- การนำเสนอแบบทิศทางหรือแนวโน้ม (Trending)
เราใช้กราฟที่แสดงผลแบบทิศทางหรือแนวโน้ม เพื่อนำเสนอข้อมูลให้เห็นจำนวนข้อมูลที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา (period)
รวมถึงเน้นข้อมูลที่ต้องการนำเสนอ เช่น Line Chart, Bar Chart,Radar Chart, Area Chart เป็นต้น - การนำเสนอแบบกลุ่มข้อมูล (Classification)
เป็นการนำเสนอโดยนำข้อมูลมาจัดเป็นกลุ่มๆ เช่น Donut Chart, Ring Chart, Pie Chart, - การนำเสนอเชิงเปรียบเทียบข้อมูล (Comparison)
เหมาะสำหรับการนำเสนอที่ต้องการเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน เช่นเทียบกับปีที่แล้ว(YoY) เปรียบเทียบกับเป้าที่ตั้งไว้ (Target)
ซึ่งกราฟที่เหมาะสมและมักนำมาใช้ เช่น KPI Indicator, Bullet Chart, Power BI Card with state เป็นต้น - การนำเสนอรูปแบบแผนที่ (Geographical)
เหมาะสำหรับนำเสอข้อมูลบนแผนที่ โดยสามารถที่จะนำยอดขาย, รายได้, ความหนาแน่นของประชากร เพื่อFocus กลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ที่เราสนใจ
เช่น Globe Map, Google Map, Flow Map เป็นต้น - กลุ่มที่ต้องพยากรณ์ล่วงหน้าและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน (Analytics)
เราสามารถที่จะใช้ภาษา R หรือ Python ดึงข้อมูลในอดีตมาเพื่อวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์อนาคต และนำเสนอข้อมูลที่ได้ในรูปของกราฟข้อมูลที่รวบรวมได้นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของตารางที่ประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข เป็นปริมาณมาก แม้ว่าข้อมูลนั้นสามารถตอบข้อสงสัย หรือนำเสนอสิ่งที่สนใจได้ แต่ยังยากต่อการทำความเข้าใจ หรือเป็นอุปสรรคในการสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน
ดังนั้น การนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ (data visualization) สามารถช่วยตอบคำถาม หรือนำเสนอประเด็กต่างๆ ได้รวดเร็ว และชัดเจนมากขึ้น
- แผนภูมิรูปวงกลม (Pie Chart) – สร้างโดยการเขียนรูปวงกลมและแบ่งวงกลมออกเป็นสัดส่วนตามจำนวนข้อมูล ซึ่งควรเป็นจำนวนข้อมูลที่มีจำนวนกลุ่มไม่มากนัก
- แผนภูมิรูปโดนัท (Doughnut Chart) – สร้างโดยการนำแผนภูมิรูปวงกลมมาวางซ้อนกัน ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนได้เป็นอย่างดี
- แผนภูมิแท่ง (Bar Chart) – แสดงความแตกต่างในเชิงปริมาณได้ชัดเจน ใช้แสดงปริมาณข้อมูลแต่ละส่วน
- กราฟเส้น (Line Graph) – แสดงมิติของการเปลี่ยนแปลงได้ดี โดยใช้พื้นที่แสดงข้อมูลแต่ละรายการน้อยกว่าแผนภูมิแท่ง ทำให้เสนอจำนวนรายการข้อมากได้มากกว่า
- แผนภาพการกระจาย (Scatter Plot) – แสดงการกระจายของข้อมูล การเปรียบเทียบได้ดี รวมถึงทำให้เห็นแนวโน้มของความสัมพันธ์ของข้อมูล 2 ประเภทที่สนใจได้
การเลือกใช้แผนภาพให้เหมาะสมกับข้อมูล ต้องทำความเข้าใจลักษณะของข้อมูลและจุดประสงค์ในการนำเสนอ ซึ่งสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้
สำหรับโลกของการทำธุรกิจ เมื่อเราเอ่ยถึงข้อมูลรูปภาพหรือ Data Visualization เราไม่ได้หมายถึงแผนภูมิวงกลมหรือกราฟแท่ง แน่นอนว่ากราฟิกเหล่านี้สามารถแสดงข้อมูลได้หลากหลาย แต่มันก็ยังไม่สามารถแสดงข้อมูลทางธุรกิจที่ละเอียดขนาดเรียลไทม์หรือรายวันได้
องค์กรของคุณอาจมีเทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยรวบรวมข้อมูล แต่คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาทำอะไรต่อได้? บางครั้งมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลที่มี แต่ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณนำมาใช้ ซึ่งในส่วนนี้เองที่ข้อมูลรูปภาพช่วยเราได้
“ข้อมูลรูปภาพมีประโยชน์หลายอย่างต่อธุรกิจของคุณ คุณค่าของมันมีมากกว่าการนำเสนอ Presentation”
และนี่คือ 5 ประโยชน์ที่ข้อมูลรูปภาพสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของคุณได้
1. เล่าเรื่องได้ดีกว่า
หนึ่งในสาเหตุที่สื่อโซเชียลมีเดียได้รับความนิยม เป็นเพราะรูปภาพสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ดีกว่าแผนภูมิ ข้อความบนเว็บบล็อก หรือแม้แต่ Presentation ลองค้นหาแนวคิดที่แท้จริงที่คุณต้องการนำเสนอว่าคุณต้องการพูดถึงเรื่องอะไร ลืมการใช้แผนภูมิหรือกราฟไปก่อน แต่หันมาเลือกวิธีแสดงข้อมูลแบบ Data Visualization ที่มีความเป็นพลวัตร (Dynamic) ที่ผู้ชมสามารถรับรู้เรื่องราวที่คุณต้องการเล่าได้ง่ายกว่า เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ดวงตาและสมองทำงานอย่างสัมพันธ์กัน
2. ทำให้ข้อเสนอดูมีคุณค่ามากขึ้น
ข้อมูลแบบ Data Visualization นั้นมีพลังทางการตลาดอย่างมาก เพราะมันสามารถแสดงผลลัพธ์และดึงความสนใจของผู้ชมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้พวกเขาจินตนาการตามข้อมูลที่ได้รับได้อีกด้วย ลองนำการแสดงข้อมูลแบบ Data Visualization มาใช้ บนหน้าแรกของเว็บไซต์หรือบล็อกเพื่อโปรโมทโปรโมชั่นหรือข้อเสนอทางการตลาดของธุรกิจ แล้วคุณจะพบว่าผู้ชมมีการตอบสนองกับข้อความเหล่านี้มากขึ้น มากกว่าการเสนอขายด้วยการใช้ตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว
3. ช่วยให้สื่อสารข้อมูลได้เร็วขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น การติดตามข่าวเรื่องโลกร้อน บางครั้งข้อมูลสถิติด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศก็เป็นเรื่องยากที่เราจะติดตามและทำความเข้าใจกับตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลาและมีค่ามากมายที่สัมพันธ์กัน แต่มีนักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งเลือกใช้วิธีนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นด้วย Data visualization ผ่านทวิตเตอร์ ทำให้เราสามารถย่อยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญได้ง่ายขึ้น เข้าใจมากขึ้น ผ่านการแยกสีสันที่แตกต่างกันแทนข้อมูลอุณหภูมิของแต่ละเดือน และนี่ก็คือประโยชน์ของข้อมูลภาพที่ช่วยให้เราสามารถประมวลผลสิ่งที่ผู้นำเสนอต้องการได้อย่างรวดเร็ว
4. สร้างแรงจูงใจให้กับทีม
“ในการทำงาน เป็นเรื่องง่ายที่ทีมจะไขว้เขวหากไม่มีการวัดความคืบหน้าของงานหรือการกำหนดเป้าหมาย“
ดังนั้นทีมจึงต้องระลึกอยู่เสมอว่าองค์กรต้องการอะไรและเป้าหมายของพวกคุณคือที่ไหน ข้อมูลด้านการขายและการนำเสนอผ่านบอร์ดที่ออกแบบเองอาจทำให้พลาดข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญหลายอย่าง
ขณะที่การใช้ข้อมูลรูปภาพนั้นมีความครอบคลุมมากกว่า นอกจากนี้มันยังสามารถนำมาใช้ในการวัดผลและติดตามการขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานและสร้างความเติบโตของทีมได้ จากกรณีตัวอย่างกรณีหนึ่งพบว่าการใช้ข้อมูลรูปภาพในการขายและการนำเสนอ ช่วยให้ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 24%
5. ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมูลรูปภาพช่วยให้สมองประมวลผลได้เร็วขึ้น เมื่ออยู๋ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ทักษะการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เช่น การบริหารจัดการพนักงาน หรือการจัดการสินค้าคงคลัง ซึ่งข้อมูล Data Visualization จะช่วยให้คุณมองภาพรวมได้ดีกว่าการกวาดตาผ่านข้อมูลแผนภูมิจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ทีมเบสบอล Texas Rangers ใช้ข้อมูลรูปภาพ ‘A Full 360-degree view’ เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นในการแข่งขัน
หรือแม้แต่ในช่วงเวลาปกติที่ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจแบบเร่งด่วน ข้อมูลรูปภาพก็มีประโยชน์ในการทำการตัดสินใจครั้งสำคัญเช่นกัน จากการสำรวจและศึกษากลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่มของเว็บไซต์ Econsultancy โดยให้ทั้งสามกลุ่มทำการวิเคราะห์ข้อมูลชุดเดียวกัน แต่กลุ่มที่ 1 ได้รับข้อมูลแบบสถิติตามมาตรฐานทั่วไป กลุ่มที่สองได้รับข้อมูลสถิติและกราฟ ส่วนกลุ่มที่สามได้รับข้อมูลแบบกราฟเพียงอย่างเดียว
พบว่ากลุ่มที่หนึ่งเลือกคำตอบผิดถึง 72% ส่วนกลุ่มที่สองเลือกคำตอบผิด 61% ขณะที่กลุ่มที่สามเลือกคำตอบผิดเพียงแค่ 3% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการใช้ข้อมูลรูปภาพช่วยลดความสับสน ทำให้สมองรับและประมวลผลข้อมูลได้ดีขึ้น ทั้งยังส่งผลให้การตัดสินใจและการวิเคราะห์มีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วย
และนี่ก็คือประโยชน์ของข้อมูลแบบ Data Visualization ที่มีต่อธุรกิจและทีม มันคือการนำเสนอข้อมูลรูปแบบใหม่ที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติการรับรู้ของมนุษย์มากที่สุด เพียงต้องลองนำมาประยุกต์ใช้ จะพบว่าข้อมูลรูปภาพทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด
เรียนรู้เทคนิคการนำเสนอและใช้งาน Data Visualization ด้วยหลักสูตร Visual Thinking จาก Buro Brand สถาบันระดับอินเตอร์เนชั่นแนล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ADGES e-mail: marketing@adges.net หรือ 6688-028-1111 หรือเว็บไซต์ www.adges.net
การทำข้อมูลให้เป็นภาพคือและมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
1. เล่าเรื่องได้ดีกว่า ... .2. ทำให้ข้อเสนอดูมีคุณค่ามากขึ้น ... .3. ช่วยให้สื่อสารข้อมูลได้เร็วขึ้น ... .4. สร้างแรงจูงใจให้กับทีม ... .5. ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว.จุดประสงค์ของการทำข้อมูลให้เป็นภาพคืออะไร
ข้อดีของ Data Visualization. – ข้อมูลที่มีปริมาณมากมายมหาศาลยากต่อการเข้าใจ เราสามารถทำให้เข้าใจง่ายได้ด้วยรูปภาพ – ช่วยจัดระเบียบความคิดวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความน่าเชื่อถือ – ประหยัดเวลาในการนำเสนอข้อดีของการนำเสนอข้อมูลแบบรูปภาพ คือข้อใด
สิ่งใดคือประโยชน์ที่สำคัญที่สุด ของการนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ แสดงรายละเอียดของข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ดึงดูดความสนใจผู้อ่านให้มาดูภาพที่นำเสนอ นำเสนอข้อมูลที่มีปริมาณมากได้โดยใช้พื้นที่น้อย มองเห็นมุมมองของผู้นำเสนอได้ตรงตามต้องการประโยชน์ของการนำเสนอข้อมูลมีอะไรบ้าง
1. เพื่อให้ผู้รับสาร รับทราบความคิดเห็นหรือความต้องการ 2. เพื่อให้ผู้รับสารพิจารณาเรื่องใดเรื่อง 3. เพื่อให้ผู้รับสารได้รับความรู้จากข้อมูลที่นำเสนอ เช่น ในการฝึกอบรมหรือการสัมมนา ใช้ในการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานต่างๆ 4. เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง