ยาง 245 65r17 ยี่ห้อ ไหน ดี

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของคุกกี้ที่เราจัดเก็บ และวิธีการตั้งค่าคุกกี้ได้ใน คำแถลงเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาซีคอนสแสวร์2 ออมทรัพย์ ร้านรุ่งกิจ ออโต้พาร์ท โดยนาย กฤษดิ์ กันทวัน 635-xxxxxx-4

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขา0164 สาขาถนนศรีนครินทร์ (ซีคอนสแควร์๗ ออมทรัพย์ รุ่งกิจ ออโต้พาร์ท โดยนาย กฤษดิ์ กันทวัน 164-xxxxxx-5

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี 2023 วันนี้เรามีมาอัปเดต พร้อมข้อควรรู้และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ 

ยางรถยนต์ เป็นส่วนสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ไม่ควรมองข้าม เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง เนื่องจากยางเป็นส่วนที่รองรับน้ำหนัก ช่วยยึดเกาะถนน และส่งผลต่อการบังคับควบคุมโดยตรง ซึ่งยางที่หมดสภาพจะทำให้การขับขี่จะแย่ลง เป็นอันตราย และยังสร้างความเสียหายต่อระบบกันสะเทือนได้อีกด้วย

ดังนั้น หากพบว่ายางเริ่มมีเสียงดัง เกิดอาการสั่นบางช่วงความเร็ว ใช้ระยะเบรกมากกว่าปกติ เนื้อยางแข็ง แตกลายงา หรือดอกยางเหลือน้อย นั่นหมายความว่าอาจถึงเวลาต้องตรวจเช็กและเปลี่ยนใหม่ทันที ซึ่งเราได้รวบรวมยางรถยนต์ 2023 รุ่นล่าสุดมาให้พิจารณา พร้อมวิธีการเลือกยางรถยนต์สำหรับผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนให้เหมาะสม ตรงตามความต้องการ และไม่ต้องจ่ายแพงเกินความจำเป็น

ยางรถยนต์แบบประหยัดน้ำมันที่ผลิตจากเนื้อยาง Full Silica ให้ความยืดหยุ่นสูงช่วยให้หน้ายางปรับสภาพและยึดเกาะพื้นถนนได้เต็มที่ มีระยะเบรกสั้น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กและรถอีโคคาร์

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,900-3,800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

 ยางรถยนต์แบบนุ่มเงียบ เนื้อยางผลิตจาก Elastomer ลดเสียงรบกวน ร่องยางออกแบบให้ลดการสึกหรอ ช่วยให้มีระยะเบรกสั้นลง และเพิ่มการยึดเกาะ เหมาะสำหรับรถยนต์ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ รวมถึงรถอเนกประสงค์แบบ SUV เป็นต้น

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,850-7,800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบสปอร์ตใช้เนื้อยาง Functional Elastomers ให้สมรรถนะการยึดเกาะที่ดี ระยะเบรกสั้นลง ลายดอกยางรองรับการขับขี่แบบสปอร์ต เหมาะสำหรับรถสปอร์ตหรือรถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูงเป็นประจำ

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,750-10,400 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดที่ต้องการความนุ่มเงียบ ช่วยลดการใช้พลังงานจึงเพิ่มระยะการใช้งานแบตเตอรี่ได้

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 5,800-8,900 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบสปอร์ตที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ไฟ้ฟ้า เนื้อยางสูตร Green Power เพิ่มประสิทธิภาพบริเวณไหล่ยางให้การยึดเกาะเมื่อขับขี่แบบสปอร์ต ขณะเข้าโค้งหรือใช้ความเร็วสูง และช่วยลดการใช้งานพลังงานไฟฟ้า เสียงรบกวนน้อย

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 12,200-17,700 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบมาตรฐานของ Yokohama ที่เน้นความนุ่มสบายในการโดยสาร แบ่งเป็น 3 ซีรีส์ เริ่มต้นจาก BluEarth-ES, BluEath-GT สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ และ BluEarth-XT สำหรับรถ Crossover SUV ล้อ 16-19 นิ้ว

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,300-10,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

ยางรถยนต์ประเภทนุ่มและเงียบที่สุดของ Yokohama ดอกยางถูกออกแบบมาให้มีร่องยางลดเสียงรบกวน เนื้อยางนุ่ม จึงให้ความเงียบได้ยาวนานแม้ผ่านการใช้งานไปสักระยะ เหมาะสำหรับกลุ่มรถพรีเมียมหรือผู้ที่ต้องการความนุ่มนวล เสียงรบกวนในการเดินทางน้อย และไม่เน้นการขับขี่แบบสปอร์ตนัก

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,800-12,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับรถ Crossover SUV รถกระบะ และรถ SUV ที่เน้นการลุยแบบจริงจัง แบ่งเป็นหลายซีรีส์ โดยกลุ่มเน้นใช้งานแบบออนโรดจะมี Geolandar X-CV, Geolandar CV และ Geolandar H/T ส่วน Geolanda A/T, Geolandar X-AT, Geolandar M/T และ Geolandar X-MT จะหนักไปทางออฟโรดตามลำดับ

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,600-15,200 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบสปอร์ตเน้นการขับขี่มากกว่าความนุ่มสบาย แต่ยังกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบไม่ฮาร์ดคอจนเกินไปของ Yokohama ได้รับการออกแบบให้ยึดเกาะได้ดีทั้งถนนเปียกและแห้ง โดยยังคงความนุ่มเงียบไว้ได้ค่อนข้างมาก แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ Advan Sport V105 และ V107

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 7,300-18,400 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบประหยัดน้ำมันที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Nano Pro-Tech ช่วยลดแรงต้านการหมุนเพื่อให้ประหยัดพลังงานและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น มีขนาดให้เลือกทั้งรถเล็ก กลาง และใหญ่

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,400-4,900 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบนุ่มเงียบ สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายในการเดินทางเป็นหลัก หน้ายางช่วยกระจายแรงกด ลดแรงกระแทก ดอกยางออกแบบให้ลดเสียงรบกวน มีให้เลือกสำหรับรถยนต์นั่งขนาดคอมแพกต์ไปจนถึงขนาดใหญ่

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,000-5,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์ที่ออกแบบมาให้การยึดเกาะและเข้าโค้งที่ดี เน้นการขับขี่แบบสปอร์ตเป็นหลัก มีขนาดให้เลือกทั้งรถยนต์นั่งขนาดเล็ก คอมแพกต์ กลาง และขนาดใหญ่

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,000-5,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์สำหรับรถอเนกประสงค์แบบ Crossover SUV โดยเฉพาะ ใช้เทคโนโลยีโครงสร้าง Multi-Round Block (MRB) ช่วยเพิ่มแรงกดบนหน้ายางให้สัมผัสพื้นเต็มที่เพื่อให้ยึดเกาะถนนและลดระยะเบรกลดลง

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,000-18,900 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบ All Terrain ได้รับการออกแบบมาให้ยึดเกาะถนนได้หลายสภาพพื้นผิวทั้งทางเรียบ ขรุขระ และมีความทนทานต่อการฉีกขาดจากการขูดจากเศษหิน เศษแก้ว หรือของแหลมคมได้มากกว่าปกติ สำหรับรถกระบะและรถกระบะดัดแปลง (PPV)

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,500-8,900 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบประหยัดน้ำมัน แบ่งเป็น Enasave สำหรับรถยนยต์นั่งขนาดเล็ก และ Enasave Premium+ สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ (มีเฉพาะขนาด 215/55R17) ที่ช่วยลดแรงต้านการหมุนของล้อช่วยให้ประหยัดน้ำมัน เนื้อยางแบบ Multi-Functionalized Polymer เสริมการยึดเกาะและลดเสียงรบกวน

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,600-3,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบนุ่มเงียบ ออกแบบรูปทรงแก้มยางและหน้าสัมผัสยางช่วยให้ดูดซับแรงกระแทกกับพิ้นผิวถนน ลดอาการสั่นสะเทือนเพื่อให้ขับขี่ได้นุ่มนวลขึ้น มีขนาดให้เลือกตั้งแต่รถยนต์ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,500-5,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบสปอร์ตที่รองรับการใช้ความเร็วสูง ดอกยางออกแบบมาช่วยลดอาการเหินน้ำและเสียงรบกวนที่เกิดขึ้น ยึดเกาะได้ดีโดยเฉพาะบนถนนเปียกและช่วยลดระยะการเบรกให้สั้นลง

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,800-4,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

  • Goodyear Assurance Duraplus 2

ยางรถยนต์ที่เน้นความทนทานใช้งานได้นานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น Assurance Duraplus เดิม ด้วยเทคโนโลยี TredLife ใช้โครงสร้างผ้าใบ 2 ชั้น ลายดอกยางใหม่ทนทาน และสียงรบกวนน้อยลง ดอกยางจึงสึกช้าใช้งานได้มากขึ้น

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,800-2,800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

  • Goodyear Assurance Comforttred

ยางรถยนต์แบบนุ่มเงียบสำหรับรถกลุ่มพรีเมียม ซึ่งลดเสียงลดกวนด้วยการเพิ่มชั้นยางภายในโครงสร้างเพื่อตัดเสียงรบกวนอีกทั้งยังดูดซับแรงสั่นสะเทือนขณะยางสัมผัสถนนหรือเกิดการกระแทกช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น

ราคาเริ่มต้นโดยประมาณ เส้นละ 4,100 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์กลุ่มสปอร์ตเน้นการขับขี่ แบ่งเป็น 3 รุ่น คือ Eagle F1 Asymmetric 5, Eagle F1 Asymmetric 3 และ Eagle F1 Sport โดยรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานได้หลากหลายคือ Eagle F1 Asymmetric 5 ขณะที่รุ่น Eagle F1 Asymmetric 3 จะเป็นยางรันแฟลต ส่วนรุ่น Eagle F1 Sport จะค่อนข้างหนักไปทางสปอร์ตจัดบนถนนแห้ง การควบคุมบนถนนเปียก ความสบาย และการลดเสียงรบกวนอาจไม่ดีนัก

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,300-16,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

  • Goodyear Assurance Maxguard SUV

ยางรถยนต์สำหรับรถ Crossover SUV คุณสมบัติเป็นกลาง ให้ทั้งในแง่ความนุ่มนวล เสียงรบกวน การบังคับควบคุมรวมถึงการเบรกบนถนนเปียกและแห้ง ด้วยเทคโนโลยี ActiveGrip อีกทั้งเนื้อยางยังเน้นความทนทานลดการสึกหรอให้ช้าลง

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,000-5,600 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์สำหรับกระบะและรถตู้ คุณสมบัติหลักของยางรุ่นนี้คือความทนทาน สึกหรอช้ามากกว่าการควบคุม ผลิตด้วยเทคโนโลยี MaxLoad และสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้เยอะ เหมาะกับทุกสภาพพื้นผิวถนน พร้อมร่องยางที่รีดน้ำออกจากหน้ายางได้เร็ว ช่วยให้มั่นใจบนถนนเปียกมากขึ้น

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,600-3,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์สำหรับรถเก๋งที่ออกแบบให้คุณสมบัติเป็นกลาง ๆ ให้การยึดเกาะทั้งบนถนนเปียก ถนนแห้ง นุ่มนวล และเสียงรบกวนต่ำ ส่วนการบังคับควบคุมอาจไม่โดดเด่นเท่ารุ่นสปอร์ต

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,100-6,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบสปอร์ตของ Hankook ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและแห้งด้วยเทคโนโลยี Triple TR จากสนามแข่งรถทัวริ่ง DTM ด้วยแก้มยางที่รองรับการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รวมถึงออกแบบให้ลดการต้านการหมุนของล้อด้วยการใช้เข็มขัดรัดหน้ายางที่เบาขึ้น

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,800-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์ที่ให้การประหยัดน้ำมัน พร้อมการยึดเกาะที่ดีด้วยคุณสมบัติการผลิตที่เพิ่มความแข็งแรงของดอกยางและแก้มยาง ลดแรงต้านทานการหมุน ใช้งานได้นานขึ้น เหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไปที่ไม่เน้นใช้ความเร็วสูง

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,300-2,400 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์สำหรับกระบะและรถอเนกประสงค์แบบ Crossover SUV มีให้เลือก 4 รุ่น คือ Dynapro HT สำหรับถนนดำหรือทางเรียบ และ Dynapro HP2 สำหรับรถพรีเมียมคุณสมบัติคล้าย HT แต่ประสิทธิภาพสูง เสียงรบกวนน้อยกว่า ขณะที่ Dynapro AT2 จะเป็นยาง All-Terrain ลุยได้ทั้งออนโรดและออฟโรด กับ Dynapro MT2 หรือยาง Mud-Terrain เน้นการบุกลุยแบบออฟโรดเป็นหลัก

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,700-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

ยางรถยนต์รุ่นใหม่จาก Hankook เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีน้ำหนักและแรงบิดมากกว่าปกติ ด้วยโครงสร้างยางที่ต้านทานการเสียรูป รวมถึงลดการต้านการหมุนข้องล้อเพื่อประหยัดการใช้พลังงาน อีกทั้งยังออกแบบให้เสียงรบกวนน้อยซึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าจะได้ยินเสียงเหล่านี้ชัดเจนเนื่องจากไม่มีเสียงเครื่องยนต์หักล้าง

ราคาโดยประมาณ (ไม่ระบุราคา)

ยางรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ที่ผลิตจากเนื้อยางที่รองรับแรงกระแทกได้ดี มีแรงต้านการหมุดต่ำเพิ่มความประหยัด นุ่ม เงียบ และลดเสียงรบกวน ใช้งานได้ยาวนานขึ้น เหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไป แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ ME3 สำหรับรถเก๋งขนาดเล็ก และ MA-P5 สำหรับรถเก๋งหลายขนาดรวมถึงรถ Crossover SUV ขนาดล้อไม่เกิน 17 นิ้ว  

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,250-3,400 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

ยางรถยนต์รุ่นกลางสำหรับรถเก๋งที่เน้นความคุ้มค่าด้วยคุณสมบัติของความนุ่มนวล เสียงรบกวนน้อย ให้การยึดเกาะถนนทั้งเปียดและแห้งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ HP5 และ I-PRO

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,800-3,300 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยาง

ยางรถยนต์สำหรับรถอเนกประสงค์ SUV หรือ PPV ที่ออกแบบให้มีความทนทานใช้งานได้นาน อีกทั้งยังเกาะถนนขึ้นด้วยร่องยางส่วนกลาง 4 แถว ที่ตื้นและละเอียด ดอกยางแนวขวางรีดน้ำได้เร็ว ลดเสียงรบกวน

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 2,400-6,400 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์แบบสปอร์ตสำหรับรถสมรรถนะสูงใช้ความเร็วเป็นประจำ มีรุ่นเดียวคือ VS5 ใช้ชั้นผ้าใบเส้นใย Aramid น้ำหนักเบาลดแรงต้านการหมุนของล้อ เพิ่มความแข็งบริเวณโครงสร้างแก้มยางโดยไม่กระทบต่อความนุ่มนวล เนื้อยางมีส่วนประกอบของซิลิกาช่วยให้มีความยืดหยุ่นสูงยึดเกาะถนนได้เต็มที่ขึ้น

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,650-7,400 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถกระบะและรถตู้รองรับการบรรทุกเบา โดยยางมีแถบป้องกันบริเวณขอบยางรวมถึงเพิ่มโครงยางชั้นใน รวมถึงเพิ่มเส้นลวดด้านในให้แข็งแรงขึ้นเพื่อความปลอดภัย

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 3,650-7,400 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ตัวยางผลิตจากยางที่ให้ความแข็งแรง ลายดอกยางเป็นแบบสมมาตร ช่วยลดการเกิดเสียงรบกวน นุ่ม เงียบ และประหยัดน้ำมันได้ดี เหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์ Eco Car ไม่เน้นใช้ความเร็วสูงมากนัก

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,450-1,950 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ยางรถยนต์นุ่มเงียบ ที่มีประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ดีคล้ายยางรถยนต์แบบสปอร์ตทั้งบนถนนแห้งและเปียก ลายดอกยางมีคุณสมบัติรีดน้ำได้ดี ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ เหมาะสำหรับรถขนาดเล็ก และขนาดกลางที่ใช้ความเร็วสูงประมาณหนึ่ง

ราคาโดยประมาณ เส้นละ 1,825-2,550 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดยาง

ความรู้เกี่ยวกับยางรถยนต์

แม้หน้าที่หลักของยางรถยนต์จะซับแรงสะเทือน รับน้ำหนัก และช่วยให้รถยึดเกาะถนน แต่ยางรถยนต์ที่จำหน่ายนั้นถูกแยกย่อยเอาไว้หลายแบบสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนที่เราจะเลือกเปลี่ยนยางรถยนต์ เราควรต้องทราบว่าลักษณะการใช้งานหรือพฤติกรรมการขับขี่เป็นยางไรเสียก่อนเพื่อจะได้เลือกยางรถยนต์ให้เหมาะสมถูกต้อง เช่น ใช้น้อย ระยะทางสั้น ๆ ขับไม่เร็ว อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยางรุ่นท็อป ราคาสูงสุดเสมอไป สามารถเลือกยางประหยัดน้ำมัน หรือยางแบรนด์ที่ราคาไม่แพงมากได้ เพราะใช้คุณสมบัติได้ไม่คุ้มค่า

แต่ถ้าชอบใช้ความเร็วสูง เน้นการยึดเกาะ ยางแบบสปอร์ตจะมีความเหมาะสมมากกว่า หรือกรณีชอบความนุ่ม เงียบ นั่งสบาย ควรต้องเลือกยางกลุ่มนุ่มเงียบ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะแบ่งประเภทยางใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ควรเลือกยางรถยนต์ตามลักษณะรถ เช่น รถเก๋ง รถ Crossover SUV รถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะ หรือยางออฟโรดโดยเฉพาะ เป็นต้น

นอกจากการเลือกประเภทยางให้เหมาะสมกับความต้องการแล้ว การซื้อยางรถควรพิจารณาถึงปีที่ผลิตซึ่งจะระบุไว้ที่แก้มยางและไม่ควรเลือกยางที่ผลิตนานมากเกินไป เพราะถึงยางจะไม่ถูกใช้งานแต่เนื้อยางจะเสื่อมสภาพตามเวลา หากได้ยางปีเก่ามาใช้จะทำให้อายุยางเสื่อมเร็วกว่ายางปีใหม่ทำให้ต้องเปลี่ยนยางเร็วขึ้นหรือประสิทธิภาพต่ำลงเร็วเมื่อเทียบกับยางปีใหม่กว่า เป็นต้น

หากจะแบ่งประเภทของยางรถยนต์ตามสไตล์การขับขี่ หรือการใช้งานจะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่ ยางนุ่มเงียบ, ยางประหยัดน้ำมัน, ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง, ยางออฟโรด และยาง RunFlat โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้ 

ยางรถยนต์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องรองรับการกระแทกได้ดี ให้ความนุ่ม ลดเสียงรบกวน เนื้อยางออกแบบให้ลดการสั่นสะเทือน ร่องดอกยางละเอียด ตัวยางมีผิวสัมผัสที่กระจายแรงกดแบบสม่ำเสมอ

ยางรถยนต์ที่มีส่วนผสมของ Silica Filter ให้คุณสมบัติในการทนความร้อนได้ดีกว่าเมื่อเกิดแรงเสียดทานในขณะขับขี่ เนื้อยางไม่เหนียวเกาะถนนมากเกินไป ลดแรงต้านการหมุนของล้อ ทำให้เครื่องยนต์ไม่สูญเสียกำลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ประสิทธิภาพการเกาะถนนจะไม่สูงเท่ายางกลุ่มอื่นนัก

          ยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติการยึดเกาะ ให้ความมั่นคงดีกว่ายางชนิดอื่น ๆ ให้การควบคุมและการตอบสนองกับพวงมาลัยที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการขับด้วยความเร็วและพื้นถนนที่เรียบ อาจจะรองรับแรงกระแทกได้ไม่มากเท่าไหร่เมื่อขับบนสภาพถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ

ยางที่มีความสมบุกสมบัน มีความแข็งแกร่ง เหมาะกับการขับในทุกสภาพพื้นผิวไม่ว่าจะเป็นดินโคลน พื้นทราย ลุยน้ำ ฝนตก แดดออก ทางลาดชัน พื้นผิวขรุขระ มีแรงเกาะถนนเป็นเยี่ยมตอบสนองกับพวงมาลัยได้ดี  

อีกหนึ่งเทคโนโลยียางรถยนต์ที่แม้ตัวยางจะเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดปัญหาแต่รถจะยังสามารถขับได้อยู่ เช่น รั่ว หรือ ซึม ส่วนมากใช้ในรถยุโรปและราคายางค่อนข้างสูง

เป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่มักจะมีน้ำหนักมากกว่ารถปกติในขนาดที่เท่ากัน เนื่องจากต้องแบกแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องใช้ยางที่สามารถรองรับกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โดยมีผลกระทบกับการดูดซับแรงสะเทือน เกาะถนนน้อยที่สุด รวมถึงการลดเสียงรบกวนขณะแล่น

วิธียืดอายุการใช้งานยางรถยนต์

แม้ยางรถยนต์จะเป็นอุปกรณ์ของรถยนต์ที่มีอายุ หรือมีวันที่จะเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน แต่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคน สามารถที่จะยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ให้ยาวนานขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเรา

  • เช็กลมยาง และเติมลมยางให้พอดี

เราควรหมั่นตรวจเช็กลมยางรถยนต์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ควรเติมลมยางให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการเติมลมยางที่อ่อนหรือแข็งจนเกินไปจะส่งผลให้การสึกของดอกยางไม่เท่ากัน รวมถึงสมรรถนะขณะขับขี่ที่อาจด้อยประสิทธิภาพลง

  • สลับยาง ถ่วงล้อ และตั้งศูนย์

แม้ยางรถยนต์จะสัมผัสกับพื้นพร้อมกันทั้ง 4 ล้อ แต่การสึกของดอกยางจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะยางคู่หน้า ในรถยนต์ทั่วไปจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ยางหน้าจะต้องรับแรงกระชากเมื่อรถออกตัว รวมถึงต้องแบกน้ำหนักของเครื่องยนต์ จึงจำเป็นต้องมีการสลับยาง เพื่อให้ดอกยางทั้ง 4 ล้อสึกเท่ากัน ร่วมถึงการตั้งศูนย์และถ่วงล้อ เพราะเมื่อใช้งานไปสักระยะการกระจายน้ำหนัก และศูนย์ของล้ออาจมีองศาที่เอียง ส่งผลให้การขับขี่ ควบคุมรถทำได้ไม่ดี

ยางรถยนต์ถึงแม้จะมีคุณสมบัติการรับน้ำหนัก รองรับการกระแทกได้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าผู้ขับขี่ขับรถด้วยความไม่ระมัดระวัง เช่น ขับลงหลุมขับเบียดฟุตปาธ ไม่หลบสิ่งกีดขวา หักเลี้ยว หรือเบรกอย่างรุนแรง ก็จะทำให้อายุของยางนั้นสั้นลงกว่าค่าเฉลี่ยได้ หรือหากร้ายแรงจนถึงขั้นชำรุดก็เสี่ยงต่อการเกิดอย่างระเบิด แตกขณะขับขี่ได้เช่นกัน

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ ?

ค่าเฉลี่ยในการเปลี่ยนยางรถยนต์ในแต่ละครั้งส่วนใหญ่ผู้ผลิตมักกำหนดไว้ที่ 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ก้ขึ้นอยู่กับการใช้งานและลักษณะของการขับขี่ด้วยว่าเป็นอย่างไร แต่นอกจากตัวเลขค่าเฉลี่ยแล้ว ผู้ขับขี่ก็สามารถสังเกตลักษณะของยางรถยนต์ตัวเองได้เช่นกันว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือไม่โดยดูได้จาก

ให้สังเกตส่วนที่เป็นเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างดอกยาง หรือสะพานยาง ถ้าดอกยางสึกจนอยู่ในระดับเดียวกับสะพานยาง หรือใช้มือสัมผัสแล้วรู้สึกว่าสะพานยางอยู่ตื้นมาก นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเป็นต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่แล้ว

โดยปกติดอกยางใหม่จะลึกประมาณ 8-9 มิลลิเมตร แต่ถ้าดอกยางเหลือไม่ถึง 3 มิลลิเมตร แล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที หากไม่มีอุปกรณ์วัดสามารถตรวจสอบได้โดยการสังเกต หรือใช้ไม้ขีดไฟจิ้มลงไป หากมองเห็นหัวไม้ขีดไฟ ถือว่าดอกยางบาง และเหลือน้อยถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่

ยางบวมมักจะเกิดขึ้นบริเวณในส่วนของแก้มยาง ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการขับรถเสียดสีอย่างรุนแรง อาจเป็นการชนขอบทางเท้า ขับรถตกหลุม รวมถึงยางที่ใช้ไม่มีประสิทธิภาพ หากฝืนใช้งานต่อไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิด หรือยางแตกกลางทางได้

  • เช็กความแข็งกระด้าง-รอยแตกลายงา

ผิวยางรถยนต์ใหม่ ๆ จะมีความเงา เนื้อยางนิ่มระดับหนึ่ง แต่เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะ ผิวยางจะเริ่มแข็งกระด้าง ไปจนถึงปรากฏรอยแตกลายงา ซึ่งจะส่งผลต่อความทนทานของแก้มยาง การเกาะถนน และเบรกเป็นอย่างมาก แม้จะยังไม่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนในทันที แต่อายุของการใช้งานนั้นก็เหลือไม่มากเช่นกัน ควรหมั่นตรวจสอบเป้นประจำก่อนการขับขี่

ยางรถยนต์บางทีเมื่อสังเกตจากสภาพภายนอกอาจดูใหม่ ไร้ริ้วรอย แต่จริง ๆ อาจผลิตออกมาหลายปีแล้ว แม้จะยังใช้งานได้ แต่เนื้อยางนั้นจะเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ วิธีการดูปีที่ผลิตของยางรถยนต์นั้นดูได้จากตัวเลขบริเวณแก้มยาง 

รหัส 4 ตัวบนแก้มยาง โดยจะระบุเป็น WW/YY หมายถึงสัปดาห์และปีที่ผลิต เช่น 0722 หมายถึงยางที่ผลิตในสัปดาห์ที่ 7 ปี 2022 หรือผลิตในช่วงสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 นั่นเอง (หนึ่งปีจะมี 52 สัปดาห์)

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงยางรถยนต์บางส่วนที่เราหยิบยกมาให้ดูกัน ส่วนยี่ห้อไหน รุ่นไหนจะมีขนาดใดบ้าง และราคาเท่าไร ควรสอบถามทางร้านหรือตัวแทนจำหน่ายก่อนทำการเปลี่ยนให้ละเอียดอีกครั้ง สำหรับใครที่งบน้อย การเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ หรือปีการผลิตใหม่ ๆ อาจมีราคาสูง การหันไปเลือกยางค้างปีหรือยางเปอร์เซ็นสามารถทำได้ แต่ประสิทธิภาพย่อมด้อยกว่าและต้องตรวจสอบปีที่ผลิต รวมถึงศึกษาวิธีดูยางรถยนต์หมดอายุก่อน แต่ที่สำคัญไม่ว่ายางรถยนต์จะมีประสิทธิภาพสูงแค่ไหน แต่ถ้าเราขับรถด้วยความประมาทก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นเดียวกัน

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita