เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ควรเข้ารับการตรวจภายในทุกคน แม้จะรู้สึกเขินอาย โดยเฉพาะสาวโสดที่ยังไม่เคยแต่งงาน หรือมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องของสุขภาพภายในสตรีนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีความซับซ้อน เชื่อมโยงระบบสืบพันธุ์ของสตรีหลายส่วน ทั้งปากช่องคลอด ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก และรังไข่ ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนตรวจภายในเป็นประจำทุกปี พร้อมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นตัวการคร่าชีวิตหญิงไทยในลำดับต้นๆ เลยทีเดียว
ตรวจภายในครั้งแรก เริ่มต้นอย่างไรดี
เพื่อให้การตรวจภายในมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรเตรียมตัวก่อนตรวจภายโดยไม่เข้ารับการตรวจในช่วงมีประจำเดือน แนะนำเข้ารับการตรวจเมื่อประจำเดือนหมดสนิทประมาณ 1 สัปดาห์ หรือเข้ารับการตรวจในช่วงก่อนมีประจำเดือนรอบถัดไปประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องช่วงที่มีประจำเดือนจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อควรรู้ก่อนตรวจดังนี้
1. ก่อนเข้ารับการตรวจ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด หรือใช้ยาเหน็บทางช่องคลอดก่อนการตรวจภายใน 2 วัน
2. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้ารับการตรวจ
3. สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำให้ใส่กระโปรง และไม่ควรนุ่งกางเกงที่รัดจนเกินไป
4. ในกรณีมีประจำเดือน และปวดท้อง ประจำเดือนมากจนทนไม่ไหว และอยากตรวจภายในวินิจฉัย สามารถมาพบแพทย์โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหยุดก่อน
5. สำหรับที่มีปัญหาตกขาว สามารถตรวจได้โดยไม่ต้องพยายามชำระล้างเพื่อให้แพทย์เห็นปริมาณและตรวจหาเชื้อได้
6. ไม่จำต้องโกนขน
7. ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้ไม่รู้สึกปวดปัสสาวะขณะตรวจภายใน
8. หากไม่เคยตรวจภายใน และยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และรู้สึกเขินอาย สามารถแจ้งพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจโดยแพทย์ผู้หญิงได้ โดยทั่วไปแล้วหากเป็นแพทย์ผู้ชายก็จะมีพยาบาลผู้ช่วยซึ่งเป็นผู้หญิงภายในห้องตรวจด้วย
ทั้งนี้จะใช้เวลาตรวจภายในประมาณ 10 นาที หลังจากแพทย์จะทำการซักประวัติของคนไข้ สอบถามอาการความผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ หากรู้สึกสงสัยสามารถสอบถามได้ทันที เพื่อความสบายใจ
หากคนไข้ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือเป็นสาวโสด แพทย์มักจะสอบถามก่อนเข้ารับการตรวจ และจะเลือกใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็ก หรือใส่น้ำยาหล่อลื่น เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ แต่อาจรู้สึกตึงๆ เจ็บๆ ขณะที่สอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด แต่หลังจากตรวจภายในเสร็จสิ้นแล้ว อาการเหล่านั้นก็จะหาย
ขั้นตอนการตรวจภายในเป็นอย่างไร
ก่อนเข้ารับการตรวจเจ้าหน้าที่พยาบาลจะให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ก่อนที่แพทย์จะให้ขึ้นขาหยั่ง นอนลง เอาพาดขา 2 ข้างในที่วางขา เพื่อให้สามารถอ้าขาออกได้ ในท่านี้จะไม่สบายตัวเท่าไหร่ บ้างมีความเขินอาย แนะนำให้ทำใจให้สบาย พยายามอย่าเกร็ง เพื่อให้แพทย์ตรวจได้สะดวก และใช้เวลาไม่นาน ลำดับการตรวจภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงแรกแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่คล้ายปากเป็ด หรือที่เรียกว่า speculum กับการใช้นิ้วตรวจภายในช่องคลอด ในส่วนของการใส่อุปกรณ์ปากเป็ดแพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสม ใส่เข้าไปในช่องคลอด เมื่อได้ตำแหน่งแพทย์จะกางอุปกรณ์ออกเพื่อดูผนังช่องคลอด ดูปากมดลูก และหากตรวจมะเร็งปากมดลูก ในช่วงเวลานี้แพทย์จะเอาอุปกรณ์เข้าไปเก็บเซลล์ปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจคัดกรองในห้อง lab ต่อไป
โดยทั่วไปหลังการตรวจภายใน สามารถทราบผลได้ภายในวันเดียวกับวันที่เข้ารับการตรวจ หากผลออกมาเป็นปกติก็สามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ในกรณีที่ทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไม่ว่าจะด้วยวิธีแปปสเมียร์ หรือ ตินเพร็พ จะต้องรอผลจาก Lab ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์นัดมาฟังผลอีกครั้ง แต่ในกรณีที่ตรวจพบสิ่งปกติอื่นๆ แพทย์อาจต้องทำการตรวจในด้วยวิธีการอื่นแบบจำเพาะเจาะงตามความเหมาะสมในขั้นตอนต่อไป
ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์จำเป็นต้องตรวจภายในไหม
ถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ โอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกเกือบจะเป็นศูนย์ แต่อย่างไรก็ตามการตรวจภายในมิได้ตรวจหามะเร็งปากมดลูกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการตรวจเช็ครังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกที่อาจเกิดความผิดปกติขึ้นได้ ดังนั้น นี่คือประโยชน์ของการตรวจภายใน
เริ่มตรวจภายในได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่
ตามหลักการแล้วแพทย์จะแนะนำให้ผู้หญิงอายุ 25-30 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย สามารถเข้ารับการตรวจได้เลย โดยไม่ต้องรอให้อายุถึง 25 ปี โดยแนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค แม้จะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ควรเข้ารับการตรวจเพื่อดูว่ามีความผิดปกติของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหรือไม่ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ หากไม่การอักเสบรุนแรง ดังนั้นการตรวจภายในจึงเป็นการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามการตรวจภายในไม่ได้เป็นน่ากลัวอย่างที่ใครหลายคนคิด หากเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนั้น แนะนำให้สาวๆ ละทิ้งความอาย และเข้ารับการตรวจภายในพร้อมคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี เพื่อลดโอกาสเสี่ยงโรคร้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
โทร.0-2271-7000 ต่อ ศูนย์สุภาพสตรี