ภูเขาไฟแบบต่างๆ
ภูเขาไฟแบ่งตามลักษณะการเกิดและรูปร่างได้ 3 แบบ คือ
1. แบบกรวยกรวดภูเขาไฟ (cinder cone) มีรูปร่างลักษณะเหมือนกรวยสูงที่คว่ำอยู่ จัดเป็นภูเขาไฟที่มีขนาดเล็กที่สุด ภูเขาไฟแบบนี้เกิดจากการปะทุของหินหลอมเหลวภายใต้ผิวโลกถูกดันปะทุออกมาทาง ปล่องอย่างแรง มีผลให้ชิ้นส่วนหินที่ร้อนจัดลุกเป็นไฟปะทุขึ้นไปในอากาศ
แล้วเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นกรวดภูเขาไฟ มีลักษณะเป็นผลึกแข็งเหมือนแก้ว การปะทุของหินหลอมเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ถ่านและขี้เถ้ากองทับ กันเป็นแนวลาดเป็นชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ภูเขาไฟส่วนใหญ่ที่พบเห็นมักจะมีลักษณะรูปร่าง
2.กรวยภูเขาไฟสลับชั้น (stratovolcano)
มีลักษณะคล้ายแบบแรก แต่มีฐานแผ่นใหญ่และมีความลาดจากปากปล่องมาที่ฐานมากกว่าแบบแรก ทั้งนี้เพราะเมื่อเกิดการระเบิด นอกจากหินที่ร้อนจัดจะถูกดันปะทุขึ้นไปในอากาศทางปากปล่องโดยตรงแล้ว หินหนืดยังถูกดันออกมาทางด้านข้างของปล่องอีกด้วย แต่เนื่องจากหินหนืดที่ไหลออกมามีความหนืดสูง จึงทำให้ไหลไปไม่ไกลนัก และเกิดการทับถมของหินหนืดที่เย็นตัวลงผสมกับหินที่แข็งตัวและขี้เถ้าจากการ ปะทุครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เกิดเป็นภูเขาไฟรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ขึ้น ตัวอย่างของภูเขาไฟแบบนี้ที่รู้จักกันทั่วไป คือ ภูเขาไฟฟุจิ ในประเทศญี่ปุ่น
3. ภูเขาไฟรูปโล่ (shield volcano) เป็นแบบที่มีลักษณะกว้างเตี้ยคล้ายรูปโล่คว่ำ ทั้งนี้เพราะหินหนืดไหลออกมาจากปล่องมีอุณหภูมิสูงมาก และมีอัตราการไหลเร็วมากจึงไหลไปได้เป็นระยะทางไกล ไม่เกิดการทับถมของเถ้าถ่านเป็นรูปกรวย แต่จะขยายแผ่กว้างออกไป จึงเป็นภูเขาไฟที่มีรูปร่างกว้างใหญ่ที่สุด ภูเขาไฟแบบนี้มีอยู่มากในแถวหมู่เกาะฮาวาย นอกจากนี้นักธรณีวิทยายังพบว่า ก่อนและหลังที่ภูเขาไฟจะระเบิด มักจะเกิดแผ่นดินไหวก่อน
ภูเขา เกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้
1. เกิดจากการยกตัวขึ้นของพื้นทวีปซึ่งได้รับแรงดันจากหินหนืด กระบวนการยกตัวขึ้นของพื้นทวีปนี้มีหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนก็ใช้เวลานานมาก
2.
เกิดจากการดันของหินหนืดที่ใต้ผิวโลกแล้วเย็นตัวก่อนที่จะไหลออกมา เช่น การเกิดภูเขาหินแกรนิตทางทิศตะวันตกของภาคกลาง
3. เกิดจากการที่เปลือกโลกถูกแรงบีบอัดจนโค้งงอ เช่น การเกิดเทือกเขาภูพาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
4. เกิดจากการที่ผิวโลกมีความทนทานต่อการกร่อนไม่เท่ากัน ส่วนที่ไม่แข็งจะถูกกัดกร่อนทำลายไป ส่วนที่แข็งยังคงอยู่ เช่น
การเกิดภูกระดึง จังหวัดเลย
ภูเขาไฟรูปกรวยกรวดภูเขาไฟ (cinder cone volcano)
ภูเขาไฟรูปกรวยกรวดภูเขาไฟ (cinder cone volcano) เป็นภูเขาไฟที่ก่อรูปจากการปะทุอย่างรุนแรง
และพ่นเศษของลาวาที่อยู่ในรูปของเถ้าถ่านออกมาภายนอก
เถ้าถ่านจะรวมตัวกันโดยรอบปากปล่องภูเขาไฟและทำให้ด้านข้างของภูเขาไฟรูปกรวยสูงชันขึ้น
โดยมีช่วงของความชันอยู่ระหว่าง 35-40 องศา ตัวอย่างของภูเขาไฟแบบนี้ ได้แก่ ภูเขาไฟคาพูลิน ในมลรัฐนิวเม็กซิโก
และภูเขาไฟพีลี บนหมู่เกาะของมาร์ตินีก
กรวยภูเขาไฟสลับชั้น (stratovolcano)
กรวยภูเขาไฟสลับชั้น (stratovolcano) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภูเขาไฟแบบแบบรูปผสม
ฃเป็นภูเขาไฟที่มีการสลับชั้นของหินลาวาและหินตะกอนภูเขาไฟมีรูปร่างแบบกรวยที่ก่อรูปมาจากแอนดีไซต์ ลาวา ขี้เถ้า
เถ้าถ่าน และเศษหิน กรวยภูเขาไฟสลับชั้นจะมีด้านข้างสูงชันมาก ขณะปะทุจะรุนแร สลับกับการไหลของลาวาหลาก
และมีการจัดเรียงชั้นหินที่ไม่ดี ภูเขาไฟชนิดนี้มีการปะทุแล้วหยุดไประยะหนึ่งแล้วจึงปะทุขึ้นใหม่อีก
ตัวอย่างของภูเขาไฟแบบนี้ ได้แก่ ภูเขาไฟฟูจี ประเทศญี่ปุ่น และภูเขาไฟวิซูเวียส ประเทศอิตาลี ภูเขาไฟเซนต์ เฮเลนส์
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภูเขาไฟรูปโล่ (shield volcano)
ภูเขาไฟรูปโล่ (shield volcano) เป็นภูเขาไฟที่ก่อรูปจากลาวาหลากของหินบะวอลต์
เมื่อลาวาหลากของหินบะซอลต์ที่มีความหนืดต่ำไหลขึ้นมาถึงผิวพื้นโลก
จะเกิดการไหลกระจายออกไปโดยรอบศูนย์กลางของปล่องภูเขาไฟ ทำให้ด้านข้างของภูเขาไฟมีความชัน
โดยมีช่วงของความชันอยู่ระหว่าง 2-20 องศา ตัวอย่างของภูเขาไฟแบบนี้ ได้แก่ ภูเขาไฟที่อยู่ในหมุ่เกาะฮาวาย
ประเทศสหรัฐอเมริกา ภูเขาไฟมัวนา ลาว์ ภูเขาไฟคิลาว์เอีย รวมทั้งภูเขาไฟเวอร์ทเซย์ ภูเขาไฟเฮลลกาเฟล
และภูเขาไฟลากี ประเทศไอซ์แลนด์