ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน (Planned Economy) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ระบบสังคมนิยม ในระบบแบบนี้รัฐบาลจะเป็นคนกำหนดว่า ผลิตอะไร ผลิตอย่างไร และแจกจ่ายอย่างไร ในกรณีนี้จะไม่มีบริษัทเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องเลย รัฐบาลจ้างพนักงานทุกคน เป็นผู้กำหนดค่าจ้าง และหน้าที่การงานให้เพียงแต่ฝ่ายเดียว แม้ว่าจะมีข้อดีอยู่เยอะ แต่ข้อเสียก็ไม่น้อยเช่นกัน ข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจแบบวางแผนคือ ขจัดความเหลื้อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจน ไม่มีปัญหาการว่างงาน ส่วนข้อเสียของระบบแบบนี้ คือเป็นระบบที่ขาดแรงกระตุ้น ขาดการแข่งขัน ขาดประสิทธิภาพ
ข้อดีของเศรษฐกิจแบบวางแผน
1.ความไม่เท่าเทียมลดลง
เนื่องจากรัฐบาลควบคุมวิธีการผลิตในระบบเศรษฐกิจ จึงกำหนดว่าใครทำงานที่ไหน และจ่ายเท่าไหร่ โครงสร้างแบบนี้แตกต่างอย่างชัดเจนกับเศรษฐกิจตลาดเสรี ซึ่งบริษัทเอกชนจะเป็นควบคุมวิธีการผลิต การจ้างแรงงานตามความต้องการทางธุรกิจ รวมถึงจ่ายค่าแรงให้กับแรงงาน ในระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีจะใช้กฎว่าด้วยอุปสงค์-อุปทาน (supply and demand) กำหนดว่าคนงานที่มีทักษะเฉพาะในสาขาที่มีความต้องการสูง จะได้รับค่าจ้างสูงให้สอดคล้องกับทักษะ ในขณะที่คนทั่วไปที่ไม่มีทักษะในการประกอบอาชีพ จะมีค่าจ้างที่น้อยกว่าเป็นอย่างมาก
2.ระดับการว่างงานต่ำ
แตกต่างจากมือที่มองไม่เห็นในตลาดเสรี ที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยบริษัทหรือบุคคลเดียว รัฐบาลสามารถที่จะกำหนดค่าจ้าง ตำแหน่งงาน เพื่อจัดหาแรงงานในค่าจ้างที่เหมาะสม
3.ไม่แสดงหาผลกำไร
บริษัทส่วนใหญ่ในระบบตลาดเสรี มักจะมีแรงจูงใจที่จะกอบโกยผลกำไรไห้ได้มากที่สุด ไม่เหมือนกับเศรษฐกิจแบบวางแผน รัฐบาลสามารถปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่คำนึงถึงผลกำไรและขาดทุน ตัวอย่างเช่นรัฐบาลคิวบามอบการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมให้แก่ประชาชนฟรี
ข้อเสียของเศรษฐกิจแบบวางแผน
1.การขาดการแข่งขัน
นักการตลาดมองว่าการขาดการแข่งขันโดยธรรมชาติในระบบเศรษฐกิจนั้น เป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม และป้องกันไม่ให้ราคาของสินค้าอยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภค แม้ว่าหลายคนมองว่าการควบคุมแบบนี้มีข้อดีมากกว่า แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผลกำไรนั้น เป็นแรงจูงใจในการขับเคลื่อนนวัตกรรม อย่างน้อยส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าด้านการแพทย์และเทคโนโลยีจำนวนมาก ก็มาจากประเทศที่มีเศรษฐกิจตลาดเสรีเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ ญี่ปุ่น
2.ขาดประสิทธิภาพ
การขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงานนั้น เกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลทำหน้าที่ควบคุมทุกแง่มุมของเศรษฐกิจของประเทศ ลักษณะการแข่งขันบังคับให้บริษัทเอกชนในระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีลดคุณภาพของพวกเขาลง เพื่อที่จะหาวิธีลดต้นทุนการดำเนินงาน หากพวกเขาจมอยู่กับค่าใช้จ่ายเหล่านี้มากเกินไป พวกเขาจะได้กำไรน้อยลง หรือต้องขึ้นราคาเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย ถ้าเกิดไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ในที่สุดพวกเขาจะถูกขับออกจากตลาดโดยคู่แข่งที่สามารถผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากกว้าได้
ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้การผลิตในระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนนั้นไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากรัฐบาลไม่รู้สึกกดดันจากคู่แข่งหรือผู้บริโภคที่คำนึงถึงราคาเพื่อลดต้นทุน หรือพยายามพัฒนาตัวเอง พวกเขามักจะตอบสนองได้ช้า หรือบ้างครั้งก็ไม่แสดงท่าทีสนใจต่อความนิยมของผู้บริโภคในประเทศเลยด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำไมประเทศที่ใช้ระบบแบบนี้จึงไม่ค่อยมีนวัตกรรมแปลกใหม่เกิดขึ้น
ปัจจุบันนี้ประเทศเดียวในโลกที่มีเศรษฐกิจการปกครองแบบวางแผน หรือ สังคมนิยมสมบูรณ์แบบคือ “เกาหลีเหนือ” แม้แต่ประเทศนี้เองก็มีตลาดมืดจำนวนมากซึ่งไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาล แต่เมื่อเทียบกับรัฐบาลอื่นแล้ว พวกเขาสามารถควบคุมเศรษฐกิจได้ดีกว่ารัฐบาลอื่นๆ ในโลก อย่างไรก็ตามทุกประเทศในโลกยังแอบหยิบยกลักษณะของเศรษฐกิจแบบวางแผนมาใช้ด้วย ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลจัดให้มีโรงเรียนของรัฐแทนที่จะปล่อยให้การศึกษาอยู่ในการดูแลของภาคเอกชน
เนื่องจากผู้ผลิตแต่ละรายต้องแข่งขันกันขายสินค้าและบริการให้มากที่สุด จึงต้องปรับปรุงเทคนิคการผลิตอยู่เสมอทำให้คุณภาพของงานและคุณภาพของสินค้าดีขึ้นข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม มีข้อบกพร่องหลายประการด้วยกัน คือ
- ทำให้การกระจายรายได้ของประชาชนไม่เท่าเทียมกัน เพราะบุคคลในสังคมต่างมีทรัพย์สินไม่เท่าเทียมกัน บุคคลที่มีทรัพย์สินมากย่อมมีความได้เปรียบบุคคลที่มีทรัพย์สินน้อยกว่าทั้งนี้เพราะทรัพย์สินเป็นแหล่งกำหนดรายได้ คนที่มีทรัพย์สินมากย่อมแสวงหารายได้จากทรัพย์สินของตนได้มาก โอกาสที่จะสร้างความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของบุคคลในสังคมจึงมีมาก ซึ่งหากคนที่มีทรัพย์สินมากหรือที่เรียกว่า “นายทุน” เป็นบุคคลที่ขาดจริยธรรมแล้ว โอกาสที่นายทุนจะเอาเปรียบผู้อื่นย่อมมีมากเพราะมักจะขาดจริยธรรมและคำนึงถึงแต่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและกำไรมากๆ เป็นสำคัญ จะส่งผลให้เกิดแรงกดดันและความระส่ำระสายทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จึงมีผลให้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมต้องเสื่อมลงในบางประเทศ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เวียดนาม ฯลฯ ต้องเลิกล้มไปในที่สุด
- ในบางสถานการณ์ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมไม่สามารถจะนำมาใช้แก้ไขสถานการณ์ได้ เช่น ในภาวะฉุกเฉินหรือภาวะสงคราม หากรัฐบาลปล่อยให้เอกชนดำเนินการเศรษฐกิจเองโดยเสรี สถานการณ์ทางเศรษฐกิจอาจจะเลวลงกว่าที่เป็นอยู่ เช่น ประเทศอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลต้องหันมาแทรกแซงกิจกรรมของเอกชน เพราะกลไกราคาใช้ไม่ได้ผล ทำให้เกิดการขาดแคลนสินค้าและบริการต่างๆ จนต้องใช้วิธีปันส่วน
- ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม หากมีผู้ผลิตสินค้าและบริการน้อยราย โอกาสที่ผู้ผลิตที่จะรวมตัวกันเพื่อผูกขาดการผลิตสินค้าและบริการย่อมเป็นไปได้ง่าย เพราะรัฐบาลไม่สามารถจะเข้ามาแทรกแซงกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ผลเสียจะตกอยู่กับผู้บริโภคและผู้ใช้แรงงานซึ่งถูกเอาเปรียบ โดยการขึ้นราคาสินค้าให้สูง และกดค่าจ้าง ค่าแรงงานให้ต่ำ
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม มีดังนี้คือ
- ประชาชนมีความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจมากกว่าระบบที่ต่างคนต่างอยู่
- ประชาชนมีรายได้ใกล้เคียงกัน § เศรษฐกิจไม่ค่อยผันแปรขึ้นลงมากนัก
- รัฐจะครอบครองปัจจัยขั้นพื้นฐานไว้ทั้งหมด และความคุมกิจการสาธารณูปโภคทั้งหมด
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม มีดังนี้
- แรงจูงใจในการทำงานต่ำ เพระกำไรตกเป็นของรัฐ คนงานจะได้รับส่วนแบ่งตามความจำเป็น
- ผู้บริโภคไม่มีโอกาสเลือกสินค้าได้มาก
- ประชาชนไม่มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการทำธุรกิจที่ตนเองมีความรู้ ความสามารถหรือต้องการจะทำ
- ไม่ค่อยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพราะไม่มีการแข่งขัน สินค้าอาจไม่มีคุณภาพ
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบผสม
- เป็นการยกฐานะของคนในสังคมให้เท่าเทียมกันและเป็นการแลกเปลี่ยนแปลงจากทุนนิยมเป็นแบบสังคมนิยม โดยสันติวิธีทางรัฐสภา
- รายได้ถูกนำมาเฉลี่ยให้ผู้ทำงานตามกำลังงานที่ได้กระทำ มิใช่ตามความจำเป็นแรงจูงใจในการทำงานจึงดีกว่า
- เอกชนยังมีบทบาททางเศรษฐกิจ มีการแข่งขัน สินค้าจึงมีคุณภาพสูง
- ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกสินค้าได้มากพอสมควร
- ความไม่เท่าเทียมในรายได้ และทรัพย์สินมีน้อย
ข้อเสียระบบเศรษฐกิจแบบผสม
- ระบบนี้มีการวางแผนเพียงบางส่วน จึงอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในกรณีที่ต้องการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เช่น ยามสงคราม
- การควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนโดยรัฐ เป็นเครื่องกีดขวางเสรีภาพของเอกชน
- การวางแผนจากส่วนกลางเพื่อประสานประโยชน์ของรัฐบาลเข้ากับเอกชนให้เกิดผลดีแก่ส่วนรวมอย่างแท้จริงทำได้ยาก
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมได้แก่อะไรบ้าง
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม คือ จากความสามารถและโอกาสของบุคคลที่แตกต่างกัน ทำให้มีระดับรายได้แตกต่างกัน นำไปสู่ปัญหาการกระจายรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน ส่วนการผลิตในระบบทุนนิยมเป็นที่มาของการแข่งขันกันผลิต นำไปสู่การทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติจนกลายเป็นปัญหาของโลกปัจจุบันข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม คืออะไร
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทำงาน เศรษฐกิจของประเทศอาจเผชิญวิกฤติหากรัฐกำหนดความต้องการผิดพลาด การไม่มีระบบแข่งขันแบบทุนนิยมทำให้ไม่มีการพัฒนาสินค้า และ บริการใหม่ๆข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมคืออะไรบ้าง
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแก้ไข.เอกชนมีเสรีภาพในการเลือกตั้ง เลือกตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ.กำไรและระบบกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นแรงจูงใจในการทำงานทำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ.สินค้ามีคุณภาพและมีมาตรฐาน.ข้อดี และข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม มีอะไรบ้าง
1.ข้อเสีย – เป็นการเพิ่มอำนาจให้กับรัฐบาล ทำให้มีอำนาจในการควบคุมชีวิตของผู้คนในทุกด้าน รวมถึงสถานที่ทำงานหรือที่อยู่อาศัย.ข้อดี – พลเมืองทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษา การดูแลสุขภาพ ฯลฯ ได้อย่างเท่าเทียม.ข้อดี – กำจัดการผูกขาดในบริษัท.ข้อดี – เกิดความเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งชนชั้น.