ทฤษฎี ความสุข เป็น งาน เขียน ของ ใคร ที่ กล่าว ไว้

ช่วงนี้หลายคนเครียดจากการทำงาน การใช้ชีวิต  work from home นานๆ ก็อาจทำให้หมดไฟ หมดพลังในการทำงานกันลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย  เชื่อว่าใครๆก็อยากหาเคล็ดลับ เทคนิคที่ทำให้มีความสุขกันง่ายๆ ลองมาค้นหาความสุขไปพร้อมๆกัน  “PERMA ทฤษฎีมีสุข”

โมเดลนี้คิดค้นโดย ดร.มาร์ติน เซลิกแมน บิดาแห่งจิตวิทยาเชิงบวก ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือที่ชื่อว่า Flourish ในปี 2001 โดยใช้อักษรย่อ PERMA เป็นตัวแทนขององค์ประกอบ 5 ที่จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นและยั่งยืนยิ่งขึ้น ดังนี้

  P มาจาก Positive Emotion เพิ่มอารมณ์เชิงบวก
หมายถึง อารมณ์ที่เป็นบวก เช่น รู้สึกสงบ รู้สึกพึงพอใจ รู้สึกมีแรงบันดาลใจ รู้สึกมีความหวัง หรือรู้สึกรักใคร่ ความรู้สึกเหล่านี้สำคัญมาก เพราะมันทำให้เราเพลิดเพลินกับชีวิตในปัจจุบัน และจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่องค์ประกอบอื่น ๆ ของ PERMA เกื้อหนุน

เราไม่อาจมีอารมณ์เชิงบวกได้ตลอดเวลา แต่เราสามารถมีความรู้สึกเชิงบวกได้บ่อยๆ เมื่อใดที่รู้สึกอารมณ์ไม่บวกอย่างเพียงพอ ก็ลองหยุดแล้วคิดว่าเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น

ถ้าพิจารณาที่อาชีพการงาน ให้ลองถามว่าตัวเองได้ใช้ทักษะและจุดแข็งของตัวเองอย่างเพียงพอแล้วหรือยัง ลองค้นหาตัวเอง แล้ววิเคราะห์ออกมา

จากนั้นให้ลองคิดต่อไปว่า อะไรที่ทำให้คุณมีอารมณ์ทางด้านบวกขึ้นมาได้บ้าง  ลองคิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา คิดถึงสถานที่ต่าง ๆ เป็นไปได้ไหมที่จะสร้างประสบการณ์นั้นขึ้นมาอีกครั้งหรือทำให้สถานที่ที่อยู่ในปัจจุบันสร้างอารมณ์แบบเดียวกับสถานที่ที่เราชื่นชอบได้

E มาจาก Engagement ดำดิ่ง ไหลลื่นในสิ่งที่ทำ
หมายถึง การมีส่วนร่วมและผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ต่อหน้าที่การงาน ต่อโปรเจ็กต์นั้น ๆ เมื่อเราอยู่ในภารกิจแล้วปฏิบัติได้อย่างไหลลื่น เราจะลืมคิดถึงตัวตนหรือสิ่งต่าง ๆ และหันไปมีสมาธิจดจ่อกับปัจจุบันขณะที่กำลังทำภารกิจอยู่ สิ่งนี้จะทำให้เรามีความสุขขึ้นมาได้

การทำอะไรที่เราเข้าไปผูกพันไม่ว่าจะเป็นงาน งานอดิเรก หรือกีฬา จะช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น

แต่การจะเข้าไปรู้สึกผูกพันกับอะไรบางอย่าง เราจะต้องตัดสิ่งที่จะทำให้เราวอกแวกทิ้งไปแล้วพัฒนาสมาธิในเรื่องนั้น ๆ เช่น ถ้าเรามุ่งเป้าไปยังพันธกิจโปรเจ็กต์ใหม่ เราต้องสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่จะไม่ทำให้เราไขว้เขวไปกับสิ่งอื่น  แล้วให้เวลากับสิ่งนั้น อย่างเพียงพอ

R มาจาก Relationships เอาใจใส่ต่อมิตรภาพ
หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์ในเชิงบวก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม การผูกพันกับใครในทางที่ดีและมีความหมาย จะทำให้มีความสุขได้มากกว่าคนที่ไม่ผูกพันกับใครหรือมีความสัมพันธ์ในเชิงลบ

ลองนึกว่าคุณใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน และมีความสัมพันธ์กับใครบ้าง ถ้าคุณอยู่ในที่ทำงานมากที่สุด  คุณก็ควรจะมีความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานให้ดีที่สุด ลองคิดว่าถ้ายังไม่ดี เป็นเพราะอะไร  แล้วลองหาวิธีพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเพื่อน ครอบครัว และคนรักอีกด้วย  คุณได้ลองพยายามใช้เวลาให้มากเพียงพอหรือยัง และถ้าคุณคิดว่ายากที่จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น คุณควรจะวางตัวอย่างไรไม่ให้ความสัมพันธ์แย่ ๆ นั้นเข้ามากระทบกระเทือนจิตใจของคุณได้

M มาจาก Meaning ความหมายของการมีชีวิตอยู่
หมายถึง  การรู้สึกถึงความหมายในชีวิต  แน่นอนว่าหมายถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวของเราเอง อาจจะเป็นความหมายที่เรามีต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อองค์กร หรือต่อสถาบันต่าง ๆ ก็ได้

ไม่เฉพาะการรู้สึกมีความหมายหรือการพบคุณค่าในการทำงาน แต่ยังรวมไปถึงชีวิตส่วนตัว การทำกิจกรรมต่าง ๆ กับครอบครัว การเป็นอาสาสมัคร การเจือจุนเมตตาเพื่อนมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนทำให้คนเรารู้สึกว่าตัวเองมีความหมาย และสร้างความเบิกบานใจได้เช่นกัน

A มาจาก Accomplishment การบรรลุถึงเป้าหมาย
หมายถึง การประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ถ้วยรางวัลหรือเหรียญตรา ยังรวมถึงการสำเร็จในทักษะ ความชำนาญ การบรรลุเป้าหมายบางอย่างที่คุณได้ตั้งเอาไว้ด้วย

ลองสำรวจว่าคุณใช้เวลาและพลังมากพอที่จะเดินตามความฝันหรือยัง เริ่มจากลองคิดว่าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรกันแน่ ลองสร้างแผนในการบรรลุเป้าหมายในชีวิต หาสิ่งที่อยากจะทำให้สำเร็จจริงๆ แล้วสร้างโปรแกรมไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เห็นภาพว่าจะบรรลุความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร  ใครที่อยากทดสอบระดับ “อยู่ดีมีสุข” หรือ “Well-Being” ของตนเอง สามารถทำแบบทดสอบได้ //www.authentichappiness.sas.upenn.edu/testcenter

ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคสั้นๆจาก  “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” ซึ่งข้อความนั้นได้เขียนบรรยายเกี่ยวกับ “ทฤษฎีแห่งความสุข”
“A calm and humble life will bring more happiness than the pursuit of success and the constant restlessness that comes with it.”
“ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบ จะนำความสุขมาให้ยิ่งกว่าการไล่ติดตามความสำเร็จ รวมทั้งความกังวลทั้งหลายที่มากับมันตลอดเวลาด้วย”

แหล่งข้อมูล : //www.lifeeducation.in.th/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b...

อยากมีความสุขต้องทำอย่างไร?

คำถามที่เราคงถามตัวเองกันบ่อยๆ ในยามที่เหนื่อยล้ากับชีวิต การงานมีปัญหา ความสัมพันธ์ถึงทางตัน และสารพัดความทุกข์ที่ไหลบ่า จนทำให้คิดไปว่า ถ้าโลกนี้มีสูตรคณิตศาสตร์ ที่แทนค่าบางตัวแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นความสุขจำนวนมหาศาลก็คงจะดี 

โลกซ่อน “ความลับของความสุข” เอาไว้ที่ไหนกันนะ

ในระหว่างที่เรากำลังคิดถึงคำถามนี้ ก็บังเอิญได้อ่านบทความหนึ่งใน Medium ที่มีชื่อว่า “Greatest Tip Ever: Albert Einstein’s Theory of Happiness” และพบว่า โลกไม่สามารถเก็บ “ความลับของความสุข” ไว้ได้ตลอดกาล เพราะมีผู้ที่ไขความลับนี้ออกแล้ว นั่นคือ Albert Einstein (อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก ผู้เป็นเจ้าของทฤษฎีสัมพัทธภาพนั่นเอง 

ทฤษฎี (ไม่) ลับ กับกระดาษสองใบ

ย้อนกลับไปในยุคที่ไอน์สไตน์ยังมีชีวิต เชื่อหรือไม่ว่าไอน์สไตน์เองก็มีช่วงเวลาที่ต้องเลือกเส้นทางชีวิตเหมือนกับเรา

ในปี 1922 เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ จากนั้นนักวิทยาศาสตร์แสนปราดเปรื่องคนนี้ก็ตระเวนแจกจ่ายความรู้ของเขาไปให้คนหมู่มาก แล้วไอน์สไตน์ก็ได้เดินทางมาพักผ่อนที่ญี่ปุ่น

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในช่วงที่เขากำลังจะออกจากโรงแรมแห่งหนึ่งในโตเกียว หลังจากที่พนักงานยกกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว ไอน์สไตน์กลับไม่ได้ให้ทิปพนักงานคนนั้นเป็นเงินตามปกติ แต่ได้ให้กระดาษที่เขาเขียนประโยคหนึ่งลงไปว่า

“Instead, a calm and modest life brings more happiness than the never-ending pursuit of success.”

“ในทางตรงกันข้าม ชีวิตอันสงบสุขและเรียบง่ายจะนำความสุขมาให้ มากกว่าการไล่ตามหาความสำเร็จแบบไม่รู้จบ” 

ข้อความสั้นๆ นี้มาจากความรู้สึกเหนื่อยใจอันสาหัสของเขาเอง เพราะหลังจากที่ไอน์สไตน์ได้ไล่ตามเงินตรา อำนาจและชื่อเสียงจนแทบไม่ได้พักผ่อน เขาก็รู้สึกว่าชีวิตที่สงบและเรียบง่ายคือชีวิตอันแสนสุขอย่างแท้จริง

จากกระดาษโน้ตที่มอบให้พนักงานโรงแรม มาถึงวันนี้ ข้อความดังกล่าวได้กลายเป็น “ทฤษฎีแห่งความสุขของไอน์สไตน์” (Einstein’s Theory of Happiness) ที่มีผู้ประมูลไป ณ งานประมูลแห่งหนึ่งในเมืองเยรูซาเลม โดยกระดาษแผ่นหนึ่งขายได้ในราคา 2.4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอีกแผ่นมีราคาถึง 1.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมๆ แล้วสิ่งที่เรียกว่า “ความลับของความสุข” นี้มีมูลค่ารวมเกือบ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว!

ปรัชญาชีวิต จาก Spinoza ถึงไอน์สไตน์

ถ้าหากสาวลึกลงไปว่าเหตุใดไอน์สไตน์จึงคิดเช่นนั้น จุดเริ่มต้นอาจมาจากความชื่นชอบในนักปรัชญาชาวยิว-ดัตช์คนหนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ที่ชื่อ “Baruch Spinoza” ผู้เป็นช่างทำเลนส์แว่นตา ซึ่งไม่เคยสนใจของรางวัลหรือเกียรติยศต่างๆ เลย ชีวิตของ Spinoza นี้เองที่ทำให้ไอน์สไตน์เข้าใจชีวิตที่สงบสุขและเรียบง่าย 

“ผมมีความสุขเพราะผมไม่ต้องการสิ่งไหนจากใครทั้งนั้น ผมไม่สนใจเงิน ของสวยงาม ตำแหน่ง หรือความแตกต่างใดๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีค่าในสายตาผม ผมไม่ใฝ่หาคำสรรเสริญ เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีความสุขนอกจากงาน ไวโอลินและเรือของผมก็คือ คำชมจากผู้ที่ติดตามงานของผม”

และดูเหมือนว่าแนวคิดของไอน์สไตน์ จะตรงกับแนวคิดของนักจิตวิทยาบางคนที่มองว่า สิ่งไหนสามารถทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินจนลืมเวลา สิ่งนั้นก็คือความสุข และไอน์สไตน์ยังได้ถ่ายทอดมุมมองนี้ลงในจดหมายที่ส่งถึงลูกชายเขาเองด้วย ซึ่งเป็นเสมือนความลับของการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่รู้จบ

“เราจะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้มากที่สุด ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกสนุกขณะที่กำลังทำสิ่งนั้น จนเราไม่สนใจว่าเวลากำลังผ่านไปแค่ไหน เพราะบางครั้งพ่อเองก็มัวแต่ขลุกตัวอยู่กับงานจนลืมมื้อเที่ยงด้วยซ้ำ”

สิ่งที่สะท้อนว่า ไอน์สไตน์ให้ความสำคัญกับความสุขในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน คือการที่เขาพยายามค้นหาว่า “วิถีของโลกใบนี้คืออะไร” แทนที่จะต่อสู้เพื่อให้ตนร่ำรวย มีอำนาจหรือควบคุมผู้อื่นได้ เหมือนอย่างที่เขาปฏิเสธตำแหน่งประธานาธิบดีของอิสราเอลไป

ทฤษฎีความสุขในแบบฉบับของเราเอง

กระดาษสองใบของไอน์สไตน์อาจไม่ใช่ความลับสุดยอดของจักรวาล ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือน E=mc^2 แต่มันกลับบอกอะไรเราได้หลายอย่าง ในวันที่เราเหนื่อยล้ามากๆ กับการพยายามขึ้นไปให้สูง อาจเป็นวันเดียวกับที่เราต้องหยุดพัก แล้วมองหาสิ่งที่เพลิดเพลิน ชโลมใจ เป็นความสุขอันเรียบง่ายเหมือนอย่างที่ไอน์สไตน์ได้ค้นพบ

แน่นอนว่าเรายังต้องต่อสู้ ต้องดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตที่ดี หลายๆ คนไม่ได้อยู่ในจุดที่ปฏิเสธเงินทองได้ ชีวิตยังต้องกินต้องใช้ แต่ในบางวันที่เผชิญความทุกข์ตรม ข้อความในกระดาษของไอน์สไตน์อาจทำให้เราหันกลับมามองชีวิตอันเรียบง่ายอีกครั้ง เพื่อค้นพบความสุข แม้ในบางสิ่งที่ดูเล็กน้อย ก็อาจเป็นหนทางสู่ความสุขได้ แค่เพียงเราตั้งใจไปกับมัน 

ว่าแต่คุณรู้ไหม ว่ากระดาษอีกใบถูกเขียนว่าอะไร?

กระดาษใบที่สองนั้น ไอน์สไตน์ได้เขียนไว้ว่า “When there’s a will, there’s a way.” 

เมื่อใดที่มีความปรารถนาอันมุ่งมั่น เมื่อนั้นหนทางจะปรากฏ

เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
– พบความสุขง่ายๆ จาก ‘โดนัท’ โฟกัสให้ถูกจุด มองข้ามให้เป็น
– ตามหา ‘ความสุข’ ในช่วงเวลายากลำบาก

แปลและเรียบเรียง
//bit.ly/2Zq1DzV

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ //missiontothemoon.co/

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

flow chart แสดงขั้นตอนการปฏิบัติงาน lmyour แปลภาษา กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่เรือ การเขียน flowchart โปรแกรม ตัวรับสัญญาณ wifi โน๊ตบุ๊คหาย ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน ผู้แต่งกาพย์เห่ชมไม้ ภูมิปัญญาหมายถึง มีสัญญาณ wifi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ เชื่อมต่อแล้ว ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ /roblox promo code redeem 3 พระจอม มีที่ไหนบ้าง AKI PLUS รีวิว APC UPS APC UPS คือ Adobe Audition Adobe Bridge Anapril 5 mg Aqua City Odaiba Arcade Stick BMW F10 jerk Bahasa Thailand Benz C63 ราคา Bootstrap 4 Bootstrap 4 คือ Bootstrap 5 Brackets Brother Scanner Brother iPrint&Scan Brother utilities Burnt HD C63s AMG CSS เว้น ช่องว่าง CUPPA COFFEE สุราษฎร์ธานี Cathy Doll หาซื้อได้ที่ไหน Clock Humidity HTC-1 ColdFusion Constitutional isomer Cuppa Cottage เจ้าของ Cuppa Cottage เมนู Cuppa Cottage เวียงสระ DMC DRx จ่ายปันผลยังไง Detroit Metal City Div class คือ Drastic Vita