การพูดในโอกาสและสถานการณ์ต่าง ๆ
จุดมุ่งหมาย
โอกาสที่จะต้องกล่าวคำปราศรัย หรือพูดต่อที่ชุมนุมชน มีมากมายเหลือเกิน ทั้งแบบเป็นทางการ และแบบไม่เป็นทางการ ทุกคนจะต้องเผชิญปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องการพูด ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ตราบใดที่ยังอยู่กับสังคม
ผู้ฝึกจะต้องเรียนรู้หลักทั่วไปของการกล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสต่าง ๆ แล้วเลือกเตรียมสุนทรพจน์สักแบบหนึ่งมากล่าวในที่ประชุม โดยสมมุติสถานการณ์ขึ้นว่าจะกล่าวในโอกาสอะไร ผู้ฟังในห้องประชุมเป็นใคร และตนเองกล่าวในฐานะอะไร จะเป็นเรื่องจริงหรือเลียนแบบ โดยสมมุติสถานการณ์แปลก ๆ ขึ้นก็ได้ แต่ต้องสมเหตุสมผล ถ้าเป็นเรื่องทีเล่นทีจริงต้องระวัง อย่าให้ผู้ใดเสียหายโดยไม่จำเป็น
ในการกล่าวรายงานหรือแถลงเป็นทางการ อาจมีต้นร่างมาอ่านเพื่อไม่ให้ผิดพลาดตกหล่น แต่ผู้พูดจะต้องรักษาบุคลิกภาพในการพูดให้เหมาะสม ไม่ก้มหน้าดูบทตลอดเวลา ต้องใช้สายตาดูบทเพียง ๑ ใน ๓ อีก ๒ ใน ๓ มองผู้ฟัง
ข้อควรคำนึงสำหรับการพูดในโอกาสต่าง ๆ
เมื่อได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พูดในโอกาสใดก็ตาม ที่มิใช่เป็นงานประจำหรือมิใช่งานปาฐกถาธรรมดาทั่ว ๆไป ผู้พูดควรสำรวจวิเคราะห์สิ่งต่อไปนี้ก่อน
๑. จุดมุ่งหมายของการประชุม
- การประชุมนั้นจัดขึ้นเพื่ออะไร
- ผู้ฟังเป็นใคร มาประชุมในฐานะอะไร
- สาระสำคัญของการประชุมอยู่ตรงไหน
๒. ลำดับรายการ
- มีรายการเรียงลำดับกันไว้อย่างไร
- ผู้พูดอยู่ในฐานะอะไร กล่าวในนามใคร
- เวลาที่กำหนดไว้นานเท่าใด หรือควรจะนานเท่าใด
- ก่อนหรือหลังรายการพูดมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจพิเศษอย่างใดหรือไม่
๓. สถานการณ์
- ผู้ฟังกำลังใจจดใจจ่อ อยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษหรือไม่
- ผู้ฟังมาด้วยใจสมัคร หรือถูกขอร้อง ถูกบังคับให้มาฟัง
- ผู้ฟังรู้จักผู้พูดหรือไม่ เลื่อมใสอยู่แล้วหรือไม่ชอบหน้า
เมื่อใดควรอ่านจากร่าง
โดยทั่วไปการพูดที่จืดชืดน่าเบื่อหน่ายที่สุด คือ การอ่านจากต้นฉบับที่เตรียมไว้ เพราะเป็นการพูดที่ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกอย่างจริงใจของผู้พูด ผู้อ่านไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมาได้ดีเท่ากับการพูดปากเปล่า ดั้งนั้น การอ่านจึงเหมาะสำหรับกรณีต่อไปนี้เท่านั้น
๑. ในโอกาสพระราชพิธี
๒. ในการเปิดประชุม หรือเปิดงานต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ
๓. การรายงานทางวิชาการ หรือสรุปการประชุม
๔. การอ่านข่าวหรือบทความทางวิทยุ โทรทัศน์ ที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว
๕. โอกาสสำคัญอื่น ๆ ซึ่งไม่ต้องการให้มีการพูดขาดหรือเกิน
นอกจากการอ่านทุกคำจากต้นฉบับที่สมบูรณ์แล้ว ยังมีการอ่านอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาศัย หลักเดียวกัน แต่ไม่ได้อ่านทั้งหมด อ่านแต่เพียงข้อความบางตอนที่ยกมาประกอบ เช่น ตัวเลข สถิติ วันเดือนปี จดหมายเหตุในประวัติศาสตร์ ข้อความในอัญญประกาศ คำประพันธ์ สุภาษิต คำสอนทางศาสนา เป็นต้น
ข้อควรระวังในการอ่าน
๑. ควรซ้อมอ่านต้นฉบับให้คุ้นกับจังหวะ วรรคตอนเสียก่อน
๒. ต้นฉบับต้องเขียนหรือพิมพ์ให้อ่านง่าย
๓. ไม่ควรเย็บติดกัน ควรวางซ้อนกันไว้ เรียงลำดับเลขหน้าให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังเวลาพลิกหน้าต่อไป
๔. ในเมื่อจะต้องอ่านก็ไม่ควรทำลับ ๆ ล่อ ๆ ควรวางต้นฉบับไว้บนแท่น หรือถือด้วยมือทั้งสองข้าง ถ้าไม่มีแท่นให้วาง
๕. อย่าก้มหน้าก้มตาอ่านตลอดเวลา ถ้าได้ซักซ้อมกันมาแล้ว เพียงแต่เหลือบสายตา ก็อาจอ่านได้ตลอดบรรทัดหรือทั้งประโยค
๖. ใช้สายตามองต้นฉบับเพียง ๑ ใน ๓ ที่เหลือมองที่ประชุม
๗. ระวังอย่าให้ขาดตอนเมื่อจะขึ้นหน้าใหม่
๘. รักษาท่วงทำนองการพูดใหม่ อย่าให้เป็นสำเนียงอ่าน
โอกาสต่าง ๆ ในการพูด
การพูดในโอกาสพิเศษ อาจแบ่งออกได้เป็น ๗ ประเภทใหญ่ ๆ คือ
๑. กล่าวแสดงความยินดี/กล่าวตอบ
๒. กล่าวไว้อาลัย
๓. กล่าวอวยพร/กล่าวตอบ
๔. กล่าวสดุดี
๕. กล่าวมอบรางวัลหรือตำแหน่ง/กล่าวตอบ
๖. กล่าวต้อนรับ
๗. กล่าวแนะนำผู้พูด-องค์ปาฐก
หลักทั่วไป
๑. พยายามคิดค้นหาลักษณะเฉพาะของโอกาสหรือบุคคลที่กล่าวถึง
อย่าพูดเหมือนกันทุกงาน
๒. อย่าลืมการขึ้นต้น และการลงท้ายที่ดี
๓. อย่าพูดนานเกินไป ควรรวบรัดที่สุด
๔. ใช้อารมณ์ขันบ้าง ถ้าเหมาะสม
ตัวอย่างสถานการณ์และหัวข้อการพูด
๑. กล่าวแสดงความยินดี
ก. แสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่งใหม่
- ผู้กล่าว กล่าวในนามของใคร
- ยกย่องในความวิริยะอุตสาหะและคุณความดี
- อวยพรหรือมอบของที่ระลึก
- อย่าชักชวนผู้ฟัง ปรบมือ ควรปล่อยให้ผู้ฟังตัดสินใจเอง หรือปรบมือนำ
ข. กล่าวตอบ
- ขอบคุณ
- ปวารณาตัวรับใช้ ยืนยันในความเป็นกันเองเหมือนเดิม
- อวรพรตอบ
๒. กล่าวไว้อาลัย
ก. กล่าวให้เกียรติผู้ตาย
- ยกย่องคุณความดีของผู้ตาย
- ให้เกียรติและให้ความอบอุ่นแก่ญาติมิตรผุ้ตาย
- ชักชวนให้ยืนไว้อาลัย (ไม่ควรมีการปรบมือเด็ดขาด)
ข. กล่าวแสดงความอาลัยในการย้ายงาน
- ชมเชยในผลงานที่ปฏิบัติ
- กล่าวถึงความรักความอาลัยของผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานทุกคน
- หวังว่าจะก้าวหน้าและทำประโยชน์ต่อไป
- อวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและประสบความสำเร็จ
๓. กล่าวอวยพร
ก. อวยพรขึ้นบ้านใหม่
- ความสำเร็จในครอบครัวอยู่ที่การมีบ้านช่องเป็นหลักฐาน
- ความซื่อสัตย์สุจริตและขยันหมั่นเพียรของเจ้าของบ้าน
- อวยพรให้ประสบความสุข
ข. อวยพรวันเกิด
- ความสำคัญของวันนี้
- คุณความดีของเจ้าภาพ
- ความเจริญเติบโต ก้าวหน้า หรือเป็นที่พึ่งของบุตรหลาน
- อวยพรให้อายุยืนนาน
ค. อวยพรคู่สมรส
- ความสัมพันธ์ของตนต่อคู่สมรส หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
- ความยินดีที่ทั้งสองครองชีวิตคู่
- อวยพร
ง. กล่าวตอบรับพระ(ทุกอย่าง)
- ขอบคุณในเกียรติที่ได้รับ
- ยืนยันจะรักษาคุณงามความดี และปฏิบัติตามคำแนะนำ
- อวยพรตอบ
๔. กล่าวสดุดี
ก. กล่าวมอบประกาศนียบัตรสดุดี
- ความหมายและความสำคัญของประกาศนียบัตร
- ความเหมาะสมของผู้ได้รับประกาศนียบัตร
- มอบ สัมผัสมือ และปรบมือให้เกียรติ
ข. กล่าวสดุดีบุคคลสำคัญที่ล่วงลับไปแล้ว
- ความสำคัญที่มีต่อสถาบัน
- ผลงานและมรดกตกทอด
- ยืนยันจะสืบต่อมรดกนี้อย่างเต็มความสามารถ
- แสดงคารวะ/ปฏิญาณร่วมกัน
๕. กล่าวมอบรางวัลหรือตำแหน่ง
ก. มอบตำแหน่ง
- ชมเชยความสามารถและความดีเด่นของผู้ที่ได้รับตำแหน่ง
- ความหมายและเกียรตินิยมของตำแหน่งนี้
- ฝากความหวังไว้กับผู้ดำรงตำแหน่งใหม่
- มอบของที่ระลึกหรือเข็มสัญญลักษณ์
- สัมผัสมือและปรบมือให้เกียรติ
ข. รับมอบตำแหน่ง
- ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจและให้เกียรติ
- ชมเชยกรรมการชุดเก่า(ส่วนดีเด่น)ที่กำลังจะพ้นไป
- แถลงนโยบายโดยย่อ
- ให้คำสัญญาจะรักษาเกียรติและปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่ง
- ขอความร่วมมือจากกรรมการและสมาชิกทุกคน
๖. กล่าวต้อนรับ
ก. ต้อนรับสมาชิกใหม่
- ความสำคัญและความหมายของสถาบัน
- หน้าที่และสิทธิที่สมาชิกจะพึงได้รับ
- กล่าวยินดีต้อนรับ
- มอบเข็มสัญญลักษณ์(ถ้ามี) สัมผัสมือ
ข. ต้อนรับผู้มาเยือน
- เล่าความเป็นมาของสถาบันโดยย่อ
- ความรู้สึกยินดีที่มีโอกาสต้อนรับ
- มอบหนังสือหรือของที่ระลึก
- แนะนำให้ที่ประชุมรู้จัก และเชิญกล่าวตอบ
๗. กล่าวแนะนำผู้พูด- องค์ปาฐก
- เหตุที่ต้องพูดเรื่องนี้
- ความรู้ ประสบการณ์ และความสำคัญของผู้พูด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้
- สร้างบรรยากาศเป็นกันเองระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ทำให้ผู้พูดอยากพูดและ
ผู้ฟังอยากฟัง
- อย่าแนะนำยาวเกินไป และอย่ายกยอจนเกินความจริง