน ซึ่งการทำให้พนักงานปลอดภัยมาจากมาตรการด้าน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ที่ดีเยี่ยมขององค์กร ในบทความนี้ Jorportoday จะมาอธิบายถึงโปรแกรมอาชีวอนามัยและความปลอดภัยว่าคืออะไร องค์ประสบที่สำคัญ และ KPI บางส่งที่ช่วยวัดประสิทธิภาพครับ
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย คืออะไร
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย จัดอยู่ในวิชาวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งเป็นกระบวนเรียนรู้ทางด้านการดูแลสุขภาพอนามัย ในผู้ประกอบอาชีพทุกอาชีพ รวมทั้งยังจัดการดูแลผลกระทบอันเกิดมาจากการทำงาน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เพื่อทำให้การดำเนินงานของผู้ประกอบอาชีพ ได้รับความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ยังต้องได้รับการคุ้มครองตลอดจนได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย โดยสามารถแยกความหมายของทั้ง 3 คำออกมาได้ดังนี้
- อาชีวะ (Occupational) หมายถึง อาชีพ การเลี้ยงชีพ การทำมาหากิน
- อนามัย (Health) หมายถึง ความไม่มีโรค สภาวะสมบูรณ์ดีทั้งร่างกาย ทางจิตใจ ทางสังคม และจิตวิญญาณ
- ความปลอดภัย (Safety) หมายถึง สภาพวะที่ปราศจากภัยคุกคาม ไม่มีอันตราย หรือความเสี่ยงใดๆ
อาชีวอนามัยและความปลอดภัยเกี่ยวข้องกับการจัดการอันตรายในสถานที่ทำงานหลายประเภท เช่น:
- พิษวิทยา
- ระบาดวิทยา
- เคมีภัณฑ์
- อันตรายทางกายภาพ
- ผลกระทบทางจิตวิทยา
- ปัญหาการยศาสตร์
- อุบัติเหตุ
โครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีไว้เพื่อกำหนดให้มีการจำกัดความเสี่ยง เพื่อลดอันตรายจากการทำงานในไซต์งาน นายจ้างและฝ่ายบริหารของบริษัทจำเป็นต้องจัดเตรียมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคน และหัวข้อต่อไปคือโโครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ใช้สำหรับองค์กร
ควรเริ่มโครงการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยหรือไม่?
สำหรับองค์กรที่ไม่มีโครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) อย่างเป็นทางการมักจะมีการดูแลความปลอดภัยของพนักงานในบางแง่มุมเท่านั้นซึ่งอาจจะไม่คลอบคลุม ถ้า ณ ตอนนี้คุณมีความคิดที่จะเริ่มต้นจากจุดที่บริษัทมีอยู่ คุณอาจจะต่อยอดจากสิ่งที่มีด้วยการตั้งคำถาม นี้คือคำถามที่คุณอาจเริ่มหาคำตอบครับ
- บริษัทของคุณมีนโยบายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอยู่แล้วหรือไม่ ??
- ผู้จัดการ หัวหน้างาน และพนักงานเข้าใจความรับผิดชอบด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของตนเองหรือไม่ ?
- ในบริษัทมีช่องทางสื่อสารเกี่ยวกับปัญหาด้าน OHS หรือไม่?
- มีการระบุอันตรายที่ชัดเจนหรือไม่?
- มีการควบคุมอันตรายในสถานที่ทำงานหรือไม่?
- บริษัทของคุณมีระบบตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์หรือไม่?
- มีการเตรียมการ ซักซ้อมขั้นตอนในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่?
- มีขั้นตอนการรายงานและสอบสวนหรือไม่?
- มีการฝึกอบรมพนักงานทุกระดับหรือไม่?
- บริษัทใช้วิธีการใดในการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล?
- มี KPI สำหรับการประเมินอย่างครอบคลุมและเหมาะสมหรือไม่?
8 องค์ประกอบของโครงการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
1.การวางแผน
องค์ประกอบสำคัญอย่างแรกของอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS) คือระบบการจัดการและการวางแผน ไม่ว่าคุณจะวางแผนแบบดั่งเดิมผ่านการจัดใส่สมุดหรือกระดานไวท์บอร์ด หรือ ใช้ซอฟต์แวร์สำหรับช่วยบริหารจัดการโดยเฉพาะ การวางแผนงานจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นศูนย์กลางของทุกกระบวนการที่คุณทำ การวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญคุณต้องแน่ใจว่าองค์กรของคุณปฏิบัติตามกฎและระเบียบข้อบังคับด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของประเทศไทยในปัจจุบันทั้งหมด
2.การรายงานเหตุการณ์
องค์ประกอบสำคัญที่สองของการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยคือระบบการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สมาชิกทุกคนในองค์กรควรเข้าถึงระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย : OHS Program ตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงพนักงานใหม่ เพื่อให้ติดตามข่าวสารและรายงานเหตุการณ์ได้ทันท่วงที
ในปัจจุบันมีซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการ OHS ที่รันในระบบคราวด์ ช่วยให้พนักงานสามารถใช้อุปกรณ์มือถือที่เชื่อมอินเตอร์เน็ต เพื่อใช้ในการสร้าง บันทึก และเข้าถึงเอกสาร OHS ขององค์กีได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
การรายงานสถานการณ์พนักงานจะมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ ดังนี้ :
- การรายงานอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
- รายงานอันตรายและความเสี่ยง
- รับการแจ้งเตือนเพื่อทำงานบางอย่างให้เสร็จ
- ทบทวน แก้ไขแบบฟอร์มความเสี่ยง อันตราย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วน
เมื่อการรายงานเหตุการณ์เป็นไปอย่างทันถ้วงทีก็สามารถช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีส่วนได้เสียวางแผนสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ในลักษณะของการ Proactive และ Preventive ได้ดียิ่งขึ้น นี้คือเหตุผลว่าการรายการเหตุการณ์จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญลำดับที่สองของการบริการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
3.User-friendly interface
องค์ประกอบหลักที่สามของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คือ การมีส่วนต่อประสาน (User friendly Interface) ที่ชัดเจนและใช้งานง่าย
Interface หรือ ส่วนต่อประสาน เป็นวิธีการที่ผู้ใช้งานเช่น พนักงานโต้ตอบกับระบบหรือซอฟต์แวร์ อาจจะเป็นการประสารงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเป็นฟอร์มกระดาษที่ต้องกรอก เช่น แบบฟอร์มรายงานความปลอดภัย
ไม่ว่าองค์กรของคุณจะมีแนวการในการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยแบบใด คุณต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึงความง่ายของการใช้งานด้วย การพิจารณาความง่ายต่อการใช้งานอาจเริ่มจากชุดคำถามเช่น
- พนักงานสามารถเข้าใจสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ง่ายได้อย่างง่ายดายหรือไม่
- คำแนะนำในการใช้งานระบบมีความชัดเจนเพียงพอหรือไม่
- พนักงานมีการฝึกอบรมให้สามารถใช้ระบบในการประสานงานหรือไม่
แต่ถ้าองค์กรใดใช้ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เป็นซอฟต์แวร์ อินเทอร์เฟซจะต้องชัดเจน เรียบง่าย และใช้งานง่าย เพื่อให้พนักงานไม่มีปัญหาในการโต้ตอบกับอินเทอร์เฟซระหว่างการใช้งาน
4.การฝึกอบรม
องค์ประกอบที่สี่ของการจัดการด้านระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คือ การฝึกอบรม หากไม่มีการฝึกอบรม ระบบก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพออาจทำให้องค์กรตกอยู่ในความเสี่ยง พวกเขาอาจพลาดในการประเมินความเสี่ยงของอันตราย ไม่รายงานเหตุการณ์ทั้งที่ควรจะต้องรายงาน หรือแม้กระทั่งกระทำงานในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เพื่อนร่วมงาน หรือ บุคคลทั่วไป
พนักงานที่ผ่านการอบรม ทั้งการใช้ระบบ การใช้เครื่องมือ และการดูแลความปลอดภัยพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และที่สำคัญพวกเขาจะกลายเป็นทรัพย์สินขององค์กรที่สามารถช่วยให้สถานที่ทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้น
5.การประเมินความเสี่ยง
องค์ประกอบที่สำคัญถัดมาของระบบการจัดการด้านอาชีวอนามัยคือ การประเมินความเสี่ยง ในประเด็นนี้หมายถึงการที่ระบบซอฟต์แวร์มีส่วนช่วยผู้บริหารระดับสูงในการประเมินและตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
การประเมินความเสี่ยงส่วนนี้จะเกิดขึ้นในองค์กรที่ใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ในการช่วยในการประเมินความเสี่ยงและระดับความปลอดภัยได้อย่างอัตโนมัติ จากการสะสมค่าสถิติของการทำงาน ค่าความเสี่ยงที่ทางผู้บริหารหรือทีมที่ปรึกษาสามารถออกแบบค่าแนวโน้มที่อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงเพื่อที่สามารถวางแผนป้องกันได้อย่างทันถ้วงที
ตัวอย่างเช่น :
ฝ่ายบริหารสามารถดูรายงานอันตราย ความเสี่ยง อุบัติเหตุและการบาดเจ็บทั้งหมดได้ตามเวลาจริง จากนั้นซอฟต์แวร์จะประมวลผลข้อมูลนี้และสร้างรายงานที่สามารถใช้เพื่อสร้างแนวทางในการป้องกัน
6.การรับรอง
องค์ประกอบหลักที่หกของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยคือ การรับรอง ระบบควรได้รับการรับรองโดยบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เพื่อให้แน่ใจว่าแนวทางปฏิบัติของอค์กรเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย
การมีระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่แข็งแกร่งช่วยให้องค์กรสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและลูกค้า ตัวอย่างการรับรองได้แก่
- AS / NZS 4801
- OHSAS 18001
การมีใบรับรองจะแสดงให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่าองค์กรของคุณมุ่งมั่นในเรื่องของความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน รวมถึงประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น ความปลอดภัยของพนักงานเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลถึงกำลังใจในการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น และความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลกำไรขององค์กรในที่สุด
7.การสื่อสาร
องค์ประกอบที่เจ็บของ OHS คือ การสื่อสาร ระบบที่ดีต้องช่วยให้พนักงานสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยการสื่อสารมีความสำคัญดังต่อไปนี้
- ช่วยให้พนักงานได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับงานที่ตนได้รับมอบหมาย
- ช่วยให้พนักงานสื่อสารและแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน และหัวหน้า
- การสื่อสารที่ดีและมีประสิทธิภาพช่วยให้ระดับผู้จัดการและพนักงานปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกับวิสัยทัศน์ของบริษัท
8.การเข้าถึงข้อมูล
องค์ประกอบสุดท้ายของระบบการจัดการ OHS คือ การเข้าถึงข้อมูล เนื่องจากการทำงานในองค์กรที่มีทั้งพนักงาน และ เอกสารของข้อมูลต่างๆ จำนวนมาก หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญคือการจัดการการเข้าถึงข้อมูลให้ง่ายและสามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเอกสารข้อมูลความปลอดภัย SDS (Safety Data Sheet)
องค์กร OSHA ระบุไว้ว่า
“นายจ้างต้องเก็บรักษาสำเนาเอกสารข้อมูลความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับสารเคมีอันตรายแต่ละชนิดไว้ในที่ทำงาน และต้องแน่ใจว่าสามารถเข้าถึงได้ง่ายระหว่างกะการทำงานแต่ละครั้งสำหรับพนักงานเมื่อ พวกเขาอยู่ในพื้นที่ทำงาน (การเข้าถึงทางอิเล็กทรอนิกส์และทางเลือกอื่นในการเก็บรักษาสำเนาเอกสารของเอกสารข้อมูลความปลอดภัยจะได้รับอนุญาต ตราบใดที่ไม่มีการสร้างอุปสรรคในการเข้าถึงพนักงานทันทีในสถานที่ทำงานแต่ละแห่งโดยตัวเลือกดังกล่าว)”
สำหรับบริษัทขนาดเล็กการเก็บเอกสารและข้อมูลต่างๆ เป็นสำเนากระดาษอาจง่ายต่อการบริหารจัดการ เพราะทุกคนรู้ว่าเอกสารชนิดนั้นๆ เก็บไว้ในตู้ใบไหนและสะดวกต่อการค้นหา
แต่สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะองค์กรที่มีสถานประกอบการหลายแห่งการเข้าถึงข้อมูลอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น นี้จึงเป็นเหตุผลที่หลายองค์กรหันไปใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ OHS บนระบบคลาวด์ ซึ่งง่ายต่อการจัดการ
KPI ด้านสุขภาพและความปลอดภัย
หลังจากที่คุณทราบถึงองค์ประกอบของโครงการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ขั้นตอนถัดมาที่ผมอยากจะพูดถึงคือเรื่องการติดตามผล KPI ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งนี้เป็นค่าที่สามาารถวัดและประเมินได้ ซึ่งทำเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่เฉพาะเจาจง
อันที่จริง องค์กรจำนวนมากไม่มีการพิจารณาสร้าง KPI ด้านสุขภาพและความปลอดภัยด้วยซ้ำ บางครั้งก็อาจจะคิดว่าองค์กรของคุณไม่ต้องการมันจริงๆ ซึ่งถ้าองค์กรของคุณอยู่ในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ธุรกิจไอทีหรือการตลาด ก็อาจะพออนุโลมได้ แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว KPI ด้านสุขภาพไม่ได้เกี่ยวกับอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังหมายถึง “ตัวชี้วัดด้านสุขภาพ” ที่อาจจะมาจากการทำงานออฟฟิตที่ยาวนานจนส่งผลถึงสุขภาพ เช่นการเป็นโรคออฟฟิตซินโดรม ซึ่งก็มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ
นี้คือตัวอย่าง KPI ด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่องค์กรควรพิจารณา
- จำนวนอุบัติเหตุและเหตุการณ์ที่รายงาน
- อัตราความถี่การบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน
- ชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาโดยเฉลี่ยต่อคน
- ไม่พบโรคจากการทำงาน
- % กิจกรรมด้าน OHS ที่พนักงานเข้าร่วม
- ความพึงพอใจกับคะแนนสิ่งแวดล้อม
- ค่าใช้จ่ายรายเดือนในการป้องกันสุขภาพและความปลอดภัย
- % ของผู้บริหารที่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัย
ข้อมูลอ้างอิง : 1 / 2 / 3
เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ :
* ทุกเนื้อหา และ ภาพประกอบของ Jorportoday ไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด สามารถนำไปเผยแพร่ได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เชิงพาณิชย์
** กรณีมีการคัดลอกบทความของเราไปส่วนใดส่วนหนึ่ง โปรดติดลิงค์กลับมาที่หน้านี้เพื่อให้เครดิตกับเรา