ยาคุมกำเนิด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายคนเลือกทาน แต่ก็มีหลายคนที่ทานยคุมแล้วเกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องประจำเดินมาผิดปกติ สิวขึ้น เวียนหัว รู้สึกอยากอาเจียน แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนเป็นกังวลก็คือกลัวว่ายาคุมที่ทานเป็นประจำจะมากระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้น วันนี้ทางพี่หมอเลยขอมาเสนอ การเลือกยาคุมกำเนิดรักษาสิวให้เหมาะสมกับตัวเองค่ะ
4 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิว
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องการเลือกยาคุม เราต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง ดังนี้
1. การผลิตน้ำมันส่วนเกิน (ซีบัม)
2. รูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
3. แบคทีเรีย
4. การอักเสบ
สิวส่วนใหญ่จะอยู่แถวบนใบหน้ามากกว่าส่วนอื่นของร่างกายค่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะพบได้บ่อยตรงส่วนของ หน้าผาก หน้าอก หลังส่วนบน และไหล่ เนื่องจากบริเวณผิวหนังเหล่านี้มีต่อมไขมัน (Sebaceous) มากที่สุด จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นสิวบริเวรณีมากกว่าจุดอื่นนั้นเอง
ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
2. ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แบบเดียว
3. ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน
ยาคุมที่ตอบโจทย์เรื่องคนอยากลดสิวได้มากที่สุดคือ 1. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เท่านั้นค่ะ เพราะตัวยาประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน เป็นชนิดแนะนำให้ใช้กันทั่วไป เนื่องจากตัวยาคุมแบบฮอร์โมนรวมมีสารที่ชื่อว่า เอสโตรเจน (Estrogen)
สารตัวนี้จะช่วยในการต้านโฮโมนเพศชายได้ดีค่ะ ทำให้ร่างกายของเราไม่เกิดการกระตุ้นต่อมไขมันที่ผิวหนัง ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ รวมทั้งลดระดับความรุนแรงและการอักเสบของสิวด้วย แต่ราคาก็แอบแรงอยู่นิดหน่อย
ส่วนตัวยาที่ 2 ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แบบเดียว จะเหมาะกับคนที่ให้นมบุตรมากกว่าค่ะ แถมตัวยายังมีราคาค่อนข้างถูก ถ้าถามว่าคนปกติที่ทานยาคุมอยู่และไม่มีปัญหาเรื่องสิวก็สามารถทานตัวนี้ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ตัวยาที่ 3 ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน พี่หมอไม่แนะนำให้ทานแบบประจำ หรือเอามาตรฐานของยาคุมปกติมาวัดเด็ดขาด ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันหรือการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น ถุงยางแตก รั่วหรือ หลุด เป็นต้น ตามชื่อเลยที่บอกว่าฉุกเฉิน ก็ต้องใช้ในกรณีที่ฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้นค่ะ
กินยาคุมรักษาสิว กี่เดือนเห็นผล
การรับประทานยาคุมเพื่อรักษาสิว อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผล เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาเพื่อปรับความสมดุลของฮอร์โมนเพศ อาจจะมีการแต้มเจลช่วยบ้าง ส่วนในกรณีที่สิวเห่อหนักจริงๆ สามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว
ยาคุมรักษาสิว กินตอนไหน
พี่หมอแนะนำว่า ควรเลือกกินยาในเวลาเดียวกันของทุกๆ วัน เอาแบบตรงเวลาเดิมตลอด ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนตื่นเช้า ก็ควรที่จะตั้งนาฬิกาเตือนเวลานั้นในทุกๆ วัน จะเลือกเช้าหรือเย็นก็ไม่สำคัญเท่ากับการกินยาที่ตรงเวลาและสม่ำเสมอ และต้องทานยาคุมตามลูกศร ไม่ใช่นึกอยากจะกินเม็ดไหนก็บิเม็ดนั้นออกมา ห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ แนะนำให้กินยาคุมให้ตรงเวลาทุกครั้งจะดีที่สุดค่ะ
หลายคนเชื่อว่ายาคุมอาจเป็นตัวเลือกหนึ่งในการรักษาสิว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสิวจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่ยาคุมสามารถรักษาสิวได้จริงหรือไม่ วิธีนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
ผู้ใช้ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพื่อให้มั่นใจว่ายาคุมจะเกิดประโยชน์ในการรักษาสิว และป้องกันการเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพหลังใช้ยา
ยาคุมรักษาสิวได้จริงหรือไม่ ?
ยาคุมที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสตินช่วยรักษาสิวได้ เนื่องจากตัวยาจะไปลดระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนลง ทำให้การผลิตไขมันซีบัม (Sebum) จากต่อมไขมันใต้ผิวหนังลดลง ซึ่งช่วยลดการเกิดสิว
ยาคุมรักษาสิวได้อย่างไร ?
การเปลี่ยนแปลงของระดับของฮอร์โมนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนในกลุ่มฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนจะกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้ผลิตไขมันซีบัมออกมา
แม้ตามปกติแล้วรังไข่ของผู้หญิงและต่อมหมวกไตจะผลิตฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนในระดับต่ำ แต่หากระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนเพิ่มสูงขึ้น ก็อาจทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้ไขมันอุดตันตามรูขุมขนจนเกิดสิวได้
โดยการรับประทานยาคุมที่ประกอบด้วยเอสโตรเจน และโปรเจสตินซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน จะช่วยลดระดับแอนโดรเจนในร่างกายลง ซึ่งช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้
ยาคุมชนิดใดเหมาะกับการรักษาสิว ?
การรับประทานยาคุมเพื่อรักษาสิว ต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งมีส่วนผสมของทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเท่านั้น เนื่องจากยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีแค่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไม่สามารถช่วยรักษาสิวได้
โดยแพทย์หรือเภสัชกรอาจแนะนำผู้ที่เป็นสิวให้รับประทานยาคุมในกรณีที่ผู้นั้นมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ร่วมด้วย หรืออาจแนะนำให้ใช้ยาคุมหลังจากรักษาสิวด้วยวิธีการอื่นแล้วไม่ได้ผล เช่น การทาครีมแต้มสิว การทาหรือรับประทานยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
ด้านองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้รับรองยาคุม 3 ประเภทว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาสิว โดยมีสรรพคุณช่วยเพิ่มระดับโปรตีนที่จับตัวกับฮอร์โมนเพศ และช่วยลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตซีบัม ดังนี้
- นอร์อิทินโดรนและเอทินิลเอสตราไดออล มีส่วนประกอบของเอสโตรเจนและโปรเจสติน มักใช้รักษาสิวในผู้หญิงอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่วัยมีประจำเดือนแล้ว ซึ่งต้องการรับประทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ และต้องการรักษาสิวหลังจากทายาแต้มสิวไม่ได้ผล โดยรับประทานยาติดต่อกันนานอย่างน้อย 6 เดือน โดยตัวยาจะมีปริมาณเอสโตรเจนแตกต่างกันออกไป
- นอร์เจสทิเมทและเอทินิลเอสตราไดออล ยาคุุมชนิดนี้มีส่วนประกอบของเอสโตรเจนและโปรเจสติน จากงานวิจัยพบว่ายาคุมชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว โดยตัวยาจะมีปริมาณโปรเจสตินแตกต่างกันออกไป
- ดรอสไพริโนนและเอทินิลเอสตราไดออล เป็นยาคุมที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจนและโปรเจสติน ยาคุมชนิดนี้ใช้รักษาสิวระดับปานกลางในหญิงอายุ 14 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่วัยมีประจำเดือนแล้วและต้องการรับประทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้นอย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาประกาศว่ายาคุมที่มีส่วนประกอบของดรอสไพริโนน อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาคุมรักษาสิว
ผู้ที่อยู่ในภาวะต่อไปนี้ ไม่ควรรับประทานยาคุมเพื่อรักษาสิว
- ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธ์ุ หรือยังไม่มีประจำเดือน
- ต้องการตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- เป็นผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- อ้วนมากหรือขยับร่างกายลำบาก
- มีปัญหาการแข็งตัวของหลอดเลือดผิดปกติ
- มีประวัติภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ขาหรือปอด
- มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง
- มีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม
- เป็นผู้ป่วยไมเกรน โรคเบาหวาน โรคตับ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด หรือโรคหัวใจ
ประโยชน์ของการรับประทานยาคุมรักษาสิว
จากการทดลองการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมเพื่อรักษาสิวพบว่า ผู้ป่วยมีจำนวนสิวลดลง โดยยาคุมจะช่วยลดการเกิดสิวใหม่ รวมทั้งลดระดับความรุนแรงและการอักเสบของสิวด้วย แต่การรับประทานยาคุมเพื่อรักษาสิว อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผล เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาเพื่อปรับความสมดุลของฮอร์โมนเพศ
รับประทานยาคุมเพื่อรักษาสิวอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด ?
เคล็ดลับในการรับประทานยาคุมเหล่านี้ อาจช่วยให้รักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เนื่องจากการรับประทานยาคุมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รู้สึกเจ็บและคัดเต้านม ปวดศีรษะ มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด และสิวขึ้นในช่วงแรกของการใช้ยา
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาชนิดอื่นที่กำลังใช้อยู่ เพระส่วนประกอบในยาชนิดอื่น ๆ เช่น ยาเตตราไซคลีน หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมลดลง และอาจนำไปสู่การตัั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดอาจต้องใช้การคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการเจ็บป่วยต่าง ๆ เพราะผู้ที่มีประวัติการป่วยหรือกำลังมีปัญหาสุขภาพบางชนิดก็ไม่ควรใช้ยาคุม โดยแพทย์อาจแนะนำให้รักษาสิวด้วยวิธีอื่นแทน
กินยาคุมรักษาสิว กี่วันเห็นผล
แต่การกินยาคุมนั้นจะไม่เห็นผลว่าสิวยุบในเดือนแรก ต้องเริ่มกินไปสัก 2-3 เดือน จะเห็นว่าสิวเริ่มลดลง ผิวดีขึ้น เพราะต่อมไขมันจะค่อยๆ ทำงานน้อยลง ดังนั้นหน้าจะมันน้อยลงด้วย แต่ไม่ใช่จะมีอาการหน้าแห้งเหมือนทานโรแอคคิวเทน(roaccutane)หรือ กรดวิตามินเอ อันนั้นจะลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้การอุดตันลดลง และการอักเสบ ลดลงด้วย ...กินยาคุมทำให้สิวหายจริงไหม
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีประโยชน์ช่วยลดการเกิดสิวได้จากฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงในเพศหญิง โดยจะได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยารักษาสิวประเภทอื่น ๆ อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามการใช้ยาคุมกำเนิดอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้อาเจียน เจ็บคัดเต้านม เลือด ...ยาคุมแบบไหนรักษาสิว
ยาคุมชนิดใดเหมาะกับการรักษาสิว ? การรับประทานยาคุมเพื่อรักษาสิว ต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งมีส่วนผสมของทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเท่านั้น เนื่องจากยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีแค่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไม่สามารถช่วยรักษาสิวได้ยาคุมยี่ห้อไหนกินแล้วไม่เป็นสิว
หมอแนะนำ ยี่ห้อ yaz และ yazmin เป็นยาคุมกำเนิด ที่เน้นเรื่องสิวฮอร์โมนค่ะ ไม่มีผลทำให้อ้วน หรือวิงเวียน (หาข้อมูลต่อกันเอาเองเนอะ) ------------------------------- เมย์ทานของ yaz ค่ะ เริ่มทานตั้งแต่ มค 2016 - ปัจจุบันค่ะ รวม 9 เดือน