ประเภทของการค้นหาข้อมูล Search Engine เมื่อคุณนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์และทำการค้นหาใน Google คุณจะเห็นรายการผลลัพธ์จากทั่วทั้งเว็บเกือบจะทันที Google ค้นหาหน้าเว็บที่ตรงกับข้อความค้นหาของคุณ และกำหนดลำดับของผลการค้นหาอย่างไร กล่าวง่ายๆ คือ คุณสามารถเปรียบการค้นหาเว็บเป็นการดูหนังสือเล่มใหญ่มากๆ ซึ่งมีดัชนีอันน่าทึ่งที่บอกให้ทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตรงไหนได้อย่างแม่นยำ เมื่อคุณทำการค้นหาโดย Google
โปรแกรมของเราจะตรวจสอบดัชนีของเราเพื่อกำหนดผลการค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด ซึ่งจะส่งคืน (“แสดง”) ให้กับคุณ ขั้นตอนหลักสามขั้นตอนในการแสดงผลการค้นหาให้แก่คุณ มีดังนี้ การค้นหาข้อมูล (Search Engine) หมายถึง การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราเปิดไปทีละหน้าจออาจจะต้องเสียเวลาในการค้นหา และอาจหาข้อมูลที่เราต้องการไม่พบ การที่เราจะค้นหาข้อมูลให้พบอย่างรวดเร็วจะต้องใช้เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า Search Engine Site ซึ่งจะทำหน้าที่
รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่
Web search engine ที่นิยมใช้กันมากที่สุด 3 อันดับ คือ 1. Google 2. Yahoo 3. MSN/Windows Live
1. Search Engine การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง
Search Engine ประเภทนี้ ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด เพียงแค่ระบุคำที่ต้องการค้นหาข้อมูล เป็นรูปแบบที่นิยมมาก เว็บไซต์ที่นิยมใช้ในการค้นหาข้อมูลในแบบนี้ เช่น
//www.google.co.th
2. Subject Directories การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ มีเว็บไซต์ที่เป็นตัวกรองในการรวบรวมข้อมูล ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลตามที่ต้องการได้
การค้นหาข้อมูลวิธีนี้มีข้อดี คือ สามารถเลือกจากชื่อไดเรกทอรี่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหา
และสามารถเลือกเข้าไปดูว่ามีเว็บไซต์บ้างได้ทันที เช่น //www.sanook.com
3. Meta search Engines การค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล เป็นการค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ Search Engine ในเวลาเดียวกัน เพราะเว็บไซต์ที่เป็น Meta search จะไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง แต่จะค้นหาเว็บเพจที่ต้องการ โดยวิธีการดึงจากฐานข้อมูลของ
Search Site จากหลายแหล่งมาใช้แล้วจะแสดงผลให้เลือกตามความต้องการ เช่น www.thaifind.com
การค้นหาโดยใช้ Search Engine แบ่งเป็น 2 วิธี
1. การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา หรือเรียกว่า “คีย์เวิร์ด (Keyword)
โดยในเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลจะมีช่องเพื่อให้กรอกคำที่ต้องการค้นหาลงไป แล้วจะนำคำดังกล่าวไปค้นหาจากข้อมูลที่ได้จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของระบบ เว็บไซต์ที่ให้บริการ เช่น www.google.co.th การใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาข้อมูลต้องพยายามระบุคำให้ชัดเจน
2. การค้นหาจากหมวดหมู่ หรือไดเรกทอรี่ (Directories)
การให้บริการค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้เปรียบเสมือนเราเปิดเข้าไปในห้องสมุด ที่จัดหมวดหมู่ของหนังสือไว้แล้ว ภายในหมวดใหญ่นั้น ๆ ประกอบด้วยหมวดหมู่ย่อย ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือแบ่งประเภทของข้อมูลให้ชัดเจน จะสามารถเข้าไปหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการได้แล้วก็อ่านเนื้อหา มีเว็บมากมายที่ให้บริการค้นหาข้อมูลในรูปแบบนี้ เช่น www.siamguru.com www.sanook.com www.hunsa.com www.thaiwebhunter.com
บทสรุปของการเลือกใช้ Search Engine การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เป็นการบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทีแหล่งข้อมูลอยู่มากมาย
และมีความสะดวกในการค้นหามากกว่าการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจะต้องใช้เว็บไซต์ประเภท Search Engine เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูลข่าวสารได้
ประเภทของการค้นหาข้อมูลแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ และการค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีการค้นหาและใช้เทคนิคในการค้นหาข้อมูลช่วย
เพื่อที่จะได้รับข้อมูลให้ตรงตามความต้องการและทำให้การค้นหาข้อมูลทำได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์ประเภท Search Engine และเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลอยู่หลายเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น และการใช้บริการรูปแบบนี้เสมือนเป็นการเปิดประตูห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลอยู่มากมาย ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่เฉพาะเจาะจงอยู่เพียงในขอบเขตใดขอบเขตหนึ่งเท่านั้น
แต่สามารถหาได้จากหลายแหล่งข้อมูลทั่วโลก
ประเภทของ Search Engine
…….. 1. Keyword Index
…….. 2. Subject Directories
…….. 3. Metasearch Engines
Keyword Index เป็นการค้นหาข้อมูล
…….. โดยการค้นจากข้อความในเว็บเพจ
ที่ได้ผ่านการสำรวจมาแล้ว จะอ่านข้อความ ข้อมูล ประมาณ 200-300 ตัวอักษร แรก ของเว็บเพจ วิธีการค้นหาของ
Search Engine ประเภทนี้จะให้ความสำคัญกับ การเรียงลำดับข้อมูลก่อนหลัง การค้นหาข้อมูล โดยวิธีการเช่นนี้จะมีความ รวดเร็วมาก แต่มีความละเอียด
ในการจัดแยกหมวดหมู่ของข้อมูลค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึง รายละเอียดของเนื้อหาเท่าที่ควร แต่ถ้าต้องการแนวทาง ด้านกว้างของข้อมูล การค้นหา
แบบนี้จะเหมาะสมที่สุด เว็บที่ให้บริการ Search Engine แบบ Keyword Index ได้แก่เว็บ
//www.google.com/
และ //www.altavista.com/
Subject Directories การจำแนกหมวดหมู่ข้อมูล Search Engine
…….. ประเภทนี้ จะจัดแบ่งโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ของแต่ละเว็บเพจ ว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยการจัดแบ่งแบบนี้จะใช้คนพิจารณาเว็บเพจ แต่ละเว็บ แล้วทำการ
จัดหมวดหมู่ โดยจะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนจัดหมวดหมู่แต่ละคนว่าจะจัดเก็บข้อมูลนั้น ๆ อยู่ในกลุ่มของอะไร ดังนั้นฐานข้อมูลของ Search Engine ประเภทนี้จะถูกจัด แบ่งตามเนื้อหาก่อน
แล้วจึงนำมาเป็นฐานข้อมูลในการค้นหาต่อไป ได้แก่เว็บ //www.thaiwebhunter.com/ และ
//www.sanook.com
Metasearch Engines
…….. จะเป็น Search Engine ที่ใช้ในการค้นหาเว็บ ด้วยตัวของ Search Engine แบบ Metasearch Engines เองแล้ว แต่ที่เด่นกว่านั้นคือ
Search Engine แบบ Metasearch Engines จะยังสามารถเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่นๆ เพื่อเรียกดูข้อมูลที่ Search Engine
อื่น ๆ ค้นพบ โดยสังเกตได้จาก จะมีคำว่า [Found on Google, Yahoo!] ต่อทางด้านท้าย นั้นก็หมายความว่าการค้นหา ข้อความนั้น ๆ
มาการเชื่อม
โดยไปค้นข้อมูลจาก เว็บ Google และ Yahoo แต่การค้นหา ด้วยวิธีนี้มีจุดด้อย คือ วิธีการนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับขนาดเล็กใหญ่ของตัวอักษรและมักจะ
ไม่ค้นหาคำประเภท Natural Language (ภาษาพูด) และที่สำคัญ Search Engine แบบ Metasearch Engines ส่วนมากไม่รองรับภาษาไทย
//www.dogpile.com และ //www.kartoo.com/
วิธีการทำงานของ Google Search
- การรวบรวมข้อมูล: Google ทราบเกี่ยวกับไซต์ของคุณไหม เราสามารถหาเจอไหม
- การจัดทำดัชนี: Google สามารถจัดทำดัชนีไซต์ของคุณได้ไหม
- การแสดง: ไซต์นั้นมีเนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้นหาของผู้ใช้ไหม
Google Docs คือ
Google Documents หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Google Docs เป็นบริการออนไลน์ที่ให้คุณสามารถจัดการเอกสารได้แบบไม่ต้องเสียเงิน เพียงแค่คุณมีอีเมลของ Gmail และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพราะ Google Docs เตรียมมาให้คุณหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์รายงานแบบที่คุ้นเคย การทําสไลด์เพื่อนําเสนองานสําคัญ หรือจะจัดการเอกสารแบบ Spreadsheets ได้เหมือน Excel ก็สามารถทําได้ Google Docs ทํางานเหมือน Microsoft Office แต่ทุกอย่างจะทํางานอยู่บนเว็บ สามารถทํางานได้ทันทีที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่อง หรือเสียเงินค่าลิขสิทธิ์ก่อนใช้งานแต่อย่างใด เพียงแค่เข้าไปยัง Google Docs เราก็สามารถสร้าง แก้ไข หรือเปิดอ่านเอกสารได้เลย โดยตัวเอกสารนั้นจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Google และที่สําคัญเราสามารถแชร์เอกสารให้กับเพื่อนเพื่อแก้ไขข้อมูลไปพร้อมๆ กัน โดยจะเห็นว่าอีกฝ่ายกําลังพิมพ์อะไรอยู่
Google Docs ใช้ทำอะไรได้บ้าง
ความสามารถของ Google Docs มีอย่างล้นเหลือ เรียกได้ว่าตอบสนองคนที่ต้องการใช้งานเอกสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเราจะมาทําความรู้จักกันอย่างละเอียดก่อนว่า Google Docs
ใช้ทําอะไรได้บ้าง
1. สร้างเอกสาร สเปรดชีต และงานนำเสนอแบบออนไลน์
– สร้างเอกสารพื้นฐานแบบเริ่มต้นจากศูนย์
– อัพโหลดไฟล์ของคุณที่มีอยู่แล้ว
– ใช้งานบนแถบเครื่องมือได้อย่างคุ้นเคยทำให้การแก้ไขเป็นเรื่องง่ายๆ
2. ใช้งานและทำงานร่วมกันในแบบเรียลไทม์
– เลือกคนที่คุณต้องการให้เข้าถึงเอกสารของคุณได้
– ใช้งานร่วมกันได้ทันที
– แก้ไขและนำเสนอร่วมกับบุคคลอื่นในแบบเรียลไทม์
3. จัดเก็บและจัดระเบียบงานอย่างปลอดภัย
– แก้ไขและเข้าถึงจากที่ไหนก็ได้
–
จัดเก็บงานของคุณได้อย่างปลอดภัย
– บันทึกและส่งออกสำเนาได้อย่างง่ายดาย
– การจัดระเบียบเอกสารของคุณ
4. ควบคุมว่าใครสามารถดูเอกสารของคุณได้
– เผยแพร่งานของคุณเป็นหน้าเว็บ
– ควบคุมว่าจะให้ใครเห็นหน้าเว็บของคุณได้บ้าง
– โพสต์เอกสารขึ้นบล็อกของคุณ
– เผยแพร่ภายในบริษัทหรือกลุ่มของคุณ