8.2ผลกระทบของการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
ผลกระทบเชิงบวก
1. เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง
2. เป็นสื่อที่ใช้ในการแบ่งปันข้อมูล รูปภาพ ความรู้ให้กับผู้อื่น
3. เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
4. เป็นเครือข่ายกระชับมิตร สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
5. เป็นเครื่องมือในการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
6. เป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาชุมชน
7. ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
หรือบริการลูกค้า
8. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
ผลกระทบเชิงลบ
1. เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน
2. หากผู้ใช้หมกมุ่นกับการเข้าร่วมเครือข่ายสังคมออนไลน์มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
3. เป็นช่องทางที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์กระแสสังคมในเรื่องเชิงลบ
4. ภัยคุกคามจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนารวดเร็วมากจนตามแทบไม่ทัน โลกออนไลน์ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นตัวร้ายขึ้นมาทันที เพราะคนอยู่แต่กับหน้าจอ เสพแต่เรื่องที่ตนเองพอใจ ไม่เปิดใจให้คนอื่น ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง จนกลายเป็นความห่างเหินมากขึ้นทุกที ถึงขั้นที่ “แสตมป์” อภิวัชร์ ยังแต่งเพลง “โอมจงเงย” ออกมาจนโด่งดัง
จากที่เมื่อก่อน คนจะจับกลุ่มพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันอย่างออกรสตอนพักเที่ยง กลับกลายเป็นทุกคนนั่งก้มหน้าอยู่แต่กับจอโทรศัพท์ ไม่พูดคุยกันทั้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน แต่อันที่จริงอาจจะเปิดกลุ่มแชตลับนินทาคนคนเดียวกันอยู่ก็เป็นได้!
พอมาถึงช่วง COVID-19 ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยถือว่าดีขึ้นมาก จนมีมาตรการผ่อนปรนต่าง ๆ เป็นข่าวดีว่าเราจะกลับมาดำเนินชีวิตกันเป็นปกติได้ในไม่ช้า แต่ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตกันบ้าง ฉะนั้น Tonkit360 จะขอพูดถึงข้อดีของโลกออนไลน์ในยุค COVID-19 กันบ้าง ซึ่งเป็นโลกออนไลน์ในมุมที่ไม่ได้มีแค่ดราม่า ฉอดกัน และเรื่องชาวบ้านเท่านั้น!
1. อัปเดตข่าวสารได้รวดเร็ว
“ยิ่งรู้เรื่องได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาทางรับมือได้ดีเท่านั้น” เป็นคำพูดที่พิสูจน์แล้วว่าจริง การที่เราได้รู้อะไรตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เราได้เตรียมตัว มีเวลาคิดให้รอบคอบ และวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น การเชื่อเลยในทันทีก็ไม่ใช่เรื่องดี ต้องมีวิจารณญาณในการเสพข่าวด้วยว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวเท็จ และก็อย่าตื่นตูมเกินเหตุ เพราะจะทำให้เราสติแตกจนทำอะไรไม่ได้เลย
2. สนับสนุนมาตรการห่างกันสักพัก
Social Distancing ถูกนำมาใช้เป็นมาตรการในการตัดวงจรการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพราะ “โรคติดต่อจะไม่ติดต่อ ถ้าเราไม่ติดต่อกัน” ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเราจะได้ยินกันจนเอียน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าดีทีเดียว กับเพื่อนฝูงที่ต่างต้องหายหน้าไปกักตัว คิดถึงกันมากแต่มาเจอกันไม่ได้ ก็ยังมีโปรแกรมแชตต่าง ๆ ไว้พูดคุยกัน บางคนโหยหาการกินข้าวกับแก๊งเพื่อนมาก ถึงขั้นเปิดกล้องคุยกัน แต่นั่งกินข้าวบ้านใครบ้านมัน ให้หายคิดถึงเลยก็มี
3. สร้างโอกาสดี ๆ ที่มีไม่บ่อย
เมื่อเราต้องห่างกัน กิจกรรมหลายอย่างก็ถูกยกเลิก จะออกไปไหนมาไหนก็ลำบาก หลายคนจึงได้แต่อยู่บ้านนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่รู้จะทำอะไร แต่ยังดีที่บางเว็บไซต์เปิดให้ดูหนังได้ฟรี ทั้งที่เดิมต้องสมัครสมาชิก หรือที่ดีกว่านั้นก็คือ มีคอร์สเรียนออนไลน์มากมายเปิดให้ลงเรียนได้ฟรี เราจึงได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์มากกว่าการดูหนัง และหลังจากหมด COVID-19 แล้ว ก็ยังมีความรู้ติดตัวเอาไปใช้ต่อยอดได้อีกด้วย
4. เห็นการช่วยเหลือกัน
ช่วงที่ COVID-19 กำลังวิกฤติ จะเห็นเลยว่าพลังโซเชียลนั้นทำได้ทุกอย่าง ชาวเน็ตร่วมกันใช้ช่องทางที่มีอยู่ในมือช่วยเหลือผู้อื่น ในลักษณะของการแชร์และบอกต่อ เปิดพื้นที่ในโซเชียลให้คนได้ทำมาหากิน ในเฟสบุ๊กมีเพจ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน” “จุฬาฯ มาร์เก็ตเพลส” “ชาวมหิดลเปิดแผง” เป็นต้น ส่วนในทวิตเตอร์มีแฮชแท็ก #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน ก็ช่วยต่อลมหายใจให้กับคนค้าขายได้มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องต่อไป รวมถึงการช่วยกันระดมจัดหาสิ่งของ อุปกรณ์ต่าง ๆ และเงินเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วย
5. แบ่งปันความรู้สึกดี ๆ
ในช่วงที่เหตุการณ์แย่ ข่าวสารมีแต่เรื่องชวนปวดหัว โรคก็ต้องระวัง ปากท้องก็ต้องหาเลี้ยง ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย สุขภาพกายก็แย่ตาม แต่ยังดีที่ยังพอจะมีพื้นที่เล็ก ๆ ในโลกออนไลน์ที่มีคอนเทนต์แนวให้กำลังใจซึ่งกันและกันให้เห็นบ้าง ให้คนได้หลีกหนีเรื่องหนัก ๆ ไปเสพอะไรที่จรรโลงใจได้สักระยะ ให้ได้ยิ้มออกและมีกำลังใจจะสู้ต่อไป แม้คนในโซเชียลจะไม่รู้จักกัน แต่พวกเราก็ไม่ทิ้งกัน และพร้อมจะอยู่ข้างกันจนกว่าสถานการณ์นี้จะผ่านพ้นไป
ในโลกไซเบอร์ก็เหมือนสังคมรอบข้างตัวเรา มีใส่หน้ากาก กัดกันข้างหลัง มีนิสัยดี นิสัยชั่ว มีการสงสัย การระวังคนรอบข้าง มีหมดทุกอย่าง เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก แต่เราจะสามารถคัดกรองกลุ่มคนยังไงได้นั้น ก็ต้องใช้สติปัญญาในการวิเคราะห์ หรือพิจารณา คนที่เราคิดว่าน่าจะเป็นคนดี สักวันหนึ่งอาจจะกลับกลายเป็นคนชั่วไปก็เป็นได้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นแน่นอน เพียงแต่เราจะมองโลกในแง่บวก หรือแง่ลบ เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับเหรียญที่มี 2 ด้านเสมอก็เฉกเช่นเดียวกับคนที่มีทั้งคนดีและคนชั่ว และใน Social Network ก็เช่นเดียวกัน ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ประโยชน์ของ Social Network
บริษัทต่างๆเริ่มหันมาใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการมากขึ้น เนื่องจากจัดการใช้งาน และอัพเดทให้ทันสมัยได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะ Blog ส่วนใหญ่จะสำรวจและแยกประเภทความสนใจของสมาชิกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูก และสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าผ่านข้อความแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย
ข้อดีของ Social Network
1.สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น
แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
2.เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
3.ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
4.ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
5.คลายเคลียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ
6.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้
ข้อเสียของ Social Network
1.เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
2.Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
3.เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
4.ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
5.ผู้ใช้ที่เล่น social network และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้
6.ถ้าผู้ใช้หมกหมุ่นอยู่กับ social network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้
7.จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์